Categories
08-Aug 2024 FullBoard SouthAsia Tour

India : เลห์ ลาดักห์ ปุกเตา

India
เลห์ ลาดักห์ ปุกเตา
สรุปไฮไลท์

☀️ทะเลสาบปังกอง (Pangong Lake) – ทะเลสาบน้ำเค็มสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สุดตระการตา ตั้งอยู่บนความสูงกว่า 4,300 เมตร สวยจับใจทุกมุมมอง

☀️วัด Lamayuru (Lamayuru Monastery) – วัดพุทธทิเบตเก่าแก่ที่สุดในลาดัก ตั้งอยู่บนผาหินรูปร่างแปลกตา เรียกกันว่า “ดวงจันทร์แห่งลาดัก”

☀️ หมู่บ้าน Turtuk และ Thang ใกล้ชายแดนปากีสถาน – หมู่บ้านแห่งวัฒนธรรม Baltistan ห่างจากพรมแดนปากีสถานไม่ไกล ได้สัมผัสชีวิตที่แตกต่างอย่างแท้จริง

☀️ ทะเลทรายนูบรา และขี่อูฐสองโหนก (Bactrian Camel) – สัมผัสทะเลทรายท่ามกลางภูเขาหิมะที่ Hunder พร้อมประสบการณ์ขี่อูฐพันธุ์หายาก

☀️ วัด Phuktal – วัดโพรงถ้ำสุดอลังกลางหุบเขา – วัดลึกลับแห่ง Zanskar สร้างบนหน้าผาหินสูงตระหง่าน ดูคล้ายห้อยอยู่จากหน้าผา

☀️ การเดินทางผ่านเส้นทางลับ Shyok River Road – เส้นทางที่สวยงามและท้าทาย สองข้างทางคือภูเขาหิมะและแม่น้ำสีคราม

☀️ เมือง Padum – ดินแดนกลางหุบเขา Zanskar – เมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา วิถีชีวิตเรียบง่ายและความสงบที่หายาก

☀️ ขับรถข้ามเส้นทางผ่านเทือกเขาหิมาลัย – ตลอดเส้นทางคุณจะได้ผ่านจุดชมวิวระดับโลก เช่น Chang La PassSirsir La, และอื่น ๆ ที่งดงามทุกโค้ง

☀️ Kurokawa Onsen แห่ง Himalaya: Jispa & Manali – พักผ่อนในเมืองริมลำธารที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติสมบูรณ์ สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด

☀️ สัมผัส “ลาดัก” แดนทิเบตน้อย (Little Tibet) – ดินแดนวัฒนธรรมพุทธทิเบตที่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิม ท่ามกลางภูเขาและท้องฟ้าสูงเสียดเมฆ

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ Full Service
✅️ โรงแรมระดับ 3 ดาว
✅️ รวมอาหารทุกมื้อ
✅️ เดินทางโดยรถ innova หรือ tempo
✅️ มีหัวหน้าทัวร์คนไทย ถ่ายรูปให้
✅️ ค่ากิจกรรม ทุกอย่าง ตามระบุในโปรแกรม
✅️ ประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง(สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้)

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
ไม่รวมทิป

โปรแกรมทริป เลห์ ลาดักห์ ปุกเตา

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – เดลี – เลห์ (Leh)

  • นัดหมายที่สนามบินเพื่อเดินทางสู่ เดลี ประเทศอินเดีย
  • ต่อเครื่องภายในประเทศไปยังเมือง เลห์ เมืองหลักของแคว้นลาดัก (Ladakh)
  • พักผ่อนเพื่อปรับสภาพร่างกายให้ชินกับระดับความสูง

วันที่ 2: เลห์ – นูบร้าวัลเลย์ (Nubra Valley)

  • ระยะทาง 128 กม. | ใช้เวลา ~4–5 ชม.
  • ออกเดินทางสู่ หุบเขานูบรา ผ่านเส้นทางสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก
  • สัมผัสวิวทะเลทรายท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัย และเนินทรายสีทองกลางหุบเขา

วันที่ 3: ฮุนเดอร์ – ตูร์ตุ๊ก – ทัง – ฮุนเดอร์

  • ระยะทาง 190 กม. | ใช้เวลา ~6–7 ชม.
  • เดินทางสู่หมู่บ้าน Turtuk และ Thang หมู่บ้านชายแดนติดปากีสถาน
  • เรียนรู้วัฒนธรรมชนเผ่าพื้นเมือง Baltistan
  • แวะถ่ายภาพทิวทัศน์ภูเขาสูงและชุมชนที่สงบเงียบ

วันที่ 4: นูบรา – ทะเลสาบปังกอง (Pangong Lake) ผ่านแม่น้ำ Shyok

  • ระยะทาง 150 กม. | ใช้เวลา ~6–7 ชม.
  • ออกเดินทางผ่านเส้นทางเลียบแม่น้ำ Shyok สู่ ทะเลสาบปังกอง
  • ทะเลสาบน้ำเค็มสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ท่ามกลางภูเขาหิมะตัดกันอย่างงดงาม

วันที่ 5: ปังกอง – เลห์

  • ระยะทาง 140 กม. | ใช้เวลา ~4–5 ชม.
  • ชมบรรยากาศทะเลสาบยามเช้า ก่อนเดินทางกลับสู่เมือง เลห์
  • แวะจุดชมวิวระหว่างทาง เช่น Chang La Pass หนึ่งในเส้นทางที่สูงที่สุดในโลก

วันที่ 6: เลห์ – ลามายูรู – แชมวัลเลย์ (Sham Valley)

  • ระยะทาง 170 กม. | ใช้เวลา ~5–6 ชม.
  • เยือน วัดลามายูรู (Lamayuru Monastery) วัดเก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินรูปร่างแปลกตา
  • เดินทางต่อสู่ แชมวัลเลย์ ดินแดนแห่งวัฒนธรรมพุทธทิเบต

วันที่ 7: แชมวัลเลย์ – หลิงเชด – แพดุม (Padum)

  • ระยะทาง 215 กม. | ใช้เวลา ~7–8 ชม.
  • เดินทางลึกเข้าสู่เส้นทางหุบเขาซันสการ์
  • แวะชม วัด Lingshed กลางหุบเขา ก่อนเข้าสู่เมือง Padum เมืองหลวงแห่ง Zanskar Valley

วันที่ 8: เที่ยวชมรอบเมืองแพดุม

  • ระยะทาง ~104 กม. | ใช้เวลา ~5–6 ชม.
  • เยือนวัดชื่อดังของแคว้น Zanskar เช่น Karsha Monastery และวัดกลางหุบเขา

วันที่ 9: แพดุม – วัด Phuktal – Jispa

  • ระยะทาง 150 กม. | ใช้เวลา ~6–7 ชม.
  • เดินทางสู่ วัด Phuktal Monastery วัดที่สร้างอยู่ในโพรงหน้าผาอันน่าทึ่ง
  • จากนั้นเดินทางต่อผ่านวิวธรรมชาติสวยตลอดทางสู่เมือง Jispa เมืองพักริมแม่น้ำในหุบเขา

วันที่ 10: Jispa – มะนาลี (Manali)

  • ระยะทาง 95 กม. | ใช้เวลา ~3–4 ชม.
  • ออกเดินทางสู่เมืองตากอากาศยอดนิยม มะนาลี ท่ามกลางป่าสนและลำธารใส
  • พักผ่อนอิสระในเมืองแห่งธรรมชาติ

วันที่ 11: มะนาลี – เลห์ – เดลี

  • เดินทางกลับสู่เมือง เลห์ และต่อเที่ยวบินกลับ เดลี
  • เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย

วันที่ 12: เดินทางถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำแห่งการผจญภัยบนเส้นทางหิมาลัย
Categories
FullBoard Mid Asia SouthAsia

India : เลห์ ลาดักห์

India
เลห์ ลาดักห์
สรุปไฮไลท์

☀️ ข้าม Khardung La Pass – ถนนที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ขับผ่านเส้นทางระดับความสูงกว่า 5,600 เมตร พร้อมวิวหิมาลัยแบบ 360 องศา

☀️ ทะเลสาบปังกอง (Pangong Lake) – น้ำสีเทอร์ควอยซ์กลางภูเขาหิมะ

หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในเอเชีย ความงามเปลี่ยนสีตามแสงแดด

☀️ Hunder Sand Dunes – ทะเลทรายกลางเทือกเขาหิมาลัย

ประสบการณ์สุดพิเศษ ขี่อูฐสองโหนกท่ามกลางเนินทรายและวิวเขา

☀️ หมู่บ้าน Turtuk – สัมผัสวัฒนธรรมบัลติสถานใกล้ชายแดนปากีสถาน

หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตเรียบง่ายและวัฒนธรรมผสมผสานอันเป็นเอกลักษณ์

☀️ วัด Thiksey – วัดทิเบตที่สวยที่สุดในลาดัก

ตั้งอยู่บนเนินเขา มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และสถาปัตยกรรมที่ชวนตะลึง

☀️ พระราชวัง Shey & Stok – เรื่องราวราชวงศ์ลาดักในอดีต

สัมผัสกลิ่นอายประวัติศาสตร์ พร้อมชมวิวหุบเขาแบบพาโนรามา

☀️ เจดีย์ Shanti Stupa – จุดชมวิวเมืองเลห์ยามพระอาทิตย์ตก

แลนด์มาร์กของเมืองเลห์ ที่ให้บรรยากาศสงบและวิวสุดโรแมนติก

☀️ ตลาดเลห์ (Leh Market) – ช้อปปิ้งกลางสายลมภูเขา

เดินเล่นในเมืองเก่า เลือกซื้อของพื้นเมือง งานฝีมือ เครื่องประดับ และชาแบบทิเบต

☀️ Sindhu Ghat – ชมวิวแม่น้ำสินธุอันศักดิ์สิทธิ์

แม่น้ำสายหลักของอินเดียเหนือ พร้อมฉากหลังเป็นภูเขาโทนพาสเทล สวยไม่เหมือนใคร

☀️ นอนกระโจมใต้แสงดาวริมทะเลสาบปังกอง

ประสบการณ์สุดพิเศษ ท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติบริสุทธิ์

 

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ Full Service
✅️ โรงแรมระดับ 3 ดาว
✅️ รวมอาหารทุกมื้อ
✅️ เดินทางโดยรถ innova หรือ tempo
✅️ มีหัวหน้าทัวร์คนไทย ถ่ายรูปให้
✅️ ค่ากิจกรรม ทุกอย่าง ตามระบุในโปรแกรม
✅️ ประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง (สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้)

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
ไม่รวมทิป

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป เลห์ ลาดักห์

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – เดลี

  • นัดพบที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางสู่ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย
  • พักผ่อนระหว่างรอไฟลท์ต่อไปยังเลห์ในเช้าวันรุ่งขึ้น

วันที่ 2: เดลี – เลห์ – ตลาดเลห์ – เจดีย์ Shanti Stupa

  • บินภายในประเทศสู่เมือง เลห์ (Leh) เมืองหลักของแคว้นลาดัก
  • พักผ่อนปรับร่างกายให้ชินกับระดับความสูง
  • ช่วงเย็นเดินเล่น Leh Market และชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ เจดีย์ Shanti Stupa เจดีย์สีขาวตั้งเด่นเหนือเมืองเลห์

วันที่ 3: พระราชวัง Shey – วัด Thiksey – พระราชวัง Stok – Sindhu Ghat

  • พระราชวัง Shey Palace
  • อดีตพระราชวังฤดูร้อน พร้อมเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่
  • วัด Thiksey Monastery
  • วัดทิเบตใหญ่ที่สุดในลาดัก ตั้งอยู่บนเนินเขา
  • พระราชวัง Stok Palace
  • ที่ประทับของราชวงศ์ลาดักในปัจจุบัน
  • จุดชมวิว Sindhu Ghat
  • ชมวิวแม่น้ำสินธุ ท่ามกลางฉากหลังเป็นแนวเทือกเขาหิมาลัย

วันที่ 4: เลห์ – นูบร้าวัลเลย์ – Khardung La – หมู่บ้าน Diskit – Sand Dunes

  • เดินทางสู่ นูบร้าวัลเลย์ ผ่าน Khardung La Pass หนึ่งในถนนที่สูงที่สุดในโลก
  • แวะชมวิวที่ Diskit Village และรูปปั้นพระพุทธรูปองค์ใหญ่
  • สัมผัสทะเลทรายท่ามกลางภูเขาหิมะที่ Hunder Sand Dunes

วันที่ 5: หมู่บ้าน Turtuk – กลับสู่ Diskit

  • ท่องเที่ยวหมู่บ้านห่างไกล Turtuk ใกล้ชายแดนปากีสถาน
  • หมู่บ้านแห่งวัฒนธรรมบัลติสถาน ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเงียบสงบ
  • เดินทางกลับที่พักใน Diskit

วันที่ 6: นูบร้า – ทะเลสาบแปงกอง (Pangong Lake)

  • เดินทางข้ามภูเขาสู่ ทะเลสาบปังกอง
  • ทะเลสาบน้ำเค็มสีฟ้าเทอร์ควอยซ์กลางภูเขาสูง
  • พักค้างคืนในกระโจมริมน้ำใต้ดวงดาว

วันที่ 7: ทะเลสาบแปงกอง – กลับสู่เมืองเลห์

  • ตื่นเช้าชมบรรยากาศสงบงามของทะเลสาบ
  • เดินทางกลับสู่ เมืองเลห์ พร้อมแวะถ่ายรูปตามจุดชมวิวระหว่างทาง

วันที่ 8: เลห์ – เดลี – เดินทางกลับกรุงเทพฯ

  • อิสระพักผ่อนหรือเดินเล่นช่วงเช้าในเมืองเลห์
  • จากนั้นเดินทางสู่สนามบินเพื่อบินกลับ กรุงเดลี และต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 9: ถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำของการผจญภัยในลาดักที่ไม่เหมือนใคร
Categories
10-Oct 2024 FullBoard SouthAsia

Pakistan

Pakistan
สรุปไฮไลท์

☀️หุบเขาฮุนซา (Hunza Valley) – หุบเขาในตำนานที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์บนดิน” และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนวนิยายเรื่อง Shangri-La มีชื่อเสียงในเรื่องความงามของธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์

☀️ทะเลสาบอัตตาบัด (Attabad Lake) – ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์สดใสที่เกิดจากเหตุการณ์ดินถล่มในปี 2010 สร้างภาพที่น่าทึ่งของผืนน้ำสีฟ้าตัดกับเทือกเขาหิมะขาวโพลน

☀️ทะเลทรายซาฟรารังกา (Sarfaranga Cold Desert) – ทะเลทรายเย็นที่สูงที่สุดในโลก สร้างภาพที่แปลกตาของเนินทรายสีทองท่ามกลางเทือกเขาหิมะ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก

☀️ป้อมบัลทิท (Baltit Fort) – ป้อมปราการอายุกว่า 700 ปีที่ตั้งตระหง่านเหนือหมู่บ้านคาริมาบัด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบทิเบตที่สะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนาน

☀️เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ (Karakoram Highway) – เส้นทางหลวงที่สูงที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อปากีสถานกับจีน ผ่านภูมิประเทศที่น่าทึ่งและมีจุดชมวิวยอดเขาสูงเกิน 7,000 เมตรหลายลูก

☀️เลดี้ฟิงเกอร์พีค (Lady Finger Peak) – ยอดเขารูปร่างคล้ายนิ้วมือสูง 6,000 เมตร ที่สวยงามโดยเฉพาะในยามพระอาทิตย์ขึ้น เป็นหนึ่งในภาพที่โดดเด่นที่สุดของเทือกเขาคาราโครัม

☀️ธารน้ำแข็งปัสสุ (Passu Glacier) – ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ทอดตัวลงมาจากยอดเขาสูง เป็นส่วนหนึ่งของระบบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดนอกขั้วโลก ให้ภาพที่น่าทึ่งของพลังธรรมชาติ

☀️พระราชวังคาปลู (Khaplu Palace) – พระราชวังโบราณอายุกว่า 400 ปีของเจ้าผู้ปกครองแห่งคาปลู ที่ผสมผสานศิลปะบัลติ ทิเบต และแคชเมียร์ได้อย่างลงตัว ปัจจุบันเป็นโรงแรมและพิพิธภัณฑ์

☀️น้ำตกมันโทคา (Manthokha Waterfall) – น้ำตกสูง 180 ฟุตที่ไหลลงจากขุนเขา เป็นโอเอซิสแห่งความสดชื่นท่ามกลางภูมิประเทศแห้งแล้ง ล้อมรอบด้วยต้นไม้และขุนเขา

☀️มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) – มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในปากีสถานและใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก มีรูปทรงทันสมัยคล้ายเต็นท์เบดูอิน เป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงอิสลามาบัด

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 59,900 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • 19 – 29 ตค 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ Full Service
✅️ รวมอาหารทุกมื้อ มีอาหารไทยเสริม
✅️ รวมค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศ 2 เที่ยว
✅️ โรงแรมระดับ 4 ดาวใน Hunza และ ดีที่สุดในเมืองนั้นๆหากไม่มี 3 หรือ 4 ดาว
✅️ เดินทางโดยรถ Minibus กรุ๊ปละ 12 ท่าน
✅️ หัวหน้าทัวร์ถ่ายรูปสวยๆให้ 
✅️ ค่ากิจกรรม ทุกอย่าง ตามระบุในโปรแกรม
✅️ ประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง (สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้)

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
ไม่รวมทิป

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป ปากีสถาน

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – อิสลามาบัด

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเช็คอินและเตรียมตัวสำหรับการผจญภัยในดินแดนเทือกเขาคาราโครัมอันน่าตื่นเต้น
  • เที่ยวบินสู่อิสลามาบัด: เดินทางสู่ปากีสถานโดยสายการบินไทย เพลิดเพลินกับการบริการเต็มรูปแบบตลอดการเดินทาง

วันที่ 2: อิสลามาบัด – สการ์ดู – ชิการ์

  • บินสู่สการ์ดู (Skardu): เดินทางด้วยเที่ยวบินภายในประเทศสู่เมืองสการ์ดู ประตูสู่เทือกเขาคาราโครัม ชมวิวยอดเขาสูงจากหน้าต่างเครื่องบิน
  • ทะเลสาบอัปเปอร์คาชูร่า (Upper Kachura): ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ซ่อนตัวท่ามกลางขุนเขา รายล้อมด้วยป่าสนและหลืบเขา ลิ้มรสปลาเทราต์สดใหม่จากทะเลสาบที่ร้านอาหารท้องถิ่น
  • เมืองชิการ์ (Shigar): หมู่บ้านโบราณที่ตั้งอยู่ในหุบเขาชิการ์ เป็นเส้นทางเชื่อมต่อสู่ยอดเขา K2 พร้อมป้อมปราการโบราณอายุกว่า 400 ปีที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม

วันที่ 3: ชิการ์ – ทะเลทรายซาฟรารังกา – คาปลู

  • ทะเลทรายซาฟรารังกา (Sarfaranga Cold Desert): ทะเลทรายเย็นที่สูงที่สุดในโลกที่ระดับความสูง 2,226 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เนินทรายสีทองตัดกับท้องฟ้าสีคราม และเทือกเขาหิมะในระยะไกล สร้างภาพที่แปลกตาน่าอัศจรรย์
  • หมู่บ้านคาปลู (Khaplu Village): หมู่บ้านเก่าแก่ที่ซ่อนตัวในหุบเขา บ้านเรือนโบราณสร้างด้วยหินและไม้ ชมสวนแอปริคอตที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคและวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบัลติ
  • พระราชวังคาปลู (Khaplu Fort/Palace): พระราชวังโบราณอายุกว่า 400 ปีของเจ้าผู้ปกครองแห่งคาปลู สร้างด้วยศิลปะผสมผสานระหว่างบัลติ ทิเบต และแคชเมียร์ ปัจจุบันเป็นโรงแรมและพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้าวของโบราณ

วันที่ 4: คาปลู – คาร์มัง – มันโทคา – สการ์ดู

  • หุบเขาคาร์มัง (Kharmang Valley): หุบเขาอันเขียวขจีริมแม่น้ำอินดัส ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่เรียงรายตามเชิงเขา ชมทุ่งข้าวสาลีและแอปริคอตสลับกับฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะ
  • น้ำตกมันโทคา (Manthokha Waterfall): น้ำตกสูง 180 ฟุตที่ไหลลงจากขุนเขา ล้อมรอบด้วยต้นไม้และขุนเขา เป็นโอเอซิสแห่งความสดชื่นท่ามกลางภูมิประเทศแห้งแล้ง
  • เมืองสการ์ดู (Skardu): เมืองใหญ่ที่สุดในบัลติสถาน ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,438 เมตร มีประวัติศาสตร์ยาวนานจากการเป็นจุดแวะพักบนเส้นทางการค้าโบราณ เดินเล่นในบาซาร์เก่าแก่เพื่อซึมซับบรรยากาศท้องถิ่น

วันที่ 5: สการ์ดู – ชุนดา – กิลกิต – ฮุนซา

  • หุบเขาชุนดา (Chunda Valley): หุบเขาที่มีชื่อเสียงในเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ตุลาคม) ต้นเชอร์รี่ป่า วอลนัท และป๊อปลาร์เปลี่ยนเป็นสีทอง แดง และส้ม สร้างภาพที่สวยงามตัดกับฉากหลังของเทือกเขาคาราโครัม
  • เมืองกิลกิต (Gilgit): เมืองหลวงของจังหวัดกิลกิต-บัลติสถาน ศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมมายาวนานเพราะเป็นจุดตัดของเส้นทางการค้าโบราณระหว่างจีน เอเชียกลาง และเอเชียใต้
  • เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ (Karakoram Highway): เดินทางบนเส้นทางหลวงที่สูงที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อปากีสถานกับจีน ผ่านหุบเขา แม่น้ำ และภูมิประเทศที่น่าทึ่ง พร้อมจุดชมวิวที่ให้เห็นยอดเขาสูงเกิน 7,000 เมตรหลายลูก
  • หุบเขาฮุนซา (Hunza Valley): หุบเขาในตำนานที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์บนดิน” และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนวนิยายเรื่อง Shangri-La ชาวฮุนซามีอายุยืนยาว และหุบเขานี้มีชื่อเสียงในเรื่องความงามของธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์

วันที่ 6: ฮุนซา – คาริมาบัด – ปัสสุ

  • เลดี้ฟิงเกอร์พีค (Lady Finger Peak/Bublimating): ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขารูปร่างคล้ายนิ้วมือ สูง 6,000 เมตร เป็นหนึ่งในภาพที่โดดเด่นที่สุดของเทือกเขาคาราโครัม
  • ป้อมบัลทิท (Baltit Fort): ป้อมปราการอายุกว่า 700 ปีที่ตั้งตระหง่านเหนือหมู่บ้านคาริมาบัด สร้างในศตวรรษที่ 13 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบทิเบต ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • ธารน้ำแข็งปัสสุ (Passu Glacier): ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ทอดตัวลงมาจากยอดเขาสูง มีอายุนับพันปีและเป็นส่วนหนึ่งของระบบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดนอกขั้วโลก

วันที่ 7: ฮุนซา – ไคเบอร์พาส – หมู่บ้านไคเบอร์ – ทะเลสาบอัตตาบัด

  • ช่องเขาไคเบอร์ (Khyber Pass): ช่องเขาประวัติศาสตร์ที่เชื่อมระหว่างปากีสถานและอัฟกานิสถาน เป็นเส้นทางผ่านของกองทัพและพ่อค้าตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา รวมถึงกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราช
  • หมู่บ้านไคเบอร์ (Khyber Village): หมู่บ้านชาวพื้นเมืองในแถบช่องเขา ที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีความเป็นมิตรและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น
  • จุดชมวิวธารน้ำแข็งบาตูรา (Batura Glacier Viewpoint): จุดชมวิวที่ให้ทัศนียภาพอันน่าทึ่งของธารน้ำแข็งบาตูราที่ยาวถึง 57 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดนอกเขตขั้วโลก
  • ทะเลสาบอัตตาบัด (Attabad Lake): ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่เกิดจากเหตุการณ์ดินถล่มในปี 2010 กั้นแม่น้ำฮุนซา ทำให้น้ำจากธารน้ำแข็งถูกกักเก็บกลายเป็นทะเลสาบที่สวยงาม ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

วันที่ 8: ฮุนซา – สการ์ดู – ทะเลทรายคัตพานา

  • เดินทางกลับสการ์ดู: เดินทางย้อนกลับสู่เมืองสการ์ดูอีกครั้ง ผ่านเส้นทางที่มีภูมิทัศน์อันหลากหลาย
  • ทะเลทรายคัตพานา (Katpana Cold Desert): ทะเลทรายเย็นที่มีเนินทรายขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยทะเลสาบและเทือกเขาหิมะ สร้างความแปลกประหลาดและความตื่นตาตื่นใจกับภาพของทะเลทรายและหิมะที่อยู่ในที่เดียวกัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

วันที่ 9: สการ์ดู – อิสลามาบัด

  • บินกลับอิสลามาบัด: เดินทางกลับสู่เมืองหลวงของปากีสถานโดยเที่ยวบินภายในประเทศ
  • พิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum): ชมโบราณวัตถุจากเมืองโบราณตักศิลา ศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาที่สำคัญและเป็นมรดกโลก มีอายุกว่า 2,500 ปี จัดแสดงประติมากรรมพุทธศิลป์แบบคันธาระที่ผสมผสานอิทธิพลกรีกและอินเดีย
  • มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque): มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในปากีสถานและใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี มีรูปทรงคล้ายเต็นท์เบดูอินที่ทันสมัย เป็นสัญลักษณ์สำคัญของอิสลามาบัด

วันที่ 10: อิสลามาบัด – กรุงเทพฯ

  • เที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ: เดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยสายการบินไทย
  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ: เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันน่าประทับใจจากดินแดนภูเขาสูงแห่งปากีสถานเหนือ
Categories
10-Oct 2024 FullBoard Mid Asia SouthAsia

Rajasthan

Rajasthan
ราชสถาน เมืองสีฟ้า เมืองสีทอง และเมืองสีชมพู
สรุปไฮไลท์

☀️พระราชวังเลคพาเลซ (Lake Palace) – พระราชวังสีขาวกลางทะเลสาบพิโชลาที่อุไดปูร์ สร้างภาพสะท้อนอันงดงามบนผืนน้ำ เป็นหนึ่งในภาพจำที่สวยที่สุดของราชาสถาน

☀️ป้อมเมห์รานการห์ (Mehrangarh Fort) – ป้อมปราการยิ่งใหญ่บนเนินเขาสูง 125 เมตรที่จอธปูร์ เปิดวิวพาโนรามาของ “เมืองสีฟ้า” ได้อย่างตระการตา

☀️ฮาวา มาฮาล (Hawa Mahal) – “พระราชวังแห่งสายลม” สัญลักษณ์ของชัยปุระ โดดเด่นด้วยหน้าต่างเล็กๆ 953 บาน ออกแบบให้เจ้าหญิงชมขบวนพิธีโดยไม่ถูกมองเห็น

☀️ป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort) – ป้อมปราการสง่างามที่ชัยปุระ โดดเด่นด้วยห้องกระจกที่ประดับด้วยกระจกนับแสนชิ้น พร้อมประสบการณ์ขี่ช้างขึ้นป้อม

☀️ป้อมไจซาลเมอร์ (Jaisalmer Fort) – ป้อมปราการหินทรายสีทองที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️ทะเลทรายแซม (Sam Dunes) – สัมผัสประสบการณ์ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ตกที่ทะเลทรายทาร์ พร้อมการแสดงพื้นเมืองและดนตรีราชาสถานยามค่ำคืน

☀️จันทรา มาฮัล (Jantar Mantar) – หอดูดาวโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ชัยปุระ มีนาฬิกาแดดที่แม่นยำที่สุดในโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️ทะเลสาบพุชการ์ (Pushkar Lake) – ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ล้อมรอบด้วยฆาต 52 แห่ง เชื่อว่าเกิดจากหยดน้ำตาของพระศิวะ

☀️ดาร์กาห์ชารีฟ (Dargah Sharif) – สุสานของนักบุญซูฟีที่อัจเมร์ สถานที่แสวงบุญสำคัญของมุสลิมทั่วโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโมกุลอันงดงาม

☀️ฮาเวลีปัตวอน กี (Patwon Ki Haveli) – คฤหาสน์หินทรายที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในไจซาลเมอร์ โดดเด่นด้วยงานแกะสลักระเบียงและหน้าต่างอย่างวิจิตรงดงาม

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป ราชาสถาน

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – อุไดปูร์

  • ทะเลสาบพิโชลา (Pichola Lake): ทะเลสาบน้ำจืดที่สวยงามใจกลางเมืองอุไดปูร์ มีพระราชวังเลคพาเลซตั้งอยู่กลางทะเลสาบ
  • วัดจักดิศ (Jagdish Temple): วัดฮินดูที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1651 อุทิศให้แก่พระวิษณุ มีสถาปัตยกรรมแบบอินโด-อารยันที่งดงาม

วันที่ 2: อุไดปูร์ – จอธปูร์

  • วัดเชน (Jain Temple): วัดของศาสนาเชนที่มีการแกะสลักหินอ่อนอย่างวิจิตรบรรจง
  • พระราชวังซิตี้ (City Palace): พระราชวังหลวงของอุไดปูร์ที่ใหญ่ที่สุดในราชาสถาน สร้างริมทะเลสาบพิโชลา
  • พระราชวังฟาเตห์ปรากาศ (Fateh Prakash Palace): ส่วนหนึ่งของซิตี้พาเลซ ปัจจุบันเป็นโรงแรมหรู

วันที่ 3: จอธปูร์

  • ป้อมเมห์รานการห์ (Mehrangarh Fort): ป้อมปราการขนาดใหญ่บนเนินเขาสูง 125 เมตร สร้างในศตวรรษที่ 15 มองเห็นวิวเมืองจอธปูร์ได้ทั่ว
  • พระราชวังอุไมด์ภวัน (Umaid Bhawan Palace): พระราชวังหินทรายสีทองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บางส่วนเป็นที่ประทับของราชวงศ์และเป็นโรงแรมหรู
  • อนุสรณ์สถานจัสวันต์ทาดา (Jaswant Thada): อนุสรณ์สถานหินอ่อนสีขาวสร้างในปี ค.ศ. 1899 เพื่อรำลึกถึงมหาราชาจัสวันต์ซิงห์ที่ 2

วันที่ 4: จอธปูร์ – อัจเมร์ – พุชการ์

  • ดาร์กาห์ชารีฟ (Dargah Sharif): สุสานของนักบุญซูฟีคาจา มอินุดดิน ชิชติ เป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญของมุสลิม
  • พุชการ์ (Pushkar): เมืองศักดิ์สิทธิ์ของฮินดู
  • ทะเลสาบพุชการ์ (Pushkar Lake): ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ มีฆาต (ท่าน้ำ) 52 แห่งโดยรอบ เชื่อว่าการอาบน้ำที่นี่จะชำระล้างบาป

วันที่ 5: พุชการ์ – ชัยปุระ

  • ป้อมนาฮาร์การห์ (Nahargarh Fort): ป้อมปราการบนเขาที่สร้างในปี ค.ศ. 1734 มองเห็นวิวเมืองชัยปุระได้ทั้งเมือง
  • ฮาวา มาฮาล (Hawa Mahal): “พระราชวังแห่งสายลม” มีหน้าต่างเล็กๆ 953 บาน ออกแบบให้เจ้าหญิงสามารถมองดูถนนด้านล่างได้โดยไม่ถูกมองเห็น

วันที่ 6: ชัยปุระ – ไจซาลเมอร์

  • ป้อมไจซาลเมอร์ (Jaisalmer Fort): ป้อมปราการหินทรายสีทองที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ สร้างในปี ค.ศ. 1156
  • พระราชวังมหาราวัล (Palace of the Maharawal): พระราชวังภายในป้อมไจซาลเมอร์
  • เนินทรายแซม (Sam Dunes): ทะเลทรายทอง สามารถขี่อูฐชมพระอาทิตย์ตก

วันที่ 7: ไจซาลเมอร์ – ชัยปุระ

  • วัดเชน (Jain Temples): วัดเชนโบราณภายในป้อมไจซาลเมอร์ มีการแกะสลักที่วิจิตรงดงาม
  • ฮาเวลีปัตวอน กี (Patwon Ki Haveli): คฤหาสน์โบราณที่ใหญ่ที่สุดในไจซาลเมอร์ มีการแกะสลักหินทรายอย่างวิจิตร
  • ฮาเวลีซาลิม ซิงห์ กี (Salim Singh Ki Haveli): คฤหาสน์เก่าแก่ที่มีหลังคาโค้งรูปนกยูง
  • ทะเลสาบกาดิซาร์ (Gadisar Lake): อ่างเก็บน้ำโบราณที่สร้างในศตวรรษที่ 14 มีวัดและศาลาริมน้ำล้อมรอบ

วันที่ 8: ชัยปุระ

  • ป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort): ป้อมปราการที่สง่างามบนเนินเขา สร้างจากหินทรายสีแดงและหินอ่อน สามารถขึ้นไปได้โดยขี่ช้าง
  • จัล มาฮาล (Jal Mahal): “พระราชวังกลางน้ำ” ตั้งอยู่กลางทะเลสาบมาน ซาการ์
  • ซิตี้พาเลซ (City Palace): พระราชวังหลวงในชัยปุระ มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างราชปุตกับโมกุล
  • จันทรา มานทา (Jantar Mantar): หอดูดาวโบราณที่สร้างในช่วงปี ค.ศ. 1728-1734 เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก

วันที่ 9: เดินทางกลับประเทศไทย 

error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม