Day 1 : Bangkok – Urumqi
- ช่วงเช้า พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
- เดินทางถึงอูรูมู่ฉี นำท่านเข้าที่พัก
- คืนนี้เราจะพักกันที่ Urumqi
Day 2 : Tianchi – Hongshan – Dapaja Market
- เริ่มต้นเดินทางบนเส้นทางสายไหม ไปยังทะเลสาบเทียนฉือ ตั้งอยู่บนเทือกเขาเทียนซาน ตัวทะเลสาบตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขา เป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการสลายตัวของหิมะบนภูเขาเทียนซาน ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บนความสูง 1,900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในฤดูหนาวเมื่อผืนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง คนในเมืองจะขึ้นมาเล่นสกีกันมากมาย ปลายเดือนเมษายนน้ำแข็งถึงจะละลายกลายเป็นผืนน้ำสีเขียวมรกต สะท้อนเงาเทือกเขาป๋อเก๋อต๋าฟงและป่าสนที่รายรอบ
- ชม สวนหงซาน ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองซินเจียงพร้อมทั้งชมราวทางเดินที่มีแม่กุญแจคล้องไว้เป็นจำนวนมากตามความเชื่อของคู่รักที่ว่าจะทำให้ความรักของทั้งคู่ยั่งยืนและอยู่คู่ชีวิตกันตลอดไปพร้อม ถ่ายรูปกับทัศนียภาพอันสวยงาม
- ช้อปปิ้งของฝากกลับบ้านที่ ตลาดพื้นเมือง เอ้อเต้าเฉียว (ตลาดต้าปาจา) เป็นตลาดพื้นเมืองที่เป็นสัญลักษณ์อูหลู่มูฉี จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง เช่น อัลมอนด์, วอลนัท, กีวีอบแห้ง, ลูกเกด ฯลฯ แล้วยังมีสินค้าประเภทเครื่องดนตรีพื้นเมือง รวมถึงเครื่องทองเหลือง เช่น แจกัน, กาน้ำชา เป็นต้น
- คืนนี้เราจะพักกันที่ Urumqi
Day 3 : Urumqi – Kashgar – Apak Hoja Tomb – Kashgar Old City Grand Bazaar
- จนถึงเวลาเดินทางไปยังสนามบินไปยัง Kashgar โดยสายการบินภายในประเทศ
- เดินทางถึง Kashgar หรือคาสือ
- ชมสุสาน Apak Hoja Tomb หรือ Tomb of Xiangfei ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมมุสลิมที่ได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดีและงดงามที่สุดในมณฑลซินเจียง ก่อสร้างในปี พ.ศ.2183 เป็นงานที่แสดงลักษณะผสมผสานระหว่าง สถาปัตยกรรมของชาวเวคเกอร์ อาหรับและ พุทธศาสนา
- Kashgar Old City เดินเล่นชมเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ บ้านเรือนเก่าแบบตะวันออกกลาง เมืองเก่าคัชการ์ เป็นหมู่บ้านใหญ่ใจกลางเมืองคัชการ์ที่เกาะกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีเนื้อที่กินบริเวณกว้างขวางมาก และบ้านแต่และหลังก็สร้างตามวัฒนธรรมผสมระหว่างชาวฮั่น และชาวอุยกูร์ บ้านส่วนใหญ่จะสร้างด้วยอิฐและไม้ผสมกัน มีซอกซอยถนนหนทางเชื่อมต่อกันไปมาเหมือนใยแมงมุม
- ถนนสายหัตถกรรมชาวคัชการ์ The Great Bazaar เป็นถนนสายเดียวที่ชาวคัชการ์ เรียกว่าถนนช่าง หมายถึงว่า เป็นถนนที่รวมของช่างสิบหมู่ที่มีชื่อเสียงของที่นี่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นถนนที่มีสีสรรที่สุดในเมืองคัชการ์ และเป็นบาซาร์ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลซินเจียง
- คืนนี้เราจะพักกันที่ Kashgar
Day 4 : Id Kah Mosque – Bulongkol Lake – Karakul Lake – Stone Fort – Tashkorgan
- หลังอาหารเช้าชม Id Kah Mosque ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมทั่วทั้งมณฑลซินเจียง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคัชการ์ เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหย่ที่สุดในประเทศจีน มีขนาดพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางเมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1442 โดย Shakesimierzha ผู้ปกครองคัชการ์ แรกเริ่มสร้างขึ้นเพื่อเซ่นสรวงดวงวิญญาณของบรรพบุรุษในยุคต่อมาได้มีการก่อสร้างขยายใหญ่ขึ้น เพื่อใช้มัสยิดสำหรับประกอบพิธีกรรมของชาวคัชการ์ มัสยิดอิคคาห์สร้างด้วยอิฐสีเหลืองประตูทางเข้ามีความสูงถึง ๑๒ เมตร สองข้างมีหอขานละหมาดสูง ๑๘ เมตร ประดับกระเบื้องโมเสกหลากสีสันเป็นลวดลายเราขาคณิตอย่างงดงาม ผสานกับลวดลายปูนปั้นเป็นพรรณพฤกษาต่างๆนานา
- ชมทะเลสาบ Bulongkol Lake หรือเรียกว่า Corner Lake ทะเลสาบบนเนินเขาที่ปกคลุมด้วยทะเลทราย มีโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอ่างเก็บน้ำมาใช้เป็นพลังงาน
- ชมทะเลสาบคาราคูล Karakul Lake เป็นทะเลสาบสีเขียวเข้ม ที่มีขุนเขาหิมะสูงเสียดฟ้า ห้อมล้อมไว้ ขุนเขาเหล่านี้จะทอดเงาลงสู่ผืนน้ำอันสงบนิ่งของทะเลสาบ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๐ ตร.กม. มีความลึก ๓๐ เมตร ในบางคราวจะเห็นกระโจมที่พักของชาวเคอกิส-ผู้เร่ร่อนอยู่บนที่ราบพามีร์กางอยู่อิงแนบผืนทะเลสาบ
- ระหว่างทางแวะเที่ยวชม ป้อมหิน Stone Fort ที่มีอายุมากกว่า 2000 กว่าปี ที่เคยเป็นเมืองมาก่อน เมื่อสมัยโบราณบนเส้นทางสายไหมนี้ พ่อค้าแม่ค้าจะแวะเวียนมาพักพิงก่อนที่จะเดินทางต่อไป
- เดินทางไปยังด่าน Tashkorgan เมืองชาวมุสลิมทาจิก ชมวิวระหว่างทาง อาจจะได้เห็นสัตว์ป่าของหิมาลัย เช่น ibex เลียงผา เสือดาวหิมะ เป็นต้น
- คืนนี้เราจะพักกันที่ Tashkorgan
Day 5 : Tashkorgan – Sost – Khunjerab – Passu
- เดินทางต่อสู่เมืองซุส (Sost) เมืองชายแดนของปากีสถาน เป็นเมืองที่มีการทำการค้าขายไปมาระหว่างชาวปากีสถานและชาวจีนที่ข้ามแดน
- จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติ Khunjerab เขตพรมแดนระหว่างปากีสถานและจีนที่มีความสูง 4,730 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดบนคาราโครัมไฮเวย์สร้างตั้งแต่ปี 1964 โดยความร่วมมือของจีนและปากีสถาน โดยมีเทือกเขาคาราโครัมเป็นเส้นแบ่งแนวตามธรรมชาติขวางอยู่
- ผ่านด่านคุนจิราบพาส ชายแดนจีน-ปากีสถาน รถจะวิ่งไต่ระดับความสูงจาก3-4000 เมตร
- มุ่งหน้าเข้าไปชมทะเลสาบ Borith Lake (2,600m.) ทะเล สาบน้ำจืดสีเขียวใส มองเห็นเงาสะท้อนของยอดเขา Gulmit Tower จากนั้นอีกไม่นานจะเข้าสู่จุดเริ่มเดินเพื่อมุ่งหน้าสู่ Passu Glacier (*) ธารน้ำแข็งสีขาวขนาดใหญ่ที่จะต้องเดินเท้าเข้าไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเข้าเดินเท้าไปกลับ(*) ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปด้วยเพราะอากาศค่อนข้างเย็นตั้งแต่นั่งเรือในทะเลสาบ Attabad และลมค่อนข้างแรงระหว่างที่เดิน trek ไปชมธารน้ำแข็ง (**) ควรเตรียมรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดินบนเส้นทางแคบๆ ที่ขรุขระเต็มไปด้วยหิน
- เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักที่ Passu
Day 6 : Attabat Lake – Carthedral Peak – Suspention Bridge Hunza
- นำท่านล่องเรือที่ Attabat Lake ที่เพิ่งเกิดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เหตุเพราะเกิดแผ่นดินถล่มครั้งใหญ่คาราโครัมไฮเวย์ถูกตัดขาด ดินจากภูเขาถล่มลงมาขวางกั้นแม่น้ำฮุนซ่าจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่มีความยาว 21 กิโลเมตรความลึก 103 เมตร (ใช้เวลาในการล่องเรือ ประมาณ 30 นาที)
- มุ่งหน้าสู่หุบเขา Gojal Valley หนทางค่อนข้างแคบลัดเลาะไปตามแม่น้ำสีฟ้าเทอควอยส์ชมวิวข้างทางต่ออีกไม่ไกลจะพบกันยอดเขาสูงสัณฐานแปลกตาอย่าง Passu Cathedral หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Passu Cones ส่วนชื่อท้องถิ่นเรียกว่า Tupopdan (6,106 m) ระหว่างทางแวะถ่ายภาพกันที่ Passu Glacier View point
- พาไปชมสะพานวัดใจ Hussaini Hanging Suspension Bridge โดยเดินเท้าจากจุดจอดรถลงไปที่ตัวสะพานประมาณ 30นาที สะพานมี ระยะทางยาว 900 ฟุต มีจำนวนแผ่นไม้กว่า 400 แผ่นโดยที่แต่ละแผ่นห่างกันประมาณ 40-50 cm.
- คืนนี้เราจะพักกันที่ Hunza
Day 7 : Baltit Fort – Altit Fort – Duikar
- พาท่านชมบัลติทฟอร์ด (BALTIT FORT) แลนมาร์คสำคัญของหุบเขาฮุนซ่า ซึ่งเคยใช้เป็นที่อยู่ในอดีตของกลุ่มผู้ปกครองฮุนซ่า จากจุดนี้สามารถเห็นวิวรอบๆ เมืองฮุนซ่า บัลติทฟอร์ดมีอายุกว่า 700 ปี โดยได้ถูกต่อเติมส่วนต่างๆ เช่นระเบียง หน้าต่าง กำแพง เรื่อยมา ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์บัลติสถานผสมผสานกับทิเบต
- แวะเที่ยวชมและศึกษาประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 1,100 ปี ของวังโบราณและป้อมปราการ Altit fort สถานที่แห่งนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage site) ตั้งอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำฮุนซา (Hunza River) ต้องเดินขึ้นเนินที่ไม่ชันนักขึ้นไป ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม บริเวณโดยรอบเป็นชุมชนโบราณอายุกว่า 400 ปี และร้านขายของที่ระลึก
- ชม ตลาดการค้าพื้นเมือง ของเมืองคาริมาบัด เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย หรือจะเลือกเดินถ่ายรูปวิถีชีวิตและบ้านเรือนก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ได้เวลาสมควรพาคณะเข้าที่พักที่ Eagle Nest Resort เป็นรีสอร์ทที่อยู่สูงที่สุดในเมือง Karimabad สามารถมองเห็นหุบเขาเบื้องล่างได้อย่างสวยงาม รวมถึงยอดเขาต่างๆ ที่อยู่รายรอบ โดยเฉพาะ เลดี้ฟิงเกอร์ ซึ่งมาจากรูปทรงที่เหมือนนิ้วของหญิงสาว
- มุ่งหน้ากลับเข้าสู่ตัวเมือง Karimabad ซึ่งเป็นเมืองหลักของเขต Hunza นั่งรถต่อไปอีกประมาณ 30 นาทีแต่เป็นการไต่ระดับขึ้นสู่ Duikar ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง (2,850m.)
- พักผ่อนตามอัธยาศัย และสามารถเดินไปยังเนินเขาใกล้ๆ ที่พักซึ่งใช้เวลาเดินขึ้นไปประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ณ จุดชมวิวแห่งนี้สามารถมองเห็น Ganish Valley ได้ทั้งเมือง รอบตัวเป็นยอดเขาหิมะ เช่น Rakaposhi (7,788m.), Golden peak (7,027m.), Lady Finger (6,000m.), Ultar Sar (7,388m.) เรียกได้ว่า ที่นี่คือ Roof of Hunza เลย
- คืนนี้เราจะพักกันที่ Duikar
Day 8 : Hunza – Gahkuch – Gupis
- เดินทางต่อสู่ เมืองกิลกิต (Gilgit) ระหว่างทางแวะจุดชมวิวราคาโปชิ (Rakaposhi View Point) ยอดเขาที่มีความสูง 7,788 เมตร สูงเป็นอันดับ 11 จากยอดเขาสูงทั้งหมดของปากีสถานจากนั้นเดินทางต่อสู่หมู่บ้านฮุนซ่า
- จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมือง Garkuch เมืองหลวงของ Ghizer ที่เป็นศูนย์รวมการค้า และการสัญจรในเส้นทางหลักที่มุ่งสู่เมือง Gupis
- ออกเดินทางไปสู่ Khalti Lake ทะเลสาบที่มีความใสราวกับกระจก ในยามที่ลมสงบ จะสามารถมองเห็นภาพสะท้อนน้ำเป็นวิวที่สวยงาม
- เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักที่ Gupis
Day 9 : Gupis – Gilgit – Raikot- Fairy Meadows
- ออกเดินทางสู่ Fairy Meadows ถึงจุดเปลี่ยนรถที่ Raikot Bridge เราจะใช้รถจิ๊บนั่งคันละ 4-5 คน นั่งประมาณ 1 ชั่วโมง ครึ่ง สู่จุดเริ่มต้นเดินเทรค Fairy Meadows
- นำท่านเดิน Trek ประมาณ 6.5 กม. สู่ Fairy Meadows ใช้เวลาประมาณ 2.5 – 3.5 ชั่วโมง หรือจะใช้ล่อก็ได้ ทางเดินเป็นเนินสลับทางราบ วิวระหว่างทางเป็นลักษณะป่าสน สลับกับลำธารที่ไหลมาจาก Nanga Parbat Glacier บ่ายคล้อยชมวิวรอบๆ Fairy Meadows วิวทุ่งหญ้า พร้อมชมยอดเขา Nanga Parbat ในบรรยากาศสบายๆ
- ชมยอด Nangar Parbat จุดชมวิวยอดเขาสูงสุดอันดับ 9 ของโลก ที่สูงถึง 8,126 เมตร เป็นยอดเขาที่อยู่ในเทือกเขาหิมาลัย และสูงเป็นอันดับ 2 ของปากีสถาน เป็นรองเพียงยอด K2
- คืนนี้เราจะพักกันที่ Fairy Meadows
Day 10 : Fairy Meadows – Chilas
- หลังรับประทานอาหารเช้า เดินเล่น ชมวิวยามเช้าที่ทุ่งหญ้าแห่ง Fairy Meadows เก็บภาพความประทับใจของธานน้ำแข็ง และยอด Nangar Parbat จนพอใจ
- จากนั้นเดินทางสู่ เมือง Chillas เมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหม ณ จุดเลาะเลียบแม่น้ำฮุนซาทางตอนเหนือและแม่น้ำสินธุ เมืองชีลาสแห่งนี้มีการค้นพบหลักฐานกว่า 20,000 ชิ้น เกี่ยวกับงานศิลปะภาพเขียนโบราณบนโขดหิน
- คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Chillas
Day 11 : Chilas – Mansehra
- หลังอาหารเช้า เดินทางไกลเพื่อไปยังเมือง Mansehara เมืองหลวงทางตะวันออก ตั้งอยู่ในจังหวัด Khyber Pakhtunkhwa ของปากีสถาน จัดเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนี้
- คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Mansehra
Day 12 : Mansehra – Taxila – Faisal – Bangkok
- ออกเดินทางสู่ เมืองหลวงอิสลามาบัด (Islamabad) เป็นเมืองหลวงของปากีสถานแห่งใหม่ ที่ย้ายมาจากเมืองการาจีที่อยู่ทางตอนใต้ เมืองอิสลามาบัดตั้งอยู่บนที่ราบสูงโปโตฮาร์ (Potohar) บริเวณเทือกเขามาร์กัลลา (Margalla Hills) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ชื่อ อิสลามาบัด หมายถึง ที่อยู่ของชาวมุสลิม
- นำชมพิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum) สถานที่จัดแสดงพุทธประติมากรรมล้ำค่า อาธิเช่น พุทธศิลป์แบบกรีก จิตรกรรม ประติมากรรม เหรียญกษาปณ์ เครื่องปั้นดินเผา และงานศิลปะอื่น ๆ นำชมโบราณสถานมหาวิทยาลัยทางพุทธศาสนาสองแห่ง มหาวิทยาลัยจูเลียนและโมห์รา
- จากนั้นนำท่านถ่ายภาพที่มัสยิด Faisal Mosque เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในอิสลามาบัด สร้างเสร็จในปี 1986 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี ลักษณะคล้ายเต็นท์กลางทะเลทราย
- เดินทางสู่สนามบิน Islamabad เดินทางกลับประเทศไทย
Day 13 : Bangkok
- เดินทางถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
**โปรแกรมอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม**