Categories
07-Jul 2024 Northernlight Roadtrip Scandinavia

ทัวร์ Extreme เทรคนอร์เวย์ Lofoten • Kjerag • Trolltunga • Preikestolen

ทัวร์ Extreme เทรคนอร์เวย์
Lofoten • Kjerag • Trolltunga • Preikestolen
สรุปไฮไลท์

☀️รวมที่สุดของเส้นทางเทรคั้ง Lofoten และ Trolltunga ในทริปเดียวกัน ไปครั้งเดียวเที่ยวครบทุกที่

☀️Reinebringen – จุดชมวิวพาโนรามาอันสวยงามที่มองเห็นหมู่บ้าน Reine และฟยอร์ดโดยรอบจากมุมสูง เป็นหนึ่งในวิวที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน

☀️Trolltunga – “ลิ้นแห่งโทรล” แท่นหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผาสูง 700 เมตรเหนือทะเลสาบ Ringedalsvatnet เป็นแลนด์มาร์คระดับโลกของนอร์เวย์และจุดถ่ายภาพที่มีความตื่นเต้นที่สุด

☀️Kjeragbolten – ก้อนหินกลมขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ระหว่างซอกผาสูง 984 เมตร เหนือฟยอร์ด Lysefjord ทำให้เกิดภาพถ่ายที่น่าตื่นเต้นเหมือนกำลังลอยอยู่เหนือความสูง

☀️Preikestolen – “แท่นเทศนา” ผาหินแกรนิตรูปสี่เหลี่ยมสูง 604 เมตร ที่ยื่นออกไปเหนือฟยอร์ด Lysefjord สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Mission Impossible

☀️หมู่บ้าน Reine – หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ ด้วยบ้านไม้สีแดงที่ตั้งอยู่ริมน้ำโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงชัน

☀️รถไฟ Flåmsbana – หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ระยะทาง 20 กิโลเมตรที่ลัดเลาะไปตามเทือกเขาและผ่านน้ำตกสวยงาม

☀️ล่องเรือชม Nærøyfjord – ฟยอร์ดที่แคบที่สุดในโลกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก มีความกว้างเพียง 250 เมตรในบางจุด ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชันและน้ำตก

☀️ภูเขา Segla – ยอดเขารูปทรงสามเหลี่ยมที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะ Senja ที่คนไทยยังไม่ค่อยได้ไปเยือน มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา

☀️หมู่บ้าน Henningsvaer – “เวนิสแห่งโลโฟเทน” หมู่บ้านชาวประมงที่สวยงามตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ หลายเกาะเชื่อมต่อกันด้วยสะพาน มีร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์

☀️หาด Kvalvika – หาดทรายขาวที่มองเห็นได้จากยอดเขา Ryten เป็นหาดที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน สามารถมองเห็นวิวของมหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 179,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป นอร์เวย์ Trek

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – ออสโล

  • เช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ณ เคาน์เตอร์สายการบิน Thai Airways

  • ออกเดินทางสู่เมืองออสโล (Oslo) เมืองหลวงแห่งประเทศนอร์เวย์

  • พักผ่อนตลอดการเดินทางบนเครื่องบิน

วันที่ 2: ออสโล – เลคเนส

  • เดินทางถึงสนามบินออสโล

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เที่ยวบินภายในประเทศต่อไปยังเลคเนส (Leknes) ประตูสู่หมู่เกาะโลโฟเทน

  • เช็คอินเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย

  • รับประทานอาหารค่ำ ชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเมือง

วันที่ 3: หมู่เกาะโลโฟเทน – Å – Nusfjord – Reine – Reinebringen

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เยี่ยมชมหมู่บ้าน Å หมู่บ้านที่อยู่ใต้สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน

  • ชมหมู่บ้านโบราณ Nusfjord หมู่บ้านชาวประมงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในโลโฟเทน

  • รับประทานอาหารกลางวัน

  • เที่ยวชมหมู่บ้าน Reine หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์

  • เดินเทรคสู่จุดชมวิว Reinebringen เพื่อชมวิวพาโนรามาของหมู่บ้าน Reine จากมุมสูง (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่ที่พัก

วันที่ 4: Ryten Hike – Henningsvaer

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เริ่มการเดินเทรคบนเส้นทาง Ryten Hike หนึ่งในเส้นทางยอดนิยมของหมู่เกาะโลโฟเทน ชมวิวชายหาด Kvalvika อันงดงามจากมุมสูง (ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง)

  • รับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิก ระหว่างการเดินเทรค

  • เดินทางไปยัง Henningsvaer หมู่บ้านประมงที่ได้ชื่อว่าเป็น “เวนิสแห่งโลโฟเทน”

  • เดินเล่น ช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึก และถ่ายภาพความงดงามของหมู่บ้าน

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่ที่พัก

วันที่ 5: Floya Hike – เดินทางสู่เกาะ Senja

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เดินเทรคไปยังจุดชมวิว Floya สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของหมู่เกาะโลโฟเทน (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)

  • รับประทานอาหารกลางวัน

  • เดินทางไปยังเกาะ Senja เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของนอร์เวย์

  • เช็คอินที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย

  • รับประทานอาหารค่ำ

วันที่ 6: Segla Hike – ทรอมโซ

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เดินเทรคขึ้นภูเขา Segla สัญลักษณ์ของเกาะ Senja ที่มีรูปทรงเฉพาะตัวอันโดดเด่น (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)

  • รับประทานอาหารกลางวัน

  • เดินทางสู่เมืองทรอมโซ (Tromso) เมืองหลวงแห่งการล่าแสงเหนือ

  • ชมเมืองทรอมโซ เยี่ยมชมอ่าวและท่าเรือ บ้านเรือนสีสันสดใสริมน้ำ

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่ที่พัก

วันที่ 7: ทรอมโซ – เบอร์เกน

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เดินทางไปยังสนามบินทรอมโซ

  • บินภายในประเทศสู่เมืองเบอร์เกน (Bergen)

  • เช็คอินที่พัก

  • เที่ยวชมเมืองเบอร์เกน เยี่ยมชมย่าน Bryggen ริมอ่าวซึ่งเป็นมรดกโลกจาก UNESCO

  • เดินเล่นตลาดปลา และถนนคนเดินในเมืองเก่า

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่ที่พัก

วันที่ 8: รถไฟ Flåmsbana – Flam – Stegastein – Nærøyfjord – Trolltunga Base Camp

  • รับประทานอาหารเช้า

  • นั่งรถไฟสาย Flåmsbana หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก

  • เยี่ยมชมเมือง Flam เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของฟยอร์ดที่ลึกและยาวที่สุดในโลก

  • รับประทานอาหารกลางวัน

  • ชมวิวพาโนรามาของ Aurland ฟยอร์ดจากจุดชมวิว Stegastein

  • ล่องเรือชม Nærøyfjord ฟยอร์ดที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก

  • เดินทางไปยัง Trolltunga Base Camp เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเทรควันพรุ่งนี้

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่ที่พัก

วันที่ 9: Trolltunga

  • รับประทานอาหารเช้าแต่เช้า

  • เริ่มการเดินเทรคสู่ Trolltunga หรือ “ลิ้นโทรล” หินที่ยื่นออกมาจากหน้าผาสูง เป็นแลนด์มาร์คระดับโลกของนอร์เวย์ (ใช้เวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง ไป-กลับ)

  • รับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิกระหว่างทาง

  • ถ่ายรูปบนหิน Trolltunga กับวิวทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์เบื้องล่าง

  • เดินทางกลับมายังที่พัก

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนหลังจากวันที่เหนื่อยล้า

วันที่ 10: เดินทางสู่ Kjerag Lysebotn

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เดินทางไปยัง Kjerag Lysebotn

  • พักผ่อนตามอัธยาศัยริมฟยอร์ด เตรียมพร้อมสำหรับการเทรควันพรุ่งนี้

  • รับประทานอาหารกลางวันและอาหารค่ำ

วันที่ 11: Kjerag Lysebotn walk – Jørpeland

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เริ่มการเดินเทรคสู่ Kjeragbolten ก้อนหินกลมขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ระหว่างซอกผา (ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง)

  • รับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิก

  • เดินทางกลับมายังเมือง Jørpeland เมืองเล็กๆ ริมชายฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่ที่พัก

วันที่ 12: Preikestolen Walk – สตาวังเงอร์

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เดินเทรคไปยัง Preikestolen หรือ “แท่นเทศนา” ผาหินแกรนิตสูง 604 เมตรที่ยื่นออกไปเหนือฟยอร์ด สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Mission Impossible (ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง)

  • รับประทานอาหารกลางวัน

  • เดินทางสู่เมืองสตาวังเงอร์ (Stavanger) เมืองหลวงแห่งน้ำมันของยุโรป

  • ชมเมืองเก่า และเดินเล่นตามถนนที่ปูด้วยหินในย่านเมืองเก่า

  • รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนที่ที่พัก

วันที่ 13: สตาวังเงอร์ – ออสโล – กรุงเทพฯ

  • รับประทานอาหารเช้า

  • เที่ยวชมเมืองสตาวังเงอร์เพิ่มเติมในช่วงเช้า

  • เดินทางไปยังสนามบินสตาวังเงอร์

  • บินภายในประเทศสู่ออสโล

  • ต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน Thai Airways

  • พักผ่อนบนเครื่องบิน

วันที่ 14: กรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจจากการเดินทาง

Categories
07-Jul 2024 Roadtrip Scandinavia

ทัวร์เทรคนอร์เวย์ ไฮไลท์ Kjerag • Trolltunga • Preikestolen

ทัวร์เทรคนอร์เวย์
ไฮไลท์ Kjerag • Trolltunga • Preikestolen
สรุปไฮไลท์

☀️สตาวังเกอร์: ย่าน Gamle Stavanger บ้านไม้สีขาวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเหนือ, มหาวิหารยุคไวกิ้ง, อนุสาวรีย์ดาบสามเล่ม

☀️เบอร์เกน: เมืองมรดกโลก Bryggen Wharf อาคารไม้สีสันสดใสริมน้ำจากยุคฮันเซียติก

☀️Kjeragbolten: หินมหัศจรรย์ติดค้างระหว่างหน้าผา (เดิน 12 กม.)

☀️Preikestolen (Pulpit Rock): หน้าผาอายุ 10,000 ปี สูง 604 ม.

☀️Trolltunga: “ลิ้นโทรลล์” แผ่นหินยื่นจากหน้าผา (เดิน 28 กม.)

☀️Lysefjord: ฟยอร์ดลึก 422 ม. ยาว 42 กม.

☀️Nærøyfjord: ฟยอร์ดมรดกโลกที่แคบที่สุดในโลก (กว้างเพียง 250 ม.)

☀️น้ำตกสวยที่สุด: Kjosfossen, Låtefossen (น้ำตกคู่), Tvindefossen

☀️Flåmsbana: รถไฟสายที่ชันและสวยที่สุดในโลก

☀️Stegastein Viewpoint: จุดชมวิวที่ยื่นออกจากหน้าผา 30 ม.

☀️กระเช้า Fløibanen: ชมวิวพาโนรามาเบอร์เกนจากยอดเขา Mount Fløyen

ค่าทริปและการจองทริป
สรุปทริป
  • ค่าทริป
    • ห้องคู่-ห้อง 3 คน ท่านละ 129,000 บาท
    • พักเดี่ยวเพิ่ม 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 27 มิย – 6 กค  68
    • 11-20 กค. 68
    • 15-24 สค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334

✅️  รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️  โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️  กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️  นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️  ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔  วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔  ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔  ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทัวร์ นอร์เวย์ Summer trek

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – ออสโล

  • บินตรงด้วย Thai Airways เที่ยวบิน TG954 (21:30 น.)
  • ออสโล เป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ เมืองที่ผสมผสานความทันสมัยกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก และสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น

วันที่ 2: สตาวังเกอร์ – ลีเซบ็อตน์

  • เยี่ยมชมเมืองเก่าสตาวังเกอร์ บ้านไม้สีขาวอายุ 200 ปี – หนึ่งในชุมชนบ้านไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป เรียกว่า “Gamle Stavanger” มีบ้านไม้สีขาวกว่า 170 หลัง เรียงรายบนถนนหินกรวดแคบๆ สะท้อนวิถีชีวิตชาวประมงในอดีต
  • ชมอนุสาวรีย์ดาบสามเล่ม (Sverd i fjell) – อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่สูง 10 เมตร สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการรวมนอร์เวย์เป็นอาณาจักรเดียวในศตวรรษที่ 9
  • มหาวิหารสตาวังเกอร์ (Stavanger Cathedral) – โบสถ์เก่าแก่ที่สุดในนอร์เวย์ สร้างในศตวรรษที่ 12 ในสไตล์โกธิค
  • เดินทางสู่หมู่บ้านลีเซบ็อตน์ (Lysebotn) – หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ปลายสุดของฟยอร์ด Lysefjord ที่ลึกที่สุดแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ มีประชากรเพียงไม่กี่สิบคน ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน

วันที่ 3: Kjerag

  • เดินป่าระยะทาง 12 กม. (7-8 ชม.) – เส้นทางเดินป่าที่ท้าทายผ่านภูมิประเทศที่สวยงาม มีการปีนขึ้น-ลงสลับกัน 3 ช่วงใหญ่
  • Kjeragbolten – หินทรงกลมที่ติดอยู่ระหว่างช่องเขา สูงจากพื้นฟยอร์ด 984 เมตร เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม ด้วยความท้าทายของการยืนบนก้อนหินที่แขวนอยู่เหนือความสูงกว่าพันเมตร
  • วิวพาโนรามาของ Lysefjord – หนึ่งในฟยอร์ดที่สวยที่สุดของนอร์เวย์ มีความยาว 42 กิโลเมตร

วันที่ 4: Jørpeland

  • เมือง Jørpeland – เมืองเล็กๆ ที่ได้ฉายาว่า “เมืองประตูสู่ Preikestolen” มีประชากรประมาณ 7,000 คน
  • ศูนย์กลางเมืองมีร้านค้าท้องถิ่น ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารนอร์ดิกแท้ๆ และคาเฟ่ที่อบอุ่น
  • Jørpelandsholmen – เกาะเล็กๆ ที่เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพาน เป็นจุดพักผ่อนยอดนิยมของคนท้องถิ่น
  • Preikestolen Hiking Center – ศูนย์ข้อมูลที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าและธรรมชาติในพื้นที่

วันที่ 5: Preikestolen – Odda

  • Preikestolen (Pulpit Rock) – หน้าผารูปทรงสี่เหลี่ยมที่ยื่นออกไปเหนือฟยอร์ด สูง 604 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดังที่สุดในโลก
  • เส้นทางเดินป่าระยะทาง 8 กิโลเมตร (ไป-กลับ) ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง มีความยากระดับปานกลาง
  • น้ำตกคู่ Låtefossen – น้ำตกคู่ที่สวยงาม ไหลลงมาจากทั้งสองด้านและมาบรรจบกันใต้สะพาน เป็นจุดแวะถ่ายรูปที่สำคัญ
  • เมือง Odda – เมืองเล็กๆ ริมฟยอร์ด เป็นฐานที่ดีสำหรับการเดินทางไป Trolltunga ล้อมรอบด้วยภูเขาและธารน้ำแข็ง Folgefonna

วันที่ 6: Trolltunga

  • เดินป่าระยะไกล 20 กม. (10-12 ชม.) – หนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ท้าทายและมีชื่อเสียงที่สุดของนอร์เวย์
  • Trolltunga (ลิ้นโทรล) – หน้าผาที่ยื่นออกไปในอากาศคล้ายลิ้น สูง 700 เมตรเหนือทะเลสาบ Ringedalsvatnet
  • ทัศนียภาพรอบทางประกอบด้วยภูเขา ทะเลสาบ และธารน้ำแข็งในอุทยานแห่งชาติ Hardangervidda

วันที่ 7: Flamsbana

  • รถไฟสาย Flamsbana – หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่ชันที่สุดในโลก (ความชัน 5.5%) ระยะทาง 20 กิโลเมตรจาก Myrdal สู่ Flåm ผ่านอุโมงค์ 20 แห่ง
  • จุดชมวิวน้ำตก Kjosfossen – รถไฟจะจอดให้ผู้โดยสารลงมาชมน้ำตกสูง 93 เมตร
  • Nærøyfjord – ฟยอร์ดที่แคบที่สุดในโลก (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก) มีความกว้างเพียง 250 เมตรในบางช่วง ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง 1,800 เมตร
  • หมู่บ้าน Flåm – หมู่บ้านเล็กๆ ที่น่ารักริมฟยอร์ด มีร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์รถไฟ

วันที่ 8: เบอร์เกน

  • น้ำตก Tvindefossen – น้ำตกสวยงามสูง 152 เมตรระหว่างทางไปเบอร์เกน
  • ย่าน Bryggen Wharf – ย่านท่าเรือเก่าแก่ที่เป็นมรดกโลก มีอาคารไม้สีสันสดใสเรียงรายริมน้ำ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14
  • กระเช้า Fløibanen – นำผู้โดยสารขึ้นไปบนยอดเขา Fløyen ที่สูง 320 เมตร ให้วิวพาโนรามาของเมืองเบอร์เกนและอ่าวโดยรอบ
  • ตลาดปลา (Fish Market) – ตลาดเก่าแก่ริมท่าเรือที่มีอาหารทะเลสดใหม่และอาหารท้องถิ่น

วันที่ 9-10: เดินทางกลับ

  • ออสโล – หากมีเวลาสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง พิพิธภัณฑ์มุนช์ หรือโรงโอเปร่าออสโลที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น
  • บินกลับกรุงเทพฯ เที่ยวบิน TG955
Categories
06-Jun 07-Jul 2024 Scandinavia

ทัวร์เกาะแฟโร ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า

ทัวร์เกาะแฟโร
ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า
สรุปไฮไลท์

☀️เกาะแฟโร (Faroe Islands) – หมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือที่มีประชากรเพียงราว 50,000 คน

☀️หมู่บ้าน Kirkjubour – หมู่บ้านทางตอนใต้ของเกาะ Streymoy

☀️หมู่บ้าน Tjørnuvík – หมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือสุดของเกาะ Streymoy

☀️Eiði – หมู่บ้านเล็กๆ บนเกาะ Eysturoy

☀️Gjógv – หมู่บ้านอันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1584

☀️Trollanes village – หมู่บ้านเล็กๆ บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ

☀️Viðareiði – หมู่บ้านที่อยู่ไกลสุดทางตอนเหนือ

☀️เสาหิน Trollkonufingur – ลักษณะที่คล้ายนิ้วของแม่มด

☀️ทะเลสาบ Trælanípan – ทะเลสาบภาพลวงตา

☀️ยอดเขา Slættaratindur – จุดที่สูงที่สุดในหมู่เกาะแฟโร

☀️Kalsoy Island – เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็น “หลุมศพของเจมส์บอนด์”

☀️ประภาคาร Kallur lighthouse – ประภาคารบนอันโด่งดัง

☀️น้ำตก Múlafossur Waterfall – น้ำตก signature ตั้งอยู่บนเกาะ Vagar

☀️Mykines Island – เดินเที่ยวชมรอบเกาะบ้านเกิดของนกพัฟฟิน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 129,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 13 – 21 มิย. 68
    • 25 กค. – 2 สค. 68 
    • 7 – 15 สค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป หมู่เกาะแฟโร

วันที่ 1 : กรุงเทพฯ – โคเปนเฮเกน

  • บินสู่โคเปนเฮเกน: เที่ยวบิน TG950 เวลา 01:20-07:40 น.
  • ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สู่ประเทศเดนมาร์ก

วันที่ 2 : โคเปนเฮเกน – หมู่เกาะแฟโร

  • เดินทางสู่หมู่เกาะแฟโร: ถึงโคเปนเฮเกนเวลา 07:40 น. และเดินทางต่อไปยังหมู่เกาะแฟโร
  • เกาะแฟโร (Faroe Islands): หมู่เกาะที่มีประชากรราว 18 เกาะ ในเขตการปกครองตัวเองของเดนมาร์ก เป็นหมู่เกาะที่มีประชากรเพียงหกหมื่นคน หมู่เกาะแฟโรจึงมีฉายาว่าเป็น “เกาะแห่งหมะ”
  • เสาหิน Trollkonufingur: ลักษณะที่คล้ายนิ้วของแม่มด เป็นแลนด์มาร์กธรรมชาติที่โดดเด่น
  • หมู่บ้าน Tjørnuvík: หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Streymoy ทางตอนเหนือสุดของหมู่เกาะแฟโร
  • หมู่บ้าน Kirkjubour: หมู่บ้านที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ Streymoy เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและศาสนาในสมัยยุคกลาง
  • ที่พัก: Torshavn (เมืองหลวงของหมู่เกาะแฟโร)

วันที่ 3 : Torshavn

  • Faroe Museum: พิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1952 เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปะและวิถีชีวิตของชาวแฟโร
  • จุดชมวิว Sornfelli: จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของหมู่เกาะแฟโร
  • ทะเลสาบ Trælanípan: ทะเลสาบที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล เมื่อมองจากมุมที่เหมาะสมจะเห็นเป็นภาพลวงตาเหมือนกับภูเขาเป็นแอ่งและน้ำอยู่ข้างบน
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 4 : Vestmanna – ทัวร์เกาะต่างๆ

  • Vestmanna Torshavn: เมืองเล็กๆ บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ Streymoy เป็นจุดเริ่มต้นของทัวร์ล่องเรือชมหน้าผาและถ้ำ
  • หมู่บ้าน Saksun: บ้านและโบสถ์ที่มีหลังคาหญ้า ตั้งอยู่ในทะเลสาบธรรมชาติที่เปิดออกสู่มหาสมุทร
  • Eiði: หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Eysturoy มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
  • Gjógv: หมู่บ้านอันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1584 ชื่อของหมู่บ้านมาจากช่องแคบตามธรรมชาติที่ทอดยาวจากหมู่บ้านลงสู่ทะเล
  • ยอดเขา Slættaratindur: จุดที่สูงที่สุดในหมู่เกาะแฟโร (882 เมตร) ให้วิวพาโนรามาที่สวยงาม
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 5 : เกาะ Mykines

  • นั่งเรือ Ferry ไปยัง Mykines Island: เกาะที่อยู่ทางตะวันตกสุดของหมู่เกาะแฟโร
  • เดินเที่ยวชมรอบเกาะ: เกาะ Mykines เป็นบ้านเกิดของนกพัฟฟิน (Puffin) นกทะเลที่มีจะงอยปากสีสันสดใส สามารถพบเห็นได้ในช่วงฤดูร้อน
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 6 : ทัวร์เกาะทางตอนเหนือ

  • เกาะ Kalsoy: ได้ฉายาว่าเป็น “หลุมศพของเจมส์บอนด์” จากภาพยนตร์เรื่อง No Time to Die ซึ่งมีฉากสำคัญถ่ายทำที่นี่
  • ประภาคาร Kallur lighthouse: ประภาคารบนหน้าผาสูงอันโด่งดัง ให้วิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลและเกาะใกล้เคียง
  • Trollanes village: หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ
  • หมู่บ้าน Mikladatur: หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์
  • Klaksvík: เมืองใหญ่อันดับสองของหมู่เกาะแฟโร ศูนย์กลางการประมงและการค้าทางตอนเหนือ
  • หมู่บ้าน Viðareiði: หมู่บ้านที่อยู่ไกลสุดทางตอนเหนือ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาและทะเล
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 7 : ทัวร์ทางทะเล – เดินทางกลับโคเปนเฮเกน

  • ล่องเรือไปยังจุดชมวิว Drangarnir: เกาะหินที่มีช่องโค้งเป็นเอกลักษณ์ สร้างภาพที่น่าประทับใจ
  • หมู่บ้าน Gasadalur: หมู่บ้านอันมีภาพที่โด่งดังที่สุดภาพหนึ่ง อยู่ท่ามกลางภูเขาและทะเล
  • น้ำตก Múlafossur Waterfall: น้ำตกที่สวยงามไหลลงสู่มหาสมุทรโดยตรง ตั้งอยู่บนเกาะ Vagar ของหมู่เกาะแฟโร
  • เดินทางกลับโคเปนเฮเกน: เที่ยวบิน RC452 เวลา 16:20-19:25 น.
  • ที่พัก: โคเปนเฮเกน

วันที่ 8 : โคเปนเฮเกน – กรุงเทพฯ

  • อิสระช่วงเช้า: ท่องเที่ยวในเมืองโคเปนเฮเกนตามอัธยาศัย
  • เดินทางกลับกรุงเทพฯ: เที่ยวบิน TG951 เวลา 14:25-06:00 น. (+1)

วันที่ 9 : ถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ: โดยสวัสดิภาพในช่วงเช้า
Categories
06-Jun 07-Jul 08-Aug 2024 Scandinavia

ทัวร์แฟโร กรีนแลนด์ ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า

ทัวร์แฟโร กรีนแลนด์
ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า
สรุปไฮไลท์

☀️หน้าผา Trælanípan (หน้าผาทาส) – “ทะเลลอยฟ้า” ทะเลแยกเป็นสองระดับคล้ายมีทะเลแขวนอยู่กลางอากาศ

☀️น้ำตก Múlafossur – น้ำตกซิกเนอเจอร์ไหลจากหน้าผาสูงชันลงสู่มหาสมุทรโดยตรง โดยมีฉากหลังเป็นหมู่บ้าน Gasadalur และภูเขาสูง สร้างภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากนิทาน

☀️หมู่บ้านหลังคาหญ้าโบราณ – Saksun และ Gjógv ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม

☀️เกาะ Mykines – “สวรรค์ของนกพัฟฟิน” ที่คุณจะได้เห็นนกพัฟฟินนับหมื่นตัวในระยะใกล้ๆ (ช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม)

☀️ประภาคาร Kallur – จุดชมวิวบนหน้าผาสูงชันที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนเกาะ Kalsoy ซึ่งเป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง “No Time to Die”

☀️โขดหิน Drangarnir – โขดหินรูปโค้งกลางทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแฟโร

☀️Ice Cap Point 660 – โอกาสพิเศษในการเดินบนแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ที่ปกคลุมพื้นที่ 80% ของประเทศ

☀️ธารน้ำแข็ง Russell Glacier – กำแพงน้ำแข็งมหึมาสูงกว่า 60 เมตร ที่มีโอกาสได้เห็นการแตกตัวของก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่

☀️ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งที่ Disko Bay – สัมผัสใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็งยักษ์หลากรูปทรงที่ลอยอยู่ในอ่าว บางก้อนสูงเทียบเท่าตึก 15 ชั้น

☀️Ilulissat Icefjord – มรดกโลกยูเนสโก ธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก (40 เมตรต่อวัน) และผลิตน้ำแข็งมากที่สุด ทำให้เกิดภูเขาน้ำแข็งมหึมาลอยในอ่าว

☀️โอกาสชมแสงอาทิตย์เที่ยงคืน – ในช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์จะไม่ตกดิน ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีทองตลอดคืน (พฤษภาคม-กรกฎาคม) หรือช่วงส่งท้ายฤดูกาลในเดือนสิงหาคม

☀️วัฒนธรรมอินูอิตดั้งเดิม – เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองกรีนแลนด์ผ่านหัตถกรรมท้องถิ่น งานแกะสลักงาช้างทะเล กระดูกวาฬ และผลิตภัณฑ์จากหนังแมวน้ำ

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 189,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 25 กค – 6 สค 68 
    • 8 – 20 สค 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป Greenland Faroe

 วันที่ 1 – เริ่มต้นการเดินทาง

  • บินสู่ดินแดนแห่งตำนานไวกิ้ง

วันที่ 2 – สัมผัสมนต์เสน่ห์ทอร์สฮาฟน์

  • ทอร์สฮาฟน์ – เมืองหลวงที่เล็กที่สุดในยุโรป แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบ้านหลังคาหญ้า ท่าเรือโบราณ และร้านอาหารระดับมิชลิน
  • Trælanípan (หน้าผาทาส) – สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สร้างภาพลวงตาของ “ทะเลลอยฟ้า” จุดชมวิวที่คุณจะเห็นทะเลแยกเป็นสองระดับ สร้างภาพที่น่าทึ่งราวกับมีทะเลแขวนอยู่กลางอากาศ
  • ย่านเมืองเก่า Tinganes – ที่ตั้งของรัฐบาลท้องถิ่นในอาคารไม้หลังคาหญ้าสีแดงโดดเด่น ซึ่งเป็นรัฐสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง

วันที่ 3 – สำรวจหมู่บ้านในฝัน

  • Vestmanna – ล่องเรือชมหน้าผาสูงชันและถ้ำมหัศจรรย์ที่เป็นบ้านของนกทะเลนับพันตัว
  • Saksun – หมู่บ้านในฝันที่ซ่อนตัวในหุบเขา มีบ้านหลังคาหญ้าดั้งเดิม และทะเลสาบน้ำเค็มที่รายล้อมด้วยภูเขาสูง
  • Eiði – หมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่มีวิวของ “ยักษ์และแม่มด” หินโขดขนาดใหญ่กลางทะเล
  • Gjógv – หมู่บ้านที่สวยที่สุดในแฟโร ชื่อหมายถึง “ช่องแคบ” ซึ่งเป็นท่าเรือธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นโดยคลื่นลมทะเล
  • Slættaratindur – มองเห็นยอดเขาสูงที่สุดของหมู่เกาะ (882 เมตร) ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นถึงไอซ์แลนด์!

วันที่ 4 – ผจญภัยที่เกาะ Mykines

  • เกาะ Mykines – “สวรรค์ของนกพัฟฟิน” เกาะที่อยู่ทางตะวันตกสุดของแฟโร
  • สะพานข้ามเกาะ – เดินข้ามสะพานแขวนสุดหวาดเสียวไปยังเกาะเล็กๆ Mykineshólmur ที่มีประภาคารเก่าแก่
  • นกพัฟฟิน – ชมนกพัฟฟินนับหมื่นตัวที่อาศัยอยู่ตามหน้าผา เป็นโอกาสอันหาได้ยากในการถ่ายภาพนกที่น่ารักเหล่านี้ในระยะใกล้ๆ (ช่วงฤดูผสมพันธุ์ พฤษภาคม-สิงหาคม)

วันที่ 5 – เรื่องเล่าและตำนานบนเกาะ

  • เกาะ Kalsoy – อุโมงค์เล็กๆ ทอดยาวตลอดเกาะ และเป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง “No Time to Die”
  • ประภาคาร Kallur – เดินเท้าสู่จุดชมวิวที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ประภาคารตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันที่ทอดตัวสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
  • Mikladalur – ชมรูปปั้น “Kópakonan” หรือหญิงสาวแมวน้ำ ตำนานพื้นบ้านอันโด่งดังของชาวแฟโร
  • Viðareiði – หมู่บ้านที่อยู่เหนือสุดของเกาะแฟโร มีโบสถ์สีขาวอายุกว่า 130 ปี ตั้งโดดเด่นท่ามกลางวิวภูเขาและทะเล

วันที่ 6 – มหัศจรรย์ทางธรรมชาติและอำลาแฟโร

  • ล่องเรือชม Drangarnir – โขดหินรูปโค้งกลางทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแฟโร ต้องล่องเรือหรือเดินเท้าหลายชั่วโมงเท่านั้นจึงจะเข้าถึงได้
  • หมู่บ้าน Gasadalur – หมู่บ้านที่สวยที่สุดและโดดเดี่ยวที่สุด ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูง เพิ่งมีถนนเชื่อมต่อในปี 2004 ผ่านอุโมงค์ยาว 1.4 กม.
  • น้ำตก Múlafossur – น้ำตกอันโด่งดังที่ไหลจากหน้าผาลงสู่มหาสมุทรโดยตรง ฉากหลังเป็นหมู่บ้านและภูเขา สร้างภาพที่เหมือนในนิทาน
  • เดินทางสู่โคเปนเฮเกน – อำลาหมู่เกาะแฟโร มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของเดนมาร์กเพื่อเตรียมตัวสู่การผจญภัยครั้งใหม่ในกรีนแลนด์

วันที่ 7 – สู่ดินแดนน้ำแข็ง

  • เดินทางจากโคเปนเฮเกนสู่ Kangerlussuaq – ประตูสู่กรีนแลนด์
  • Kangerlussuaq – เมืองที่ตั้งอยู่ปลายฟยอร์ดยาว 170 กม. เคยเป็นฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเย็น

วันที่ 8 – สัมผัสแผ่นน้ำแข็งยักษ์

  • Ice Cap Point 660 – เดินทางด้วยรถ 4×4 สู่จุดที่สามารถเข้าถึงแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ได้ แผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปกคลุมพื้นที่ 80% ของประเทศ
  • ธารน้ำแข็ง Russell Glacier – ตื่นตาตื่นใจกับกำแพงน้ำแข็งยักษ์สูงกว่า 60 เมตร มีโอกาสได้เห็นการถล่มของก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา
  • บินสู่ Ilulissat – เมืองแห่งภูเขาน้ำแข็ง
  • ยามค่ำคืนที่ Ilulissat – ชมแสงสีทองยามพระอาทิตย์ตกกระทบภูเขาน้ำแข็งในอ่าว สร้างภาพที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม

วันที่ 9 – มหัศจรรย์น้ำแข็งที่ Disko Bay

  • เดินเส้นทาง Blue Trail – เส้นทางเดินชมวิวที่สวยที่สุดใน Disko Bay เห็นภูเขาน้ำแข็งลอยอยู่ในอ่าว
  • ล่องเรือชม Iceberg – สัมผัสประสบการณ์แบบใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็งยักษ์ที่มีรูปทรงแปลกตา บางก้อนสูงกว่าตึก 15 ชั้น
  • ปรากฏการณ์แสงพระอาทิตย์เที่ยงคืน – ในช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์จะไม่ตกดินทำให้ท้องฟ้าเป็นสีทองตลอดคืน (พฤษภาคม-กรกฎาคม) หรือช่วงส่งท้ายฤดูกาลในสิงหาคม

วันที่ 10 – วัฒนธรรมอินูอิตและธารน้ำแข็งมรดกโลก

  • ธารน้ำแข็ง Ilulissat Icefjord – มรดกโลกยูเนสโก ธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก (40 ม./วัน) และผลิตน้ำแข็งมากที่สุด
  • โบสถ์ Zion – โบสถ์ไม้สีแดงอายุกว่า 240 ปี (สร้างปี 1779) เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในกรีนแลนด์
  • พิพิธภัณฑ์บ้านเกิด Knud Rasmussen – บ้านของนักสำรวจขั้วโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรีนแลนด์
  • เยี่ยมชมตลาดปลาและหัตถกรรมท้องถิ่น – สัมผัสวิถีชีวิตของชาวอินูอิต ชมงานแกะสลักงาช้างทะเล กระดูกวาฬ และหนังแมวน้ำ

วันที่ 11 – อำลากรีนแลนด์

  • เวลาอิสระช่วงเช้า – โอกาสสุดท้ายในการซื้อของที่ระลึกหรือเดินชมเมือง
  • เดินทางกลับโคเปนเฮเกน

วันที่ 12 – อำลายุโรปเหนือ

  • อิสระ พักผ่อนหรือเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
  • เดินทางกลับกรุงเทพฯ – ด้วยเที่ยวบิน TG951 (14:25-06:00+1)

วันที่ 13 (20 ส.ค.) – ถึงบ้านพร้อมความทรงจำ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
Categories
06-Jun 07-Jul 2024 Europe

France : Provence

France : Provence
สรุปไฮไลท์

☀️เมืองนีซและชายหาดฝรั่งเศสริเวียร่า (Nice & French Riviera) – สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันมีเสน่ห์ เดินเล่นบน Promenade des Anglais อันโด่งดังและดื่มด่ำกับบรรยากาศสดใสของท้องฟ้าและทะเลสีครามที่ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของศิลปินและนักท่องเที่ยว

☀️ย่านประวัติศาสตร์โมนาโกวิลล์ (Monaco-Ville) – เยือนประเทศเล็กที่สุดอันดับสองของโลก ชมพระราชวังเจ้าชายที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และทัศนียภาพอันตระการตาของท่าเรือหรูและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากจุดชมวิวบนเนินเขา

☀️ทุ่งลาเวนเดอร์วาลองโซล (Plateau de Valensole) – ดื่มด่ำกับภาพที่ราบสูงกว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง ให้ภาพและกลิ่นหอมที่เป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์

☀️หมู่บ้านรูซียงและสีโอเคอร์ธรรมชาติ (Roussillon) – ตื่นตากับหมู่บ้านสีสันสดใสที่อาคารบ้านเรือนทาด้วยสีจากดินโอเคอร์ธรรมชาติหลากเฉดสี ตั้งแต่แดง ส้ม และเหลือง สร้างภาพที่แตกต่างจากหมู่บ้านทั่วไปในโพรวองซ์อย่างสิ้นเชิง

☀️หมู่บ้านกอร์ดบนเนินเขา (Gordes) – เยือนหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ด้วยบ้านหินสีเทาที่เรียงรายลดหลั่นลงมาตามไหล่เขา พร้อมปราสาทศตวรรษที่ 16 และทัศนียภาพของหุบเขาลูเบอรงที่สวยงาม

☀️อารามเซนองก์และทุ่งลาเวนเดอร์ (Sénanque Abbey) – ชมอารามซิสเตอร์เชียนเก่าแก่จากศตวรรษที่ 12 ที่ยังมีนักบวชอาศัยอยู่ ล้อมรอบด้วยทุ่งลาเวนเดอร์ที่สร้างภาพอันเป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกปรารถนาจะได้เห็นสักครั้งในชีวิต

☀️พระราชวังพระสันตะปาปา (Palais des Papes) – ทึ่งกับพระราชวังโกธิคอันยิ่งใหญ่ในเมืองอาวีญงที่เคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาในศตวรรษที่ 14 มรดกโลกที่เป็นพยานประวัติศาสตร์ช่วงเวลาสำคัญของศาสนาคริสต์ในยุโรป

☀️สะพานส่งน้ำโรมันปงดูการ์ (Pont du Gard) – ชมสะพานส่งน้ำโรมันโบราณจากศตวรรษที่ 1 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม สูงถึง 49 เมตร เป็นตัวอย่างชั้นเลิศของวิศวกรรมโรมันและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️อุทยานแห่งชาติคาลังก์ (Calanques National Park) – ผจญภัยในอ่าวแคบที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาหินปูนสูงชันและน้ำทะเลสีเขียวมรกตใสสะอาด ดินแดนธรรมชาติอันน่าทึ่งระหว่างมาร์เซย์และคาสซิส ที่สามารถสำรวจได้ทั้งทางบกและทางทะเล

☀️มหาวิหารโนเทรอะดาม เดอ ลาการ์ด (Notre-Dame de la Garde) – เยือนสัญลักษณ์ของเมืองมาร์เซย์ที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาสูงสุดของเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานและรูปปั้นพระแม่มารีทองคำ พร้อมชมวิวพาโนรามา 360 องศาของเมืองท่าโบราณและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 109,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place
Place
Place

โปรแกรมทริป โพรวองซ์

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – สู่ฝรั่งเศส

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ – เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์ของฝรั่งเศสและโมนาโก ออกเดินทางด้วยสายการบินชั้นนำสู่เมืองนีซ ประตูสู่ฝรั่งเศสตอนใต้และเฟรนช์ริเวียร่า ดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสัน วัฒนธรรม และทัศนียภาพอันงดงาม

วันที่ 2: นีซ – โมนาโก

  • เมืองนีซ (Nice) – เมืองเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันมีเสน่ห์ เดินเล่นบน Promenade des Anglais ถนนริมชายหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ดื่มด่ำบรรยากาศสดใสของท้องฟ้าและทะเลสีคราม เยี่ยมชมย่านเมืองเก่า (Vieux Nice) ที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยแคบๆ ร้านค้า และร้านอาหารท้องถิ่นที่มีสีสัน
  • โมนาโกวิลล์ (Monaco-Ville) – ย่านประวัติศาสตร์บนเนินเขาของประเทศเล็กที่สุดอันดับสองของโลก ชมพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก (Prince’s Palace) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เป็นที่ประทับของราชวงศ์กริมาลดี มีการเปลี่ยนเวรยามทหารที่น่าประทับใจ พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของท่าเรือ Port Hercule และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง

วันที่ 3: ทะเลสาบแซงต์-ครัวซ์ – มูสติเยร์-แซงต์-มารี

  • ทะเลสาบแซงต์-ครัวซ์ (Lac de Sainte-Croix) – ทะเลสาบสีฟ้าครามใสสะอาดที่สร้างขึ้นในปี 1973 ตั้งอยู่ในหุบเขาที่สวยงามของแม่น้ำแวร์ดง (Verdon) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรรมชาติแวร์ดง (Verdon Natural Regional Park) เหมาะแก่การพักผ่อน พายเรือคายัค หรือว่ายน้ำในฤดูร้อน ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ของภูเขาและป่าไม้ที่สวยงาม
  • มูสติเยร์-แซงต์-มารี (Moustiers-Sainte-Marie) – หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาสองแห่ง มีชื่อเสียงด้านศิลปะการผลิตเครื่องเคลือบดินเผา (Faience) ที่มีความละเอียดและสวยงาม เดินเล่นตามถนนหินที่ลัดเลาะขึ้นเขา ชมโบสถ์ Notre-Dame de Beauvoir และดาวทองคำที่แขวนอยู่เหนือหมู่บ้าน เยี่ยมชมร้านค้าและเวิร์คช็อปที่มีเสน่ห์ของช่างฝีมือท้องถิ่น

วันที่ 4: ทุ่งลาเวนเดอร์วาลองโซล

  • วาลองโซล (Valensole) – สัมผัสความงดงามของที่ราบสูงวาลองโซล (Plateau de Valensole) ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันสุดลูกหูลูกตา กว้างกว่า 800 ตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง เก็บภาพความประทับใจกับทุ่งสีม่วงที่ทอดยาวจนสุดสายตา บรรยากาศหอมกรุ่นด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ ชมหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวบ้านที่ทำการเกษตรและผลิตน้ำมันหอมระเหยจากดอกลาเวนเดอร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของแคว้นโพรวองซ์

วันที่ 5: รูซียง – กอร์ด – อารามเซนองก์

  • รูซียง (Roussillon) – หมู่บ้านสีสันสดใสที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในหุบเขาลูเบอรง (Luberon Valley) โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนที่ทาด้วยสีจากดินโอเคอร์ธรรมชาติ (Ochre) สีแดง ส้ม และเหลือง ที่ขุดจากเหมืองในท้องถิ่น เดินเล่นตามเส้นทาง Sentier des Ocres เพื่อชมแนวหน้าผาสีสันสดใสและทัศนียภาพอันน่าทึ่ง
  • กอร์ด (Gordes) – เมืองสวยบนภูเขาในโพรวองซ์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส (Les Plus Beaux Villages de France) โดดเด่นด้วยบ้านหินสีเทาที่เรียงรายลดหลั่นลงมาตามไหล่เขา ชมปราสาทกอร์ด (Château de Gordes) ที่สร้างในศตวรรษที่ 16 พร้อมเก็บภาพทัศนียภาพที่สวยงามของหมู่บ้านและทุ่งนาโดยรอบ
  • อารามเซนองก์ (Sénanque Abbey) – อารามซิสเตอร์เชียนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี 1148 ยังคงความสงบและเรียบง่ายตามวิถีของนักบวช เป็นตัวอย่างที่งดงามของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ล้อมรอบด้วยทุ่งลาเวนเดอร์ที่นักบวชปลูกไว้ (บานสะพรั่งในเดือนกรกฎาคม) สร้างภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการมาเยือน

วันที่ 6: อาวีญง – ปงดูการ์ – เลโบโดโพรวองซ์ – แซงต์-เรมี-เดอ-โพรวองซ์

  • พระราชวังพระสันตะปาปา (Palais des Papes) – พระราชวังโกธิคอันยิ่งใหญ่ในเมืองอาวีญง (Avignon) ที่เคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อครั้งที่ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกย้ายจากกรุงโรมมายังอาวีญง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายในมีห้องโถงขนาดใหญ่และภาพเขียนฝาผนังที่งดงาม
  • สะพานปงดูการ์ (Pont du Gard) – สะพานส่งน้ำโรมันโบราณที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 สูงถึง 49 เมตร ยาว 275 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของระบบส่งน้ำที่ยาว 50 กิโลเมตรจากแหล่งน้ำไปยังเมืองนีมส์ (Nîmes) ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและเป็นมรดกโลกที่ทรงคุณค่า
  • เลโบโดโพรวองซ์ (Les Baux-de-Provence) – หมู่บ้านโบราณบนหน้าผาหินปูนในเทือกเขา Alpilles ที่มีซากปราสาทยุคกลาง ชมทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขาและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมถึง Carrières de Lumières ที่จัดแสดงศิลปะด้วยการฉายภาพบนผนังเหมืองหินปูนเก่า
  • แซงต์-เรมี-เดอ-โพรวองซ์ (Saint-Rémy-de-Provence) – เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ เป็นสถานที่พักรักษาตัวของศิลปินชื่อดัง วินเซนต์ แวนโก๊ะ ที่โรงพยาบาล Saint-Paul-de-Mausole เดินเล่นในตรอกซอกซอยที่มีร้านค้าและร้านอาหารน่ารัก ชมโบราณสถานโรมัน Glanum และบรรยากาศอันเงียบสงบที่ได้แรงบันดาลใจให้แวนโก๊ะสร้างผลงานมากมาย

วันที่ 7: คาสซิส – คาลังก์เดอปอร์ตมิโอ – มาร์เซย์

  • คาสซิส (Cassis) – เมืองชายทะเลเล็กๆ ที่สวยงาม ตั้งอยู่บนอ่าวที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน มีท่าเรือเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ล้อมรอบด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีสีสัน บรรยากาศผ่อนคลาย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจอุทยานแห่งชาติคาลังก์ (Calanques National Park)
  • คาลังก์เดอปอร์ตมิโอ (Calanque de Port Miou) – อ่าวแคบที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาหินปูนสูงชันและน้ำทะเลสีเขียวมรกตใสสะอาด เป็นหนึ่งในคาลังก์ (Calanques) อันโด่งดังระหว่างมาร์เซย์และคาสซิส เหมาะสำหรับเดินป่า ปีนเขา หรือล่องเรือเพื่อชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะโดยทะเล
  • มาร์เซย์ (Marseille) – เมืองท่าเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสและเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เป็นศูนย์กลางการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เยี่ยมชมท่าเรือเก่า (Vieux Port) ที่คึกคัก ชมย่านเล ปานิเยร์ (Le Panier) ย่านเมืองเก่าที่มีตรอกซอกซอยแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส
  • มหาวิหารโนเทรอะดาม เดอ ลาการ์ด (Notre-Dame de la Garde) – สัญลักษณ์สำคัญของเมืองมาร์เซย์ ตั้งตระหง่านบนเนินเขาที่สูงที่สุดของเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์และโรมาเนสก์ที่ผสมผสานกัน มีรูปปั้นพระแม่มารีทองคำประดับอยู่บนยอดหอระฆัง ชมทัศนียภาพพาโนรามาของเมืองมาร์เซย์และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ 360 องศา

วันที่ 8: ตลาดเช้าโพรวองซาล – เดินทางกลับ

  • ตลาดเช้าโพรวองซาล (Marché Provençale) – สัมผัสชีวิตชีวาและสีสันของตลาดท้องถิ่นในยามเช้า ที่เต็มไปด้วยผักผลไม้สดจากสวน ชีส น้ำผึ้ง น้ำมันมะกอก สมุนไพร และสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ชิมอาหารท้องถิ่นและซื้อของที่ระลึกจากโพรวองซ์กลับบ้าน เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมการกินอยู่ของชาวฝรั่งเศสใต้
  • เดินทางสู่สนามบินมาร์เซย์ (Marseille Provence Airport) – เตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการเดินทางในดินแดนแห่งแสงแดด กลิ่นลาเวนเดอร์ และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุขของชาวโพรวองซ์

วันที่ 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

  • เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำและประสบการณ์อันแสนพิเศษจากการเดินทางในดินแดนแห่งความงดงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หลากหลายของฝรั่งเศสตอนใต้และโมนาโก
Categories
07-Jul 08-Aug China FullBoard Tour

ทัวร์เขาไกลลาส จุดหมายแห่งศรัทธา ตามรอยพุทธศาสน์สู่หลังคาโลก (ไม่มีเทรค)

ทัวร์เขาไกลลาส
จุดหมายแห่งศรัทธา ตามรอยพุทธศาสน์สู่หลังคาโลก (ไม่มีเทรค)
สรุปไฮไลท์

☀️วังโปตาลา: สัญลักษณ์แห่งปัญญาและความเมตตา: ศูนย์รวมแห่งจิตวิญญาณที่สืบทอดมายาวนาน สัมผัสพลังแห่งความศรัทธาและปัญญาที่สถิตอยู่

☀️เสียงแห่งธรรมะที่วัดเซรา: การโต้วาทีธรรมะอันเข้มข้นของพระสงฆ์ ณ วัดเซรา กระบวนการขัดเกลาจิตใจ และเปิดรับความเข้าใจในหลักธรรมอันลึกซึ้ง

☀️ทะเลสาบ Yamdrok Yumtso: กระจกสะท้อนแห่งความบริสุทธิ์: ทะเลสาบสีเทอร์ควอยส์อันศักดิ์สิทธิ์ โอบล้อมด้วยขุนเขา เปรียบดั่งกระจกใสที่สะท้อนความบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติ

☀️Korala Glacier: พลังแห่งความไม่เที่ยงแท้: ความยิ่งใหญ่ของธารน้ำแข็ง Korala ที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เตือนใจถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง และความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

☀️Everest Base Camp: การเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ภายใน: เผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นภายในจิตใจ ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาหิมาลัย

☀️วัด Rongpu: ที่พักพิงแห่งจิตวิญญาณใต้เงาเอเวอเรสต์: วัดที่สูงที่สุดในโลก Rongpu เป็นดั่งโอเอซิสแห่งความสงบ ให้ผู้มาเยือนได้พักพิงจิตใจและดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของเอเวอเรสต์

☀️ทะเลสาบ Mansarovar: การชำระล้างแห่งจิตวิญญาณ: ดื่มด่ำในความศักดิ์สิทธิ์ของทะเลสาบ เชื่อกันว่าเป็นแหล่งน้ำที่ชำระล้างบาปและนำมาซึ่งความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ

☀️ยอดเขา Kailash: ศูนย์กลางแห่งจักรวาล: ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์และเชื่อมโยงกับความเชื่อที่สืบทอดมาแต่โบราณ

☀️ซากโบราณเมืองกู่เก๋อ: ร่องรอยแห่งความไม่ยึดมั่น: เดินทางย้อนเวลาสู่ซากเมืองโบราณกู่เก๋อ สัมผัสถึงความรุ่งเรืองและความเสื่อมสลาย

☀️วิถีชีวิตและธรรมชาติ: ความเป็นหนึ่งเดียวแห่งสรรพชีวิต: เรียนรู้จากวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวทิเบตที่ผสานกลมกลืนกับธรรมชาติ ตระหนักถึงความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพชีวิตบนโลกใบนี้

 

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • สอบถามทีมงาน
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ Full service ออกกรุ๊ปเมื่อครบ 10 ท่าน
✅️ รวมอาหารทุกมื้อ
✅️ มีหัวหน้าทัวร์คนไทย
✅️ เดินทางด้วย Minibus
✅️ ที่พักแบบ 4-5 ดาว
✅️ ไม่ลงร้านรัฐบาล

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
ไม่รวมทิป

Place

โปรแกรมทริป ทิเบต เขาไกรลาส

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – คุนหมิง – ลาซา

  • เดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เมืองคุนหมิง โดยสายการบิน China Eastern Airlines
  • ต่อเครื่องจากคุนหมิงสู่ลาซา
  • เดินทางถึงโรงแรมที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อปรับตัวกับระดับความสูง

วันที่ 2: ลาซา – พระราชวังโปตาลา – วัดเซรา – ถนนบาร์คอร์

  • รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
  • เยี่ยมชม พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) อดีตที่ประทับของดาไลลามะ สัญลักษณ์แห่งทิเบต โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่และวิวมุมสูงของเมืองลาซา
  • รับประทานอาหารกลางวัน
  • ชม วัดเซรา (Sera Monastery) หนึ่งในวัดพุทธทิเบตที่สำคัญที่สุด ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาตาติปู ชมการโต้วาทีธรรมอันเลื่องชื่อของพระทิเบต
  • เดินเที่ยวชม ถนนบาร์คอร์ (Barkhor Street) ย่านตลาดเก่าใจกลางลาซา เต็มไปด้วยร้านค้า ของที่ระลึก และเป็นเส้นทางแสวงบุญของชาวทิเบต
  • รับประทานอาหารเย็นและพักผ่อนที่โรงแรม

วันที่ 3: ลาซา – ทะเลสาบยัมดร็อกยุมตโซ – ธารน้ำแข็งโคราลา – เมืองเกียนเซ่

  • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์จากโรงแรม
  • เดินทางสู่ ทะเลสาบยัมดร็อกยุมตโซ (Yamdrok Yumtso) หนึ่งในสามทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของทิเบต เพลิดเพลินกับทัศนียภาพน้ำสีฟ้าสดใสท่ามกลางภูเขาสูง
  • รับประทานอาหารกลางวัน
  • ชม ธารน้ำแข็งโคราลา (Korala Glacier) ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากเทือกเขาหิมาลัย
  • เดินทางสู่ เมืองเกียนเซ่ (Gyantse) เมืองเก่าแก่ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของทิเบตไว้อย่างสมบูรณ์
  • เข้าพักโรงแรมและรับประทานอาหารเย็น

วันที่ 4: เกียนเซ่ – วัดตาซิลุนโป – แคมป์พื้นฐานเอเวอเรสต์ – วัดรงบุก

  • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์จากโรงแรม
  • เยี่ยมชม วัดตาซิลุนโป (Tashilunpo Monastery) วัดสำคัญของทิเบต ที่ประทับของแพนเชนลามะ ชมพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่
  • รับประทานอาหารกลางวัน
  • เดินทางสู่ เอเวอเรสต์เบสแคมป์ ชมวิวยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก
  • เข้าชม วัดรงบุก (Rongbuk Monastery) วัดพุทธที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใกล้แคมป์พื้นฐานเอเวอเรสต์
  • เข้าพักที่โรงแรมหรือที่พักใกล้แคมป์พื้นฐานเอเวอเรสต์และรับประทานอาหารเย็น

วันที่ 5: แคมป์พื้นฐานเอเวอเรสต์ – ทะเลสาบไป๋คูกั่ว – เมืองซากา

  • ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เอเวอเรสต์ (ถ้าสภาพอากาศเอื้ออำนวย)
  • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์
  • เดินทางสู่ ทะเลสาบไป๋คูกั่ว (Peikucuo) ทะเลสาบธรรมชาติที่เงียบสงบ รายล้อมด้วยภูเขา มีความศักดิ์สิทธิ์ในความเชื่อของชาวทิเบต
  • รับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิก
  • เดินทางต่อไปยัง เมืองซากา (Saga) เมืองเล็กๆ ที่เป็นจุดแวะพักสำคัญของนักเดินทางสู่ภูมิภาคทิเบตตะวันตก
  • เข้าพักที่โรงแรมและรับประทานอาหารเย็น

วันที่ 6: ซากา – ทะเลสาบมานาสโรวาร์ – ทะเลสาบรักษสทาล – อำเภอผู่หลาน – วัดโกกา

  • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์
  • เดินทางสู่ ทะเลสาบมานาสโรวาร์ (Mansarovar) ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูและพุทธ
  • รับประทานอาหารกลางวัน
  • ชม ทะเลสาบรักษสทาล (Rakshastal) ทะเลสาบที่มีทัศนียภาพสวยงาม มีความเชื่อว่าเป็นทะเลสาบแห่งความมืด
  • เดินทางสู่ อำเภอผู่หลาน (Burang) เมืองชายแดนของทิเบต ใกล้เนปาลและอินเดีย
  • เยี่ยมชม วัดโกกา (Koga Monastery) วัดเก่าแก่ในเส้นทางแสวงบุญ
  • เข้าพักที่โรงแรมและรับประทานอาหารเย็น

วันที่ 7: ผู่หลาน – ยอดเขาไคลาส – วัดโถหลิง – อุทยานธรณี – อำเภอจาต๋า

  • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์
  • เดินทางไปชมวิว ยอดเขาไคลาส (Mount Kailash) ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ในทิเบต เชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเทพเจ้า
  • รับประทานอาหารกลางวัน
  • เยี่ยมชม วัดทอลิง (Tholing Monastery) วัดโบราณใกล้ชายแดนทิเบต
  • ชม อุทยานธรณี (Geological Park) ที่มีความงดงามทางธรรมชาติและเชื่อมโยงกับความเชื่อทางศาสนา
  • เดินทางสู่ อำเภอจาต๋า (Zanda) หมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลของทิเบต
  • เข้าพักที่โรงแรมและรับประทานอาหารเย็น

วันที่ 8: จาต๋า – ซากโบราณเมืองกู่เก๋อ – ตำบลซือฉวนเหอ – เขตอาลี

  • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์
  • เยี่ยมชม ซากโบราณเมืองกู่เก๋อ (Guge Kingdom Ruins) ซากเมืองโบราณในทิเบตที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
  • รับประทานอาหารกลางวัน
  • เดินทางสู่ ตำบลซือฉวนเหอ (Sichuan River Township) หมู่บ้านที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ
  • สำรวจ เขตอาลี (Ali Prefecture) พื้นที่ที่มีทิวทัศน์ธรรมชาติหลากหลายและมีความสำคัญทางวัฒนธรรม
  • เข้าพักที่โรงแรมและรับประทานอาหารเย็น

วันที่ 9: ซื่อฉวนเหอ – ลาซา

  • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์
  • เดินทางสู่สนามบิน
  • เดินทางจากซือฉวนเหอกลับสู่เมืองลาซา
  • อิสระพักผ่อนเดินเล่นตามอัธยาศัย

วันที่ 10: ลาซา – กรุงเทพฯ

  • เตรียมเก็บสัมภาระ เดินทางไปยังสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ
  • เดินทางจากลาซาสู่คุนหมิง
  • เดินทางจากคุนหมิงกลับสู่กรุงเทพฯ
Categories
07-Jul 08-Aug 09-Sep Africa

ทัวร์มาดากัสการ์ ดินแดนดึกดำบรรพ์ เบาบับ และ เลมูร์

ทัวร์มาดากัสก้า
ดินแดนดึกดำบรรพ์ เบาบับ และ เลมูร์
สรุปไฮไลท์

☀️พระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่ Avenue of the Baobabs
ชมต้นเบาบับยักษ์อายุ 800 ปี สูง 30 เมตร เรียงราย ท่ามกลางแสงทองยามเช้าและเย็น สัญลักษณ์อันโดดเด่นของมาดากัสการ์

☀️ผจญภัยใน Great Tsingy
เดินบนสะพานแขวนและบันไดท่ามกลางป่าหินปูนแหลมคมที่ธรรมชาติสร้างขึ้นนับล้านปี มรดกโลกที่ไม่เหมือนที่ใด

☀️ล่องเรือแม่น้ำมานัมโบโล
สัมผัสวิถีชาวประมงท้องถิ่น ชมสัตว์หายาก จระเข้ไนล์ และนกประจำถิ่น บนเรือไม้แบบดั้งเดิม

☀️พบลิงเลมูร์ในถิ่นกำเนิด
ดูสัตว์หายากเฉพาะถิ่นที่มีเพียงในมาดากัสการ์ โดยเฉพาะลิงเลมูร์หลากสายพันธุ์ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ

☀️สำรวจถ้ำโบราณ
ชมภาพเขียนอายุหลายพันปีในถ้ำที่เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์

☀️เดินทางผ่านภูมิประเทศหลากหลาย
สัมผัสเส้นทางผจญภัยข้ามแม่น้ำ ป่าเขตร้อน ทุ่งหญ้าสะวันนา และภูเขา ในการเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง

☀️พบชนเผ่าซาคาลาวา
เรียนรู้วิถีชีวิตชนพื้นเมืองที่ยังรักษาประเพณีดั้งเดิมมานับพันปี

☀️อาหารท้องถิ่นเอกลักษณ์
ลิ้มรสอาหารผสมผสานวัฒนธรรมแอฟริกา เอเชีย และยุโรป เช่น “โรวาซา” และ “ลาสารี”

☀️พระราชวัง Rova
เยี่ยมชมพระราชวังบนยอดเขาที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของราชวงศ์เมรินา พร้อมวิวเมืองหลวงแบบพาโนรามา

☀️ช้อปปิ้งงานฝีมือที่ตลาด Analakely
เลือกซื้องานแกะสลักไม้ ผ้าไหมทอมือ และเครื่องเงินลวดลายโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวมาลากาซี

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • สอบถามทีมงาน 
  • วันเดินทาง  
    • 1 – 10 พย. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น

Place

โปรแกรมทริปมาดากัสก้า

วันที่ 1 – เริ่มต้นการผจญภัย

  • 21:00 น. – พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมตัวสู่ดินแดนที่แปลกตาที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • เที่ยวบิน: ET629 เวลา 01:50-06:30 น. (แวะเปลี่ยนเครื่องที่แอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย)
  •  ต่อเที่ยวบิน ET853 เวลา 08:50-13:40 น. สู่อันตานานาริโว ประตูสู่โลกที่ถูกแยกจากแผ่นดินใหญ่มากว่า 88 ล้านปี

วันที่ 2 – สัมผัสแรกกับดินแดนลึกลับ

  • เดินทางถึงอันตานานาริโว เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 1,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
  • เช็คอินที่โรงแรม พักผ่อนหลังการเดินทางไกล สัมผัสบรรยากาศเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมแอฟริกา เอเชีย และยุโรปอย่างลงตัว

วันที่ 3 – สู่ดินแดนต้นเบาบับอันน่าทึ่ง

  • บินภายในประเทศ จากอันตานานาริโวสู่มอรอนดาวา เมืองประตูสู่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
  • ชม Avenue of the Baobabs – ถนนสายมหัศจรรย์ที่มีต้นเบาบับยักษ์อายุกว่า 800 ปี สูงถึง 30 เมตร เรียงรายราวกับยามรักษาการณ์ดึกดำบรรพ์ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต

วันที่ 4 – เส้นทางสู่มรดกโลกอันซ่อนเร้น

  • ตื่นเช้าตรู่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Avenue of the Baobabs สัมผัสแสงทองแรกของวันที่ทาบทาลงบนเงาต้นเบาบับอันเป็นภาพที่น่าจดจำไปชั่วชีวิต
  • เดินทางสู่เบโกปากา (Bekopaka) ด้วยการนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อลุยข้ามแม่น้ำถึง 2 สาย ผ่านภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • ผ่านป่าเขตร้อนชื้น ทุ่งหญ้าสะวันนา และหมู่บ้านชนเผ่าซาคาลาวา ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมมานับพันปี

วันที่ 5 – สำรวจโลกหินปูนและแม่น้ำสายประวัติศาสตร์

  • สำรวจ Small Tsingy ป่าหินปูนประหลาดที่ธรรมชาติใช้เวลานับล้านปีสร้างสรรค์ผ่านการกัดเซาะของลมและฝน
  • ล่องเรือไม้แบบดั้งเดิมในแม่น้ำมานัมโบโล ชมนกและสัตว์หายากที่อาศัยริมฝั่ง พร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมงท้องถิ่น
  • สำรวจถ้ำโบราณ ที่เคยเป็นที่พำนักของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ชมภาพเขียนอายุนับพันปีที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนที่อาศัยในพื้นที่นี้ก่อนที่จะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร

วันที่ 6 – มรดกโลก Tsingy อันยิ่งใหญ่

  • ชม Great Tsingy หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่หาที่เปรียบไม่ได้ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO
  • ผจญภัยกับเส้นทางเดินเท้าที่ท้าทายผ่านสะพานแขวน บันไดเหล็ก และช่องแคบระหว่างแท่งหินคมกริบสูงตระหง่าน
  • สัมผัสระบบนิเวศอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีพืชและสัตว์เฉพาะถิ่นที่ปรับตัวให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมสุดโหด พบกับลิงเลมูร์ กิ้งก่าแคมีเลียน และพืชหายากที่เติบโตท่ามกลางซอกหินอันแห้งแล้ง

วันที่ 7 – เดินทางกลับผ่านทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่

  • เดินทางกลับสู่มอรอนดาวาด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ตื่นตากับ
  • ทัศนียภาพอันงดงามของทุ่งหญ้าสะวันนา
  • ชมสัตว์พื้นเมืองหายากในระหว่างทาง เช่น นกกระเรียนมงกุฎเทา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กอย่างเทนเร็ค

วันที่ 8 – สำรวจเมืองหลวงและประวัติศาสตร์

  • บินกลับอันตานานาริโว เมืองที่มีความหมายว่า “เมืองแห่งพันภูเขา”
  • เที่ยวชมเมืองหลวงที่แบ่งเป็นสามระดับความสูง
  • Lower Town – แหล่งการค้าและตลาดพื้นเมืองที่คึกคัก สัมผัสชีวิตประจำวันของชาวมาลากาซี
  • Mid Town – ย่านธุรกิจและศูนย์ราชการที่ได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมจากยุคอาณานิคมฝรั่งเศส
  • Upper Town – พระราชวังเก่าและจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองในมุมสูง
  • เยี่ยมชมพระราชวัง Rova อดีตที่ประทับของราชวงศ์เมรินา ก่อนถูกไฟไหม้และบูรณะใหม่ สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวมาดากัสการ์

วันที่ 9 – สัมผัสวัฒนธรรมและงานศิลปะท้องถิ่น

  • อิสระเดินเล่นและช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง เลือกซื้องานฝีมือแกะสลักไม้อันประณีต เครื่องเงินลวดลายโบราณ และผ้าไหมมาดากัสการ์ที่ทอมือ
  • เยี่ยมชมตลาด Analakely ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
  • เดินทางสู่สนามบินนานาชาติอิวาโต พร้อมความทรงจำอันแสนพิเศษจากดินแดนที่เป็นเหมือนโลกอีกใบ

วันที่ 10 – กลับสู่บ้านพร้อมความประทับใจ

  • 15:00 น. – ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพความทรงจำและเรื่องราวมากมายจากดินแดนที่แปลกตาที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Categories
07-Jul 09-Sep 2024 FullBoard Mid Asia

kyrgyzstan

Kyrgistan
เสน่ห์คีร์กีซสถาน ดินแดนเทพนิยายแห่งเอเชียกลาง
สรุปไฮไลท์

☀️ทะเลสาบซองคอล (Song Kol Lake) – ทะเลสาบน้ำจืดอัลไพน์ที่ความสูง 3,016 เมตร พร้อมประสบการณ์พักในกระโจมยูร์ตแบบดั้งเดิม และชมท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านในยามค่ำคืน

☀️หุบเขาสกาซกา (Skazka Canyon) – “หุบเขาเทพนิยาย” ที่มีหินทรายสีแดงและส้มกัดเซาะเป็นรูปทรงแปลกตาคล้ายปราสาท ปีศาจ และสัตว์ต่างๆ เหมือนดินแดนในนิทาน

☀️ทะเลสาบอิสิกกุล (Issyk-Kul Lake) – ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ไม่เคยเยือกแข็งแม้ในฤดูหนาว วิวทะเลสาบสีฟ้าตัดกับเทือกเขาหิมะขาวโพลน

☀️ช่องเขาทูอาชูว์ (Too Ashuu Pass) – เส้นทางข้ามเทือกเขาเทียนซานที่สูงกว่า 3,200 เมตร เปิดวิวพาโนรามาที่น่าทึ่งของภูมิประเทศอันงดงาม

☀️หุบเขาเจตี-โอกุซ (Jeti Oguz Gorge) – “หุบเขาวัวเจ็ดตัว” ที่มีโขดหินทรายสีแดงเรียงกัน 7 แท่ง พร้อมตำนานความรักอันเศร้าสลดและทุ่งดอกไม้ป่าที่สวยงาม

☀️การสาธิตการล่าด้วยนกอินทรี (Eagle Hunting) – ชมศิลปะการล่าสัตว์โบราณของชาวคีร์กีซด้วยนกอินทรีที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่โบคอนบาเยโว

☀️สุเหร่าดังแกน (Dungan Mosque) – สุเหร่าเอกลักษณ์ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมจีนกับอิสลาม สร้างโดยไม่ใช้ตะปู โดดเด่นด้วยหลังคาโค้งสีสันสดใสและการตกแต่งแบบจีน

☀️หอคอยบูราน่า (Burana Tower) – หอมินาเรตโบราณบนเส้นทางสายไหม พร้อมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จัดแสดงรูปสลักหินบาลบัลโบราณของชาวเติร์ก

☀️ประสบการณ์พักในหมู่บ้านกีซีลออย (Kyzyl Oi) – สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวคีร์กีซในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวในหุบเขาแคบ พร้อมลิ้มรสอาหารพื้นเมืองแท้ๆ

☀️มหาวิหารเซนต์ตรีนิตี้ (Holy Trinity Cathedral) – โบสถ์ออร์โธดอกซ์รัสเซียที่สร้างจากไม้ทั้งหลังโดยไม่ใช้ตะปู โดดเด่นด้วยโดมหัวหอมสีเขียวและสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียที่งดงาม

 

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ Full Service
✅️ เราทำวีซ่าให้ ไม่ต้องวุ่นวาย
✅️ อาหารทุกมื้อ
✅️ มีหัวหน้าทัวร์คนไทย ถ่ายรูปให้
✅️ โรงแรม 4 ดาว ในเมือง นอกเมืองเป็นโรงแรมระดับท้องถิ่น เน้นสะอาด ปลอดภัย

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
ไม่รวมทิป

Place

โปรแกรมทริป คีร์กีซสถาน

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – บิชเคก – สัมผัสใจกลางเมือง

  • บิชเคก (Bishkek): เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวาของคีร์กีซสถาน ล้อมรอบด้วยเทือกเขาอลาทอที่สวยงาม เป็นประตูสู่การผจญภัยในดินแดนเอเชียกลาง

  • จัตุรัสโปเบดา (Pobeda Square): จัตุรัสแห่งชัยชนะที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สอง มีอนุสาวรีย์และแท่งหินหลักอันโดดเด่น

  • สวนสาธารณะดูโบวี (Dubovi Park): สวนสาธารณะเก่าแก่กลางเมืองที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ เป็นที่พักผ่อนยอดนิยมของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

  • จัตุรัสอลาทูว์ (Ala Too Square): จัตุรัสหลักใจกลางเมืองที่เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและการเมือง มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และรูปปั้นมาเนสผู้เป็นวีรบุรุษแห่งชาติ

วันที่ 2: ข้ามเขา Too Ashuu สู่หมู่บ้าน Kyzyl Oi

  • ช่องเขาทูอาชูว์ (Too Ashuu Pass): เส้นทางข้ามเทือกเขาเทียนซานที่สูงกว่า 3,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เปิดวิวพาโนรามาที่น่าทึ่งของเทือกเขาและหุบเขาเขียวขจี ผ่านอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในเอเชียกลาง

  • หมู่บ้านกีซีลออย (Kyzyl Oi): หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแคบริมแม่น้ำโคเคเมเรน บ้านเรือนหลังคาสีแดงตัดกับภูเขาสีเขียว สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวคีร์กีซและลิ้มรสอาหารพื้นเมืองแท้ๆ

วันที่ 3: มนต์เสน่ห์แห่งทะเลสาบ Song Kol

  • ทะเลสาบซองคอล (Song Kol Lake): ทะเลสาบน้ำจืดอัลไพน์ที่ความสูง 3,016 เมตร ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่และเทือกเขาสูง เป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์ในฤดูร้อนของชาวคีร์กีซ พักในกระโจมยูร์ตแบบดั้งเดิม สัมผัสดวงดาวนับล้านบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปราศจากมลพิษทางแสง

วันที่ 4: เสน่ห์เมือง Naryn และการพักผ่อนตามอัธยาศัย

  • เมืองนารีน (Naryn): เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนารีนในหุบเขาลึก เป็นศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดนารีน อากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน ชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบของผู้คนท้องถิ่น

  • อิสระช่วงเช้า: พักผ่อนหรือเดินเล่นสำรวจพื้นที่โดยรอบที่พัก ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของภูมิภาคเทียนซาน

วันที่ 5: วิถีชีวิตท้องถิ่น Bokonbayevo

  • โบคอนบาเยโว (Bokonbayevo): เมืองเล็กๆ ริมฝั่งใต้ของทะเลสาบอิสิกกุล เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของชาวคีร์กีซเผ่าบุคุ ชมการสาธิตการล่าด้วยนกอินทรีแบบดั้งเดิม (Eagle Hunting) ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการอนุรักษ์

  • หมู่บ้านโบคอนบาเยโว: เยี่ยมชมบ้านของช่างฝีมือท้องถิ่น เรียนรู้การทอพรม การทำผลิตภัณฑ์จากสักหลาด และงานหัตถกรรมอื่นๆ แบบดั้งเดิม พร้อมชิมขนมและชาพื้นเมือง

วันที่ 6: มหัศจรรย์แห่ง Skazka Canyon และ Jeti Oguz Gorge สู่ Karakol

  • หุบเขาสกาซกา (Skazka Canyon): หรือที่รู้จักในชื่อ “หุบเขาเทพนิยาย” หุบเขาหินทรายสีแดงและส้มที่ถูกกัดเซาะจนมีรูปทรงแปลกตาคล้ายปราสาทในนิทาน ปีศาจ และสัตว์ต่างๆ ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติริมทะเลสาบอิสิกกุล

  • หุบเขาเจตี-โอกุซ (Jeti Oguz Gorge): หรือ “หุบเขาวัวเจ็ดตัว” ชมโขดหินทรายสีแดงขนาดใหญ่เรียงกัน 7 แท่ง คล้ายวัวนอน มีตำนานความรักอันเศร้าสลดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ เดินชมทุ่งดอกไม้ป่าและลำธารใสเย็น

  • เมืองคาราโคล (Karakol): เมืองสำคัญทางตะวันออกของคีร์กีซสถาน มีประวัติศาสตร์อันยาวนานจากการเป็นฐานทัพของรัสเซียในยุคล่าอาณานิคม ผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งคีร์กีซ รัสเซีย จีน และอุยกูร์

วันที่ 7: มรดกทางวัฒนธรรม Karakol และการเดินทางกลับ Bishkek

  • มหาวิหารเซนต์ตรีนิตี้ (Holy Trinity Cathedral): โบสถ์ออร์โธดอกซ์รัสเซียที่สร้างจากไม้ทั้งหลัง โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว สถาปัตยกรรมแบบรัสเซียที่โดดเด่นด้วยโดมหัวหอมสีเขียว สร้างในปี ค.ศ. 1895 โดยช่างฝีมือชาวรัสเซีย

  • สุเหร่าดังแกน (Dungan Mosque): สุเหร่าที่มีเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมจีนกับอิสลาม สร้างโดยช่างชาวจีนมุสลิม 20 คนในปี ค.ศ. 1910 โดยไม่ใช้ตะปูเช่นกัน หลังคาโค้งสีสันสดใสและการตกแต่งแบบจีนทำให้แตกต่างจากสุเหร่าทั่วไป

  • ทะเลสาบอิสิกกุล (Issyk-Kul Lake): เดินทางเลียบฝั่งเหนือของทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ที่ไม่เคยเยือกแข็งแม้ในฤดูหนาว (“อิสิกกุล” แปลว่า “ทะเลสาบอุ่น”) ชมวิวทะเลสาบสีฟ้าใสขนาบด้วยเทือกเขาหิมะขาวโพลน

  • หอคอยบูราน่า (Burana Tower): หอมินาเรตโบราณสูง 25 เมตร สร้างในศตวรรษที่ 11 เป็นส่วนหนึ่งของเมืองบาลาซากุนโบราณบนเส้นทางสายไหม ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จัดแสดงรูปสลักหินบาลบัล (Balbals) โบราณของชาวเติร์ก

วันที่ 8: อิสระช้อปปิ้งและเดินทางสู่สนามบิน

  • ตลาดอช (Osh Bazaar): ตลาดพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในบิชเคก เต็มไปด้วยสินค้านานาชนิด ทั้งอาหาร เครื่องเทศ ผลไม้แห้ง งานหัตถกรรม เครื่องเงิน หมวกคีร์กีซแบบดั้งเดิม (Kalpak) และพรมทอมือ

  • จัตุรัสอลาทูว์: แวะเยี่ยมชมจัตุรัสอีกครั้งเพื่อชมพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารที่อนุสรณ์สถานอิสรภาพ

  • เดินทางสู่สนามบิน: เตรียมตัวเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ด้วยความประทับใจ

วันที่ 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพความทรงจำอันแสนประทับใจจากดินแดนเทือกเขาเทียนซานและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของคีร์กีซสถาน

Categories
07-Jul 08-Aug 09-Sep 2024 FullBoard Nepal

Nepal : Madi himal

Nepal : Madi himal
สรุปทริป
☀️ เส้นทาง เนปาลเทรค มาดีหิมาล

☀️ 8 วัน 7 คืน

  • กาฐมาณฑุ
  • หมู่บ้านกานเด
  • เทรคสู่หมู่บ้าน Low Camp
  • เทรคสู่หมู่บ้าน High Camp
  • Mardi Base Camp
  • เทรคไปหมู่บ้านซิดิง
 
รายละเอียด
 
🗓️ เดินทาง 
💰 ค่าทริป
 
 
✅️ Full service ออกกรุ๊ปเมื่อครรบ 10 ท่าน
✅️ เราทำวีซ่าให้ ไม่ต้องแสดงตัว
✅️ รวมอาหารกลางวันและเย็น
✅️ มีหัวหน้าทัวร์คนไทย 
✅️ ที่พักแบบ Tea House  (ห้องน้ำรวม)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมทิป

 
 
 
การจอง / ติดต่อ
 
📱 มัดจำท่านละ         บาท ส่วนที่เหลือ 30 วันก่อนเดินทาง
📱 Line @painaima
📱 โทร 0894789334 คุณมิ้นท์/คุณลาน
 
โปรแกรมโดยย่อ

วันที่ 1 | สุวรรณภูมิ • กาฐมาณฑุ



วันที่ 2 |
กาฐมาณฑุ • โพครา • หมู่บ้านกานเด • เดวราลี



วันที่ 3 |
เทรคสู่หมู่บ้าน Low Camp (2,990 เมตร)



วันที่ 4 |
เทรคสู่หมู่บ้าน High Camp (3,580 เมตร)



วันที่ 5 |
 เช้าตรู่เดินไป Mardi Base Camp (4500 เมตร) • เทรคไปที่ Low Camp (2990 เมตร)



วันที่ 6 |
เดินเทรคไปหมู่บ้านซิดิง (1,850 เมตร) • เดินทางไปโพครา



วันที่ 7 |
บินภายในกลับกาฐมาณฑุ



วันที่ 8 |
กาฐมาณฑุ • สนามบินกลับกรุงเทพฯ

error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม