Categories
Europe Roadtrip

German Romance Christmas

เยอรมัน คริสต์มาสโรแมนซ์
สำหรับผู้หลงไหลในคริสต์มาส
สรุปไฮไลท์

☀️โคลมาร์ “Little Venice” – สัมผัสเสน่ห์ของ “เวนิสน้อย” ในฝรั่งเศส ด้วยคลองเล็กๆ ที่ตัดผ่านบ้านเรือนครึ่งไม้สีสันสดใสสไตล์อัลซาเชียน สร้างภาพที่งดงามราวกับภาพวาด

☀️มหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก – ตื่นตาตื่นใจกับมหาวิหารโกธิคที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพู โดดเด่นด้วยยอดแหลมสูง 142 เมตร และนาฬิกาดาราศาสตร์อายุกว่า 300 ปี

☀️ปราสาทไฮเดลเบิร์ก – ชมปราสาทหินทรายสีแดงที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองไฮเดลเบิร์ก พร้อมชมถังไวน์ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จุไวน์ได้ถึง 220,000 ลิตร

☀️Plönlein ในโรเธนบวร์ก – ถ่ายรูปกับมุมถนนที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโรเธนบวร์ก ที่มีบ้านครึ่งไม้สีเหลืองตั้งอยู่ตรงทางแยก ฉากหลังเป็นหอคอยประตูเมืองโบราณ ภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย

☀️ตลาดคริสต์มาสนูเรมเบิร์ก – สัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสในตลาดที่มีประวัติย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 พร้อมลิ้มลองขนม Lebkuchen และไส้กรอก Nuremberg Bratwurst อันเลื่องชื่อ (เฉพาะช่วงเทศกาล)

☀️Rakotzbrücke (สะพานปีศาจ) – ตื่นตากับสะพานโค้งหินที่เมื่อสะท้อนกับผิวน้ำจะเกิดเป็นวงกลมสมบูรณ์ สร้างภาพที่มีเสน่ห์ลึกลับตามชื่อ “สะพานปีศาจ”

☀️พระราชวังสวิงเกอร์ (Zwinger Palace) – สัมผัสความงดงามของพระราชวังบาโรกที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมบาโรกในเยอรมนี เพลิดเพลินกับสวนสวยและพิพิธภัณฑ์ศิลปะภายใน

☀️Green Vault (Grünes Gewölbe) – ชมพิพิธภัณฑ์เครื่องประดับและสมบัติล้ำค่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่รวบรวมงานฝีมือชั้นเลิศกว่า 4,000 ชิ้น จากทั่วยุโรป

☀️Brühl’s Terrace (ระเบียงบรือล์) – เดินเล่นบน “ระเบียงแห่งยุโรป” ริมแม่น้ำเอลเบในเดรสเดน ชมวิวอันงดงามของแม่น้ำและเมือง ที่เคยเป็นสวนสำหรับชนชั้นสูงในอดีต

☀️จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์และหอนาฬิกา Glockenspiel – สัมผัสหัวใจของเมืองมิวนิค ที่มีหอนาฬิกาวิเศษซึ่งมีตุ๊กตาเต้นรำทุกเที่ยงวัน พร้อมชมสถาปัตยกรรมอันงดงามโดยรอบจัตุรัส

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 99,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place
Place
Place
Place

โปรแกรมทริป German Romance Christmas

วันที่ 1: การเดินทางเริ่มต้น

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ: เจ้าหน้าที่ทัวร์รอต้อนรับและอำนวยความสะดวก เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประตูสู่ยุโรปกลางที่มีภูมิทัศน์สวยงามและเมืองที่มีเสน่ห์มากมาย

  • เหินฟ้าสู่สวิตเซอร์แลนด์: บินตรงสู่เมืองซูริค เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เวลาพักผ่อนบนเครื่องบิน เตรียมตัวสำหรับการเดินทางอันน่าตื่นเต้น

วันที่ 2: ซูริค-โคลมาร์-สตราสบูร์ก

  • ถึงเมืองซูริค: เดินทางถึงสนามบินซูริค ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

  • เดินทางสู่โคลมาร์ (Colmar): นำท่านข้ามพรมแดนสู่ประเทศฝรั่งเศส มุ่งหน้าสู่เมืองโคลมาร์ในแคว้นอัลซาส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)

  • โคลมาร์ “Little Venice”: เพลิดเพลินกับการเดินเล่นในเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “เวนิสน้อย” ด้วยคลองเล็กๆ ที่ตัดผ่านย่านเมืองเก่า บ้านเรือนครึ่งไม้ครึ่งปูนสีสันสดใสสไตล์อัลซาเชียนที่ตั้งเรียงรายริมน้ำ สร้างภาพที่งดงามราวกับภาพวาด โดยเฉพาะย่าน La Petite Venise ที่เรือพายแล่นผ่านคลองท่ามกลางบ้านเรือนแบบดั้งเดิม

  • สตราสบูร์ก (Strasbourg): เดินทางต่อไปยังเมืองสตราสบูร์ก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองหลวงของแคว้นอัลซาสที่มีเสน่ห์ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมฝรั่งเศสและเยอรมัน

  • มหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก (Strasbourg Cathedral): ชมมหาวิหารสไตล์โกธิคอันยิ่งใหญ่ที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพู โดดเด่นด้วยยอดแหลมสูง 142 เมตร หนึ่งในมหาวิหารที่สูงที่สุดในยุโรป ภายในประดับด้วยกระจกสีอายุหลายร้อยปีและนาฬิกาดาราศาสตร์ที่มีอายุกว่า 300 ปี

  • ย่าน La Petite France: เดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ที่สุดของสตราสบูร์ก อดีตย่านของช่างฝีมือและชาวประมง บ้านเรือนครึ่งไม้โบราณที่มีระเบียงดอกไม้สวยงาม

วันที่ 3: ไฮเดลเบิร์ก-โรเธนบวร์ก

  • ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg): เดินทางสู่เมืองไฮเดลเบิร์กในประเทศเยอรมนี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองมหาวิทยาลัยเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ที่มีเสน่ห์และโรแมนติก

  • ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle): ชมปราสาทหินทรายสีแดงที่ตั้งอยู่บนเนินเขา หนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมือง ชมถังไวน์ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จุไวน์ได้ถึง 220,000 ลิตร

  • โบสถ์ Church of the Holy Spirit: ชมโบสถ์สำคัญใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยน้ำพุและคาเฟ่ สร้างในศตวรรษที่ 15 ด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคที่งดงาม

  • สะพาน Old Bridge: ชมสะพานหินเก่าแก่ที่ทอดข้ามแม่น้ำเนคคาร์ จุดชมวิวที่สวยงามของปราสาทและแม่น้ำ

  • โรเธนบวร์ก ออบ เดอร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber): เดินทางต่อสู่เมืองโรเธนบวร์ก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมนีและยุโรป ที่ยังคงกำแพงเมืองโบราณอายุกว่า 700 ปีไว้อย่างสมบูรณ์

  • Market Square: เดินเล่นในจัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยอาคารสีสันสดใสและหอนาฬิกาศาลาว่าการเมือง

  • Plönlein: ถ่ายรูปกับมุมถนนที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ที่มีบ้านครึ่งไม้สีเหลืองตั้งอยู่ตรงทางแยก ฉากหลังเป็นหอคอยประตูเมืองโบราณ ภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย

วันที่ 4: นูเรมเบิร์ก

  • นูเรมเบิร์ก (Nuremberg): เดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองประวัติศาสตร์ในแคว้นบาวาเรีย ที่มีกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบ

  • ปราสาทนูเรมเบิร์ก (Nuremberg Castle): ชมปราสาทเก่าแก่บนเนินเขาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มองเห็นวิวพาโนรามาของเมืองเก่า ประกอบด้วยป้อมปราการและอาคารหลายส่วนที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคกลาง

  • ย่านเมืองเก่า: เดินเล่นในเขตเมืองเก่าที่ได้รับการบูรณะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชมบ้านเรือนครึ่งไม้แบบดั้งเดิม ร้านค้า และโบสถ์เก่าแก่

  • โบสถ์ St. Lorenz: ชมโบสถ์โกธิคขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งภายในอย่างวิจิตรงดงาม โดยเฉพาะไม้แกะสลักและกระจกสี

  • ตลาดคริสต์มาสนูเรมเบิร์ก (เฉพาะช่วงเทศกาล): สัมผัสบรรยากาศตลาดคริสต์มาสเก่าแก่ที่มีประวัติย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 หนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก พร้อมลิ้มลองขนมLebkuchen (ขนมขิงแบบนูเรมเบิร์ก) และไส้กรอก Nuremberg Bratwurst อันเลื่องชื่อ

วันที่ 5: เดรสเดน

  • เดรสเดน (Dresden): เดินทางสู่เมืองเดรสเดน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองหลวงของรัฐแซกโซนี่ ที่ได้รับฉายาว่า “ฟลอเรนซ์แห่งลุ่มแม่น้ำเอลเบ” ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมบาโรกและศิลปะสะสม

  • Dresden Elbe Valley: ชมทัศนียภาพอันงดงามของหุบเขาแม่น้ำเอลเบที่เคยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้วยภูมิทัศน์ที่ผสมผสานระหว่างเมืองประวัติศาสตร์ พระราชวัง สวน และทุ่งหญ้าริมฝั่งแม่น้ำ

  • โรงละครโอเปร่า Semperoper: ผ่านชมโรงละครโอเปร่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก สร้างในสไตล์เรอเนสซองส์ที่งดงาม เป็นที่จัดแสดงดนตรีคลาสสิกและโอเปร่าของศิลปินชั้นนำ

  • The Dresden Castle (Residenzschloss): ชมปราสาทเก่าแก่ที่เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งแซกโซนี่ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่า

  • ริมแม่น้ำเอลเบ: เดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำเอลเบที่มีวิวสวยงามของเมืองเก่าและสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ

วันที่ 6: เดรสเดนและสถานที่ใกล้เคียง

  • Green Vault (Grünes Gewölbe): ชมพิพิธภัณฑ์เครื่องประดับและสมบัติล้ำค่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ภายในปราสาทเดรสเดน เป็นที่เก็บสะสมของล้ำค่ากว่า 4,000 ชิ้น รวมถึงอัญมณี ทองคำ และงานฝีมือชั้นเลิศจากยุคต่างๆ

  • พระราชวังสวิงเกอร์ (Zwinger Palace): ชมพระราชวังบาโรกที่งดงาม สร้างในศตวรรษที่ 18 เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมบาโรกในเยอรมนี ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สำคัญหลายแห่ง

  • Rakotzbrücke (Devil’s Bridge): เยี่ยมชมสะพานโค้งหินที่มีชื่อเสียง อยู่ในสวน Kromlauer Park ห่างจากเดรสเดนประมาณ 2 ชั่วโมง สะพานนี้มีความพิเศษคือเมื่อสะท้อนกับผิวน้ำจะเกิดเป็นวงกลมสมบูรณ์ จึงได้ชื่อว่า “สะพานปีศาจ” ตามตำนานโบราณ

  • โบสถ์ Frauenkirche: ชมโบสถ์สัญลักษณ์แห่งเมืองเดรสเดนที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่หลังถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดดเด่นด้วยโดมใหญ่และหินทรายสีอ่อน เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูและความหวัง

  • Brühl’s Terrace (ระเบียงบรือล์): เดินเล่นบนระเบียงริมแม่น้ำเอลเบที่ได้รับฉายาว่า “ระเบียงแห่งยุโรป” ด้วยวิวอันงดงามของแม่น้ำและเมือง เคยเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองโบราณ ก่อนถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับชนชั้นสูง ปัจจุบันเป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว

วันที่ 7: มิวนิค

  • เดินทางสู่มิวนิค (Munich): ออกเดินทางจากเดรสเดนสู่มิวนิค (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง) เมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย เมืองที่ผสมผสานความทันสมัยและประเพณีดั้งเดิมได้อย่างลงตัว

  • จตุรัสมาเรียนพลัทซ์ (Marienplatz): ชมหัวใจของเมืองมิวนิคที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ชมหอนาฬิกา Glockenspiel ที่มีตุ๊กตาเต้นรำทุกเที่ยงวัน โดยรอบจัตุรัสมีอาคารสำคัญมากมาย เช่น ศาลาว่าการเมืองเก่าและใหม่

  • โบสถ์ Frauenkirche (มหาวิหารพระแม่มารี): ชมมหาวิหารสัญลักษณ์ของมิวนิคที่มียอดโดมรูปหัวหอมคู่ สูง 99 เมตร เป็นสถาปัตยกรรมโกธิคคลาสสิกของเยอรมนี

  • Viktualienmarkt: เยี่ยมชมตลาดอาหารกลางแจ้งที่มีประวัติกว่า 200 ปี ที่ชาวมิวนิคมาซื้อวัตถุดิบคุณภาพดี ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นและเบียร์บาวาเรียน

  • อิสระช้อปปิ้ง: เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งบนถนนสายสำคัญอย่าง Neuhauser Strasse และ Kaufingerstrasse ถนนคนเดินที่มีทั้งร้านแบรนด์ดังระดับโลกและร้านค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อของฝากและของที่ระลึก

Day 8: เดินทางกลับ

  • เช็คเอาท์จากโรงแรม: เก็บสัมภาระและเตรียมตัวเดินทางกลับ

  • เดินทางสู่สนามบินมิวนิค: เดินทางสู่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อเช็คอินและเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย

  • อำลายุโรป: เหินฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจ

Day 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ: เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันประทับใจจากการเดินทางในยุโรป

Categories
04-Apr 2024 Europe Roadtrip

ทัวร์กรีซกลุ่มเล็ก ซาคินทอส • นาวาจิโอ • ซานโตรินี่

ทัวร์กรีซ
ซาคินทอส • นาวาจิโอ • ซานโตรินี่
สรุปไฮไลท์

☀️อารามเมเทโอรา – อารามออร์โธดอกซ์ลอยฟ้าบนยอดเขาที่เป็นมรดกโลก

☀️อะโครโพลิส (Acropolis) และ มหาวิหารพาเธนอน (Parthenon) – โบราณสถานสำคัญของกรีซโบราณ

☀️เกาะซานโตรินี – เกาะภูเขาไฟที่มีบ้านเรือนสีขาวและหลังคาโดมสีฟ้า

☀️หมู่บ้าน Oia – จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

☀️เกาะ Mykonos และ Little Venice – เกาะที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามและย่านเมืองเก่าริมทะเลที่มีเอกลักษณ์ของ Mykonos

☀️หาด Navagio – หาดทรายขาวที่มีซากเรืออับปางเป็นจุดเด่น ที่เกาะ Zakynthos

☀️เมือง Lefkada – เมืองชายหาดที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานลอยน้ำ

☀️กังหันลม Mykonos – สัญลักษณ์ของเกาะที่ใช้โม่แป้งและบีบน้ำมันมะกอกในอดีต

☀️ถ้ำสีฟ้า (Blue Caves) – ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ซาคินธอส

☀️บ้านเรือนสไตล์ Cycladic – บ้านสีขาวสะอาดตาและหลังคาโดมสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่เกาะ Cyclades

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 129,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มเท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป กรีซ

วันที่ 1

  • ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่เมืองเอเธนส์ (Athens) ประเทศกรีซ

วันที่ 2 – คาลาบากา/เมทีโอร่า

  • ออกเดินทางแต่เช้าสู่คาลาบากา ระหว่างทางแวะชม ช่องแคบเทอร์โมพิลี สมรภูมิประวัติศาสตร์การรบของชาวสปาร์ตัน
  • เยี่ยมชม อาราม Great Meteoron อารามที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มเมทีโอร่า สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 อาราม Varlaam ที่มีพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณและภาพไอคอนทางศาสนาที่งดงาม อาราม Holy Trinity ที่โดดเด่นด้วยการปีนบันได 140 ขั้นและใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง James Bond
  • ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ จุดชมวิว Psaropetra มองเห็นภูเขาและอารามในมุมกว้าง

วันที่ 3 – เลฟคาดา

  • เยี่ยมชม หาด Porto Katsiki หนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในยุโรป ด้วยผาหินสูงตระหง่านและน้ำทะเลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์
  • สำรวจ หาด Egremni ชายหาดทรายขาวยาว 2.5 กม.
  • เยี่ยมชม Cape Lefkatas จุดชมวิวทะเลที่สูงชัน มีประภาคารเก่าแก่และตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการกระโดดของกวีซัปโฟเพื่อปลดปล่อยจากความรัก

วันที่ 4 – คีลีนี/โอลิมเปีย/ซาคินธอส

  • ล่องเรือชม ถ้ำสีฟ้า (Blue Caves) ที่ซาคินธอส ซึ่งน้ำทะเลสะท้อนแสงกระทบเพดานถ้ำเกิดเป็นสีฟ้าสวยงาม
  • เยี่ยมชม อ่าว Navagio (Shipwreck Beach) ที่มีซากเรือสินค้า Panagiotis ซึ่งมีตำนานว่าเคยลักลอบขนของหนีภาษี
  • ดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็นที่ หมู่บ้าน Bohali ที่ตั้งอยู่บนเนินเขามองเห็นวิวทั่วเมืองและท่าเรือ

วันที่ 5 – วันเดินทาง

  • เยี่ยมชม โบราณสถานโอลิมเปีย สถานที่กำเนิดกีฬาโอลิมปิก ชม Temple of Zeus และสนามกีฬาโบราณ
  • ชม พิพิธภัณฑ์โอลิมเปีย ที่จัดแสดงรูปปั้นโบราณและวัตถุโบราณที่ขุดพบในพื้นที่
  • เดินทากลับเอเธนส์
  • พักผ่อนเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปซานโตรินี่ในวันถัดไป
  • ที่พักในเอเธนส์

วันที่ 6 – ซานโตรินี่

  • นั่งเฟอรี่ไปยังเกาะ Santorini
  • เดินเล่นในเมือง ฟิร่า เมืองหลักของซานโตรินี่
  • เยี่ยมชมหมู่บ้าน Oia ที่มีชื่อเสียงด้านบ้านสีขาวหลังคาโดมสีฟ้า และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด
  • สำรวจ หาดทรายแดง (Red Beach) และ หาดทรายดำ (Perissa Beach) หาดทรายสีแดงที่เกิดจากหินภูเขาไฟ

วันที่ 7 – ฟิร่า/มิโคนอส

  • เยี่ยมชม โบราณสถาน Akrotiri เมืองโบราณที่ถูกฝังใต้เถ้าภูเขาไฟกว่า 3,600 ปี (คล้ายปอมเปอี)
  • เดินทางไป มิโคนอส ด้วยเรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง
  • เยี่ยมชม Little Venice แนวบ้านที่สร้างชิดริมทะเล ได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมจากอิตาลี
  • สัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนที่คึกคักในย่าน Matogianni Street ถนนช้อปปิ้งหลักของเกาะ

วันที่ 8 – มิโคนอส/เอเธนส์

  • เยี่ยมชม กังหันลมแห่งมิโคนอส (Kato Mili) สัญลักษณ์ของเกาะที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16
  • นมัสการ โบสถ์ Paraportiani โบสถ์สีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากการรวมกันของโบสถ์ 5 หลัง
  • แวะชม หาด Paradise หาดที่มีชื่อเสียงด้านงานปาร์ตี้และกิจกรรมทางน้ำ
  • เดินทางกลับ เอเธนส์ ด้วยเรือเฟอรี่

วันที่ 9 – เอเธนส์ (3 ไฮไลท์สำคัญ)

  • ชม อะโครโพลิสและวิหารพาร์เธนอน – มรดกโลกอันยิ่งใหญ่และเป็นสัญลักษณ์ของกรีซ
  • ย่านพลาก้า (Plaka) และจตุรัส ซินตักมา Syntagma  – ย่านเก่าแก่ที่สุดของเอเธนส์ ที่มีอาคารแบบนีโอคลาสสิคและบ้านเรือนโบราณ เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารท้องถิ่น และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับ
  • ช่วงค่ำ: เดินทางไปสนามบินเอเธนส์เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 10 – เดินทางกลับ

  • เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ
Categories
Europe Roadtrip

ออสเตรีย ฮอลสตัด คลุมลอฟ ปราก

ออสเตรีย ฮอลสตัด คลุมลอฟ ปราก
สรุปไฮไลท์

☀️ป้อมโฮเฮนซาลซ์บูร์ก – ป้อมปราการใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง ชมวิวพาโนรามา

☀️ฮัลล์สตัทท์ – หมู่บ้านมรดกโลกริมทะเลสาบสวยที่สุดในโลก

☀️เหมืองเกลือโบราณ – อายุกว่า 7,000 ปี พร้อมสไลเดอร์ไม้โบราณ

☀️เชสกี้ ครุมลอฟ – เมืองเทพนิยายริมโค้งแม่น้ำวัลตาวา

☀️ปราสาทปราก – ปราสาทใหญ่ที่สุดในโลก และมหาวิหาร St. Vitus

☀️สะพานชาร์ลส์ – สะพานหินโบราณอายุ 650 ปี สัญลักษณ์กรุงปราก

☀️นาฬิกาดาราศาสตร์ – นาฬิกาโบราณปี 1410 ที่ยังทำงานได้

☀️พระราชวังเชินบรุนน์ – พระราชวังฤดูร้อนอลังการ 1,441 ห้อง

☀️หมู่บ้านไวน์ Grinzing – ชิมไวน์ท้องถิ่นและอาหารพื้นเมือง

☀️Old Town Square – จัตุรัสเมืองเก่าปรากล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมงดงาม

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 109,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

prague
prague
prague

โปรแกรมทริป ออสเตรีย ฮอลสตัด คลุมลอฟ ปราก

วันที่ 1: สู่เวียนนา เมืองแห่งดนตรี

  • พบกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ: เจ้าหน้าที่ทัวร์คอยต้อนรับที่เคาน์เตอร์เช็คอิน เตรียมพร้อมสู่การผจญภัยในยุโรปกลางที่แสนโรแมนติก
  • เหินฟ้าสู่กรุงเวียนนา: บินตรงสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของออสเตรีย ดินแดนแห่งเสียงดนตรีคลาสสิกและสถาปัตยกรรมอันงดงามที่ผสมผสานระหว่างสไตล์บาโรกและอาร์ตนูโว ใช้เวลาพักผ่อนบนเครื่องบินเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันถัดไป

วันที่ 2: มนต์เสน่ห์ซาลซ์บูร์ก เมืองมรดกโลก

  • เดินทางสู่ซาลซ์บูร์ก: ถึงสนามบินเวียนนาในช่วงเช้า นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชสู่เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) บ้านเกิดของโมสาร์ท นักประพันธ์เพลงอัจฉริยะ และเมืองที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ The Sound of Music (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
  • ป้อม Hohensalzburg (โฮเฮนซาลซ์บูร์ก): นั่งกระเช้าขึ้นสู่ป้อมปราการโบราณที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลางที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ตั้งตระหง่านบนยอดเขา Festungsberg ชมวิวพาโนรามาของเมืองซาลซ์บูร์กและเทือกเขาแอลป์อันงดงาม
  • สวนมิราเบล (Mirabell Garden): เยี่ยมชมสวนสวยสไตล์บาโรกที่เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์ The Sound of Music ชมน้ำพุเพกาซัส บันไดหินอ่อนสีขาว และรูปปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่ดอกไม้บานสะพรั่ง
  • ริมแม่น้ำ Salzach: เดินเล่นบนสะพาน Makartsteg สะพานคนเดินที่เต็มไปด้วย “แม่กุญแจแห่งความรัก” ชมวิวเมืองเก่าและแม่น้ำ Salzach ที่ไหลผ่านกลางเมือง
  • ถนน Getreidegasse: ช้อปปิ้งที่ถนนสายประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์ด้วยป้ายเหล็กดัดสวยงามของร้านค้าต่างๆ ที่ยังคงรูปแบบดั้งเดิมตั้งแต่ยุคกลาง แวะชมบ้านเกิดของโมสาร์ท (Mozart’s Birthplace) บ้านสีเหลืองหมายเลข 9 ที่มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องดนตรีและข้าวของส่วนตัวของศิลปินเอก

วันที่ 3: ทะเลสาบงามและหมู่บ้านสุดโรแมนติก

  • ทะเลสาบ Mondsee: เดินทางสู่ทะเลสาบ Mondsee หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในเขต Salzkammergut ชมโบสถ์ St. Michael ที่ใช้ถ่ายทำฉากแต่งงานในภาพยนตร์ The Sound of Music ดื่มด่ำกับทัศนียภาพทะเลสาบสีฟ้าครามล้อมรอบด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน
  • Hallstatt: เดินทางต่อสู่ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกอายุกว่า 7,000 ปี ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ชมบ้านไม้หลากสีที่เรียงรายอยู่ริมทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง
  • จุดชมวิว Hallstatt: ขึ้นรถรางสู่จุดชมวิว Skywalk ที่ยื่นออกไปจากหน้าผา ให้ท่านได้เก็บภาพมุมสูงของหมู่บ้านและทะเลสาบแบบ 360 องศา ที่สวยราวกับภาพวาด
  • เหมืองเกลือ Hallstatt: เยี่ยมชมเหมืองเกลือเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 7,000 ปี ซึ่งทำให้หมู่บ้านนี้ร่ำรวยมาตั้งแต่ยุคกลาง ลงลิฟต์ไปในอุโมงค์ใต้ดินที่เย็นฉ่ำ นั่งรถไฟแบบคนงานเหมือง และสนุกกับการเล่นสไลเดอร์ไม้โบราณที่คนงานเหมืองใช้เดินทางระหว่างชั้นต่างๆ

วันที่ 4: ครุมลอฟ เมืองเทพนิยายริมน้ำ

  • เดินทางสู่เชสกี้ ครุมลอฟ: เดินทางข้ามพรมแดนสู่สาธารณรัฐเช็ก มุ่งหน้าสู่เมืองเชสกี้ ครุมลอฟ (Český Krumlov) เมืองมรดกโลกที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งโบฮีเมียใต้ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
  • เมืองเก่าครุมลอฟ: เดินชมเมืองเก่าที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ราวกับย้อนเวลากลับไปในยุคกลาง ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคและเรอเนสซองส์ที่มีสีสันสดใส ทั้งสีแดงอิฐ สีส้ม สีชมพูอ่อน และสีเหลืองครีม ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา
  • โค้งแม่น้ำวัลตาวา: ชมโค้งแม่น้ำวัลตาวาที่ไหลคดเคี้ยวโอบล้อมตัวเมืองเก่า สร้างภาพที่งดงามราวกับนิยาย พร้อมชมปราสาทครุมลอฟที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขา เป็นปราสาทใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากปราสาทปราก

วันที่ 5: วิวเมือง 360 องศา สู่ปรากเมืองหลวง

  • หอคอยครุมลอฟ: ขึ้นสู่จุดสูงสุดของหอคอยปราสาทครุมลอฟที่มีความสูง 54 เมตร ชมวิวเมืองและแม่น้ำแบบรอบทิศทาง 360 องศา ซึ่งจะเห็นหลังคาสีส้มอิฐของบ้านเรือนที่เรียงรายสวยงาม
  • พิพิธภัณฑ์ปราสาทครุมลอฟ: เยี่ยมชมห้องต่างๆ ภายในปราสาทที่ตกแต่งอย่างหรูหราตามแบบขุนนางยุโรป
  • เดินทางสู่กรุงปราก: ออกเดินทางในช่วงบ่ายสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ที่ได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งปราสาทร้อยยอด” และ “นครแห่งมนตร์ขลัง” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.5 ชั่วโมง)
  • ย่าน Old Town Square: เช็คอินที่โรงแรมและเริ่มสัมผัสบรรยากาศเมืองปรากด้วยการเดินเล่นในจัตุรัสเมืองเก่าในช่วงเย็น

วันที่ 6: ปราก สัญลักษณ์และความงาม

  • สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge): เดินข้ามสะพานหินโบราณที่มีอายุกว่า 650 ปี ประดับด้วยรูปปั้นนักบุญ 30 องค์ที่มีความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ สะพานนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปรากที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือน
  • ปราสาทปราก (Prague Castle): เยี่ยมชมปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามการรับรองของกินเนสบุ๊ค มีพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร ภายในมีมหาวิหาร St. Vitus ที่งดงามด้วยศิลปะแบบโกธิค กระจกสีทรงคุณค่า และหน้าต่างรูปกุหลาบ (Rose Window) ที่สวยงาม
  • นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock): ชมการทำงานอันน่าทึ่งของนาฬิกาโบราณที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1410 ซึ่งยังคงทำงานได้อย่างแม่นยำ ตอนทุกชั่วโมงจะมีรูปปั้น 12 สาวกเดินผ่านหน้าต่างเล็กๆ ด้านบน
  • Old Town Square: เดินเล่นในจัตุรัสเมืองเก่าที่มีชีวิตชีวา ล้อมรอบด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแบบบาโรกและโกธิค ชมโบสถ์ Our Lady before Týn ที่มียอดแหลมสูงตระหง่าน
  • Petrin Tower: ขึ้นหอคอยเหล็กที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหอไอเฟล สูง 63.5 เมตร ชมวิวเมืองปรากจากมุมสูง
  • จุดชมวิว 3 สะพาน: เก็บภาพความโรแมนติกของแม่น้ำวัลตาวาและสะพานสำคัญของเมือง ได้แก่ สะพานชาร์ลส์ สะพาน Manes และสะพาน Legion ในมุมมองที่สวยงาม

วันที่ 7: เวียนนา ความสง่างามแห่งจักรวรรดิ

  • เดินทางกลับสู่กรุงเวียนนา: ออกเดินทางช่วงเช้าจากกรุงปรากกลับสู่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
  • พระราชวัง Schönbrunn: ชมความโอ่อ่าของพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ที่มีห้องต่างๆ ถึง 1,441 ห้อง เยี่ยมชมห้องที่สำคัญๆ อาทิ ห้องทรงงาน ห้องบรรทม ห้องแกลลอรี่ ห้องมิลเลี่ยน ห้องกระจก ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม
  • สวน Schönbrunn: เดินเล่นในสวนสไตล์ฝรั่งเศสที่งดงาม ชมน้ำพุ Neptune Fountain และเนินเขา Gloriette ที่สามารถมองเห็นพระราชวังและกรุงเวียนนาได้อย่างงดงาม
  • Grinzing: เยี่ยมชมหมู่บ้านไวน์เก่าแก่ทางตอนเหนือของเวียนนา ชิมไวน์ท้องถิ่นและอาหารพื้นเมืองในบรรยากาศแบบดั้งเดิม พร้อมชมวิวแม่น้ำดานูบและไร่องุ่นที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันได

วันที่ 8: เวียนนา มนต์ขลังแห่งเมืองเก่า

  • Old Town Vienna: เดินชมเมืองเก่าเวียนนาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ผ่านถนนคาร์ทเนอร์ (Kärntner Straße) ที่มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย
  • โบสถ์ St. Stephen’s Cathedral: ชมความงดงามของมหาวิหารสไตล์โกธิคที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา โดดเด่นด้วยหลังคากระเบื้องสีสันสดใสและยอดแหลมสูง 137 เมตร
  • Vienna State Opera: ชมอาคารโอเปร่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก สร้างในสไตล์เรอเนสซองส์ที่งดงาม
  • พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace): อดีตพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของประธานาธิบดีออสเตรีย
  • ถนนช้อปปิ้ง: เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ถนนมาเรียฮิลเฟอร์ (Mariahilfer Straße) ถนนช้อปปิ้งที่ยาวและคึกคักที่สุดในเวียนนา หรือเลือกซื้อของที่ระลึกและชิมขนมหวานที่มีชื่อเสียงของเวียนนา เช่น ซัคเกอร์ทอร์เต (Sachertorte) เค้กช็อกโกแลตชื่อดัง
  • เดินทางสู่สนามบิน: เดินทางสู่สนามบินเวียนนาในช่วงบ่าย เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย

วันที่ 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ: เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการเดินทางในยุโรปกลาง
Categories
10-Oct 2024 Europe Roadtrip

ทัวร์ยุโรป นอกสายตา โครเอเชีย มอนเตเนโกร แปลกใหม่ สวยจึ้ง

โครเอเชีย มอนเตเนโกร
แปลกใหม่ สวยจึ้ง
สรุปไฮไลท์

☀️อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes – มรดกโลกที่มีทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่ง เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย

☀️กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik – กำแพงหินสูงอายุหลายร้อยปีที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ให้วิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม

☀️พระราชวัง Diocletian’s Palace – พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️อ่าว Kotor – อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน พร้อมเมืองเก่ายุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️หุบเขา Tara Canyon – หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีความลึกถึง 1,300 เมตร ให้ประสบการณ์ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

☀️โบสถ์ St. Mark ในซาเกร็บ – โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใสแสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหลวง

☀️เกาะ Our Lady of the Rocks – เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor ที่สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี มีโบสถ์ที่เก็บงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า

☀️อุทยานแห่งชาติ Krka – อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม

☀️เกาะ Sveti Stefan – เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว เป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร

☀️จุดชมวิว Mount Srđ – จุดชมวิวพาโนรามาที่สวยที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก สามารถขึ้นได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้า

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป โครเอเชีย มอนเตเนโกร

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – ซาเกร็บ (Zagreb)

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: จุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแห่งกำแพงหินโบราณและทะเลเอเดรียติกสีฟ้าคราม

  • บินสู่ซาเกร็บ: เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines (TK69 23.05-05.20 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK1053 06.55-08.00 น.) สู่เมืองหลวงที่มีเสน่ห์แห่งโครเอเชีย

วันที่ 2: ซาเกร็บ (Zagreb) – เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม

  • เมืองซาเกร็บ: เมืองหลวงที่ผสมผสานความคลาสสิกและทันสมัยได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยอาคารโบราณและพิพิธภัณฑ์มากมาย แบ่งเป็นเมืองบนและเมืองล่างที่เชื่อมต่อด้วยรถรางสายสั้นที่สุดในโลก

  • โบสถ์ St. Mark: โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใส แสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย-สลาโวเนีย-ดัลเมเชีย เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง

  • จัตุรัส Ban Jelačić: ศูนย์กลางของเมืองซาเกร็บ แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่คึกคักตลอดทั้งวัน

  • มหาวิหาร Zagreb: มหาวิหารนีโอโกธิคที่สูงที่สุดในโครเอเชีย โดดเด่นด้วยยอดแหลมคู่สูงตระหง่าน ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยงานศิลปะทางศาสนา

วันที่ 3: Plitvice Lakes – Skradin – Split

  • อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes: มรดกโลกที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ประกอบด้วยทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย

  • ทะเลสาบ Kozjak: ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน ให้ประสบการณ์ล่องเรือท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชมน้ำใสจนสามารถมองเห็นฝูงปลาแหวกว่าย

  • อุทยานแห่งชาติ Krka (Skradin): อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนเป็นระยะทางกว่า 800 เมตร ท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม

  • เมือง Split: เมืองชายฝั่งทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโครเอเชีย ศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานหลายยุคสมัย

วันที่ 4: Split – Dubrovnik

  • พระราชวัง Diocletian’s Palace: พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ปัจจุบันมีผู้คนอาศัยและมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายอยู่ภายในกำแพงพระราชวัง

  • วิหาร Saint Domnius: มหาวิหารเก่าแก่ที่สร้างจากสุสานของจักรพรรดิ Diocletian สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 นับเป็นมหาวิหารคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

  • เส้นทางชายฝั่งเอเดรียติก: เดินทางเลียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่สวยงามตระการตา ผ่านเมืองชายทะเลที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ของเกาะน้อยใหญ่ในทะเลสีคราม

  • เมือง Dubrovnik: “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” เมืองโบราณที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูงที่สมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ความงดงามของเมืองนี้ทำให้ได้รับเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดัง Game of Thrones

วันที่ 5: Dubrovnik

  • กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik: กำแพงหินสูงที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เดินชมวิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้

  • ถนน Stradun: ถนนสายหลักที่ปูด้วยหินอ่อนขัดมันวาว ทอดยาวกลางเมืองเก่า สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารหินโบราณ ร้านค้า ร้านอาหาร และโบสถ์เก่าแก่มากมาย

  • น้ำพุ Onofrio: น้ำพุประวัติศาสตร์สร้างในศตวรรษที่ 15 เป็นจุดเริ่มต้นของระบบน้ำโบราณที่จัดส่งน้ำจืดเข้าสู่เมือง

  • วิหาร Dubrovnik Cathedral: มหาวิหารบาโรกที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 บนฐานของมหาวิหารเดิมที่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ภายในเก็บรักษางานศิลปะล้ำค่ามากมาย

วันที่ 6: Dubrovnik – Kotor (Montenegro)

  • จุดชมวิว Mount Srđ: ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Srđ สูง 412 เมตร ชมวิวพาโนรามาที่สวยงามที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก

  • พรมแดนโครเอเชีย-มอนเตเนโกร: เดินทางข้ามพรมแดนสู่ประเทศมอนเตเนโกร ดินแดนภูเขาดำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิม

  • อ่าว Kotor: อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน สร้างทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ

  • เมืองเก่า Kotor: เมืองโบราณยุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ล้อมรอบด้วยกำแพงป้อมปราการที่ทอดยาวขึ้นไปตามเนินเขา ภายในเต็มไปด้วยโบสถ์ จัตุรัส และพระราชวังเก่าแก่

  • อุทยานแห่งชาติ Lovćen: อุทยานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมอนเตเนโกร บนยอดเขามีสุสานของ Petar II Petrović-Njegoš กวีและผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาติ

วันที่ 7: Kotor – Our Lady of the Rocks – Durmitor National Park – Tara Canyon

  • Our Lady of the Rocks: เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี บนเกาะมีโบสถ์ที่มีงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า

  • เกาะ Sveti Đorđe: เกาะธรรมชาติใกล้เคียงที่มีความเงียบสงบและเป็นที่ตั้งของอารามเบเนดิกตินโบราณและสุสาน

  • อุทยานแห่งชาติ Durmitor: มรดกโลกที่มีภูมิประเทศหลากหลายทั้งภูเขาสูง ทะเลสาบ ป่าสน และทุ่งหญ้าอัลไพน์ สร้างทัศนียภาพอันน่าทึ่ง

  • หุบเขา Tara Canyon: หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก Grand Canyon ความลึกถึง 1,300 เมตรและยาวกว่า 80 กิโลเมตร

  • สะพาน Tara Bridge: สะพานคอนกรีตโค้งที่สร้างใน ค.ศ. 1940 ทอดข้ามหุบเขาที่จุดที่สูงถึง 172 เมตรเหนือแม่น้ำ Tara ใสสะอาด ให้วิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ

วันที่ 8: Podgorica – Budva – Podgorica

  • Podgorica: เมืองหลวงของมอนเตเนโกรที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ ชมสะพานโบราณ Millennium ข้ามแม่น้ำ Morača และโบสถ์ St. George’s อายุกว่าพันปี

  • เมือง Budva: เมืองชายทะเลที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเดรียติก มีอายุกว่า 2,500 ปี โดดเด่นด้วยกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบเมืองเก่าริมทะเล

  • เกาะ Sveti Stefan: เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว ถือเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร

  • ชายหาด Mogren: ชายหาดทรายสีทองที่โอบล้อมด้วยโขดหินและน้ำทะเลสีฟ้าใส เป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Budva

วันที่ 9: Podgorica – กรุงเทพฯ

  • สนามบิน Podgorica: เดินทางสู่สนามบินเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

  • บินกลับกรุงเทพฯ: โดยสายการบิน Turkish Airlines (TK1086 09.15-12.05 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK58 16.25-06.05 น.)

  • สรุปการเดินทาง: ลาก่อนดินแดนไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก ที่เต็มไปด้วยความงามทางธรรมชาติและความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์

วันที่ 10: กรุงเทพฯ

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการผจญภัยในโครเอเชียและมอนเตเนโกร

Categories
10-Oct 2024 Europe

สวิสสายชิล เน้น Highlight

สวิสสายชิล เน้น Highlight
รถไฟ • กระเช้า • ยอดเขา • ทะเลสาบ
สรุปไฮไลท์

☀️กลาเซียร์เอ็กซ์เพรส – หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ที่จะพาคุณผ่านทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเทือกเขาแอลป์ สะพานสูง และธารน้ำแข็ง ในการเดินทางอันแสนพิเศษ

☀️ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น – ชมยอดเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จากเมืองเซอร์มัทท์และจุดชมวิวกอร์เนอร์กราท

☀️ยุงเฟรายอค – สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ได้รับการขนานนามว่า “หลังคาแห่งยุโรป” พร้อมชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งและวิวพาโนรามาที่น่าตื่นตาตื่นใจ

☀️หุบเขาเลาเทอร์บรุนเนน – หุบเขาแห่งน้ำตก 72 สาย ที่ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาหินสูงชันและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด

☀️เมืองเบิร์น – เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของสวิตเซอร์แลนด์ ย่านเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมชมหอนาฬิกาเก่าแก่และสวนหมีอันเป็นสัญลักษณ์

☀️ชติฟท์สบิบลิโอเทค – ห้องสมุดโบราณอายุกว่า 1,000 ปีที่ St. Gallen ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกและคอลเลกชันหนังสือโบราณล้ำค่า

☀️ทะเลสาบบรีนซ์และทะเลสาบลูเซิร์น – สัมผัสความงดงามของทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง และเพลิดเพลินกับบรรยากาศเมืองริมทะเลสาบที่มีเสน่ห์

☀️สะพานไม้ชาเปล – สัญลักษณ์แห่งเมืองลูเซิร์น สะพานไม้เก่าแก่อายุกว่า 700 ปีที่ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์ พร้อมภาพวาดประวัติศาสตร์ที่ตกแต่งตลอดสะพาน

☀️กรินเดลวัลด์ เฟิร์สท์ – ผจญภัยกับกิจกรรมกลางแจ้งที่น่าตื่นเต้น เช่น เส้นทางเดินบนสะพานแขวน First Cliff Walk ที่ให้คุณได้สัมผัสวิวพาโนรามาแบบ 360 องศา

☀️ชไตน์ อัม ไรน์และอัพเพนเซลล์ – เยี่ยมชมเมืองเก่าแก่ที่มีเสน่ห์แห่งสวิตเซอร์แลนด์ตะวันออก ด้วยบ้านเรือนสีสันสดใสและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป สวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 1: เริ่มต้นการเดินทาง

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: จุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแห่งขุนเขา ความงดงามและความมหัศจรรย์รอคุณอยู่

  • บินสู่ซูริค: เดินทางด้วยเที่ยวบินตรงสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งนาฬิกา ช็อกโกแลต และทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดในโลก

วันที่ 2: เสน่ห์แห่งสวิสตะวันออก

  • ชไตน์ อัม ไรน์: เมืองยุคกลางริมแม่น้ำไรน์ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีเยี่ยม บ้านเรือนโบราณอายุหลายร้อยปีที่ทาสีสดใสตัดกับความเขียวขจีของแม่น้ำ สร้างบรรยากาศที่เหมือนหลุดเข้าไปในนิทาน

  • ชติฟท์สบิบลิโอเทค: ห้องสมุดโบราณอายุกว่า 1,000 ปีที่ St. Gallen ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยเพดานโค้งบาโรกและชั้นหนังสือไม้แกะสลักอันวิจิตร รวมทั้งคัมภีร์โบราณล้ำค่า

  • อัพเพนเซลล์: เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ด้วยบ้านไม้สีสันสดใส ศูนย์กลางงานหัตถกรรมพื้นบ้านและวัฒนธรรมสวิสดั้งเดิม ชมการทำชีสและงานแกะสลักไม้แบบโบราณ

  • เอเบนัลพ์: หมู่บ้านบนที่ราบสูงท่ามกลางทุ่งหญ้าอัลไพน์ ล้อมรอบด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน เป็นศูนย์กลางของการทำฟาร์มโคนมแบบดั้งเดิม ให้คุณได้ลิ้มรสชีสและนมสดที่หอมหวาน

วันที่ 3: สู่หัวใจของเทือกเขาแอลป์

  • อันเดอร์มัทท์: หมู่บ้านเก่าแก่ในหุบเขาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของเส้นทางการค้าข้ามเทือกเขาแอลป์ ชมโบสถ์เซนต์ปีเตอร์และพอลสไตล์บาโรกที่งดงาม

  • กลาเซียร์เอ็กซ์เพรส: หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ทอดผ่านภูมิประเทศที่น่าทึ่ง สะพานสูง อุโมงค์ภูเขา และธารน้ำแข็ง เป็นการเดินทาง 8 ชั่วโมงที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจไม่รู้ลืม

  • เซอร์มัทท์: เมืองปลอดมลพิษที่ไม่อนุญาตให้ใช้รถยนต์ ตั้งอยู่เชิงเขาแมทเธอร์ฮอร์นอันโด่งดัง ศูนย์กลางการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวชั้นเลิศของสวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 4: สัมผัสความยิ่งใหญ่

  • กอร์เนอร์กราท: จุดชมวิวที่สูงถึง 3,089 เมตร ให้ทัศนียภาพพาโนรามา 360 องศาของเทือกเขาแอลป์และยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ นำเสนอภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพ

  • อินเทอร์ลาเคน: เมืองรีสอร์ทยอดนิยมที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบทุนและทะเลสาบบรีนซ์ ล้อมรอบด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นประตูสู่เขตยุงเฟราที่มีชื่อเสียงระดับโลก

  • กรินเดลวัลด์: หมู่บ้านในหุบเขาอันเงียบสงบที่ทอดยาวใต้เงาของยอดเขาไอเกอร์อันน่าเกรงขาม ศูนย์กลางกีฬาฤดูหนาวและจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าอันสวยงาม

วันที่ 5: ยอดเขาและหุบเขาอันงดงาม

  • ไอเกอร์เอ็กซ์เพรส: กระเช้าไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ พาคุณลอยขึ้นสู่ความสูงกว่า 2,320 เมตร ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาและหุบเขาที่ดูเหมือนภาพวาด

  • ยุงเฟรายอค: สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปที่ 3,454 เมตร ถูกขนานนามว่า “หลังคาแห่งยุโรป” มอบประสบการณ์ที่น่าทึ่งด้วยพิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง ทางเดินชมธารน้ำแข็ง และวิวพาโนรามาที่น่าตื่นตาตื่นใจ

  • เลาเทอร์บรุนเนน: หุบเขาแห่งน้ำตก 72 สาย ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาหินสูงชันและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบราวกับภาพวาดในโปสการ์ด

  • เมอเรน: หมู่บ้านบนหน้าผาที่ไม่มีรถยนต์ วางตัวอยู่บนระเบียงธรรมชาติที่มองเห็นวิวของหุบเขาเลาเทอร์บรุนเนนที่อยู่เบื้องล่าง นำเสนอมุมมองที่น่าทึ่งของยอดเขาไอเกอร์ เมินช์ และยุงเฟรา

วันที่ 6: ผจญภัยและวัฒนธรรม

  • กรินเดลวัลด์ เฟิร์สท์: จุดชมวิวและศูนย์กลางกิจกรรมกลางแจ้งที่ความสูง 2,168 เมตร มีกิจกรรมน่าตื่นเต้นมากมาย เช่น เส้นทางเดินบนสะพานแขวน First Cliff Walk และการเล่นซิปไลน์

  • เบิร์น: เมืองหลวงที่สวยงามของสวิตเซอร์แลนด์ ย่านเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยถนนที่มีอาเขตโค้ง หอนาฬิกาเก่าแก่ และสวนหมีที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง

วันที่ 7: ความงามของทะเลสาบและเมือง

  • ทะเลสาบบรีนซ์: ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง น้ำใสบริสุทธิ์จากการละลายของหิมะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์

  • อิเซลท์วัลด์: หมู่บ้านโบราณริมทะเลสาบที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล โบสถ์หินอายุหลายร้อยปีตั้งตระหง่านท่ามกลางบ้านไม้แบบดั้งเดิม สถานที่แห่งนี้สงบเงียบและโรแมนติก

  • ลูเซิร์น: เมืองริมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงด้วยสะพานไม้ชาเปลอายุกว่า 700 ปี กำแพงเมืองโบราณ และอนุสาวรีย์สิงโตแกะสลักที่น่าประทับใจ ผสมผสานความเก่าแก่กับความทันสมัยได้อย่างลงตัว

  • ซูริค: เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ศูนย์กลางการเงินและวัฒนธรรม ถนนบานโฮฟสตราสเซอเป็นแหล่งช้อปปิ้งหรูหราชั้นนำของยุโรป พร้อมร้านค้าแบรนด์เนมและร้านนาฬิกาชื่อดัง

วันที่ 8: อำลาสวิตเซอร์แลนด์

  • เดินทางสู่สนามบินซูริค: เก็บกระเป๋าและความทรงจำดีๆ เตรียมตัวเดินทางกลับ มีเวลาซื้อของฝากและของที่ระลึกที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง

  • บินกลับสู่กรุงเทพฯ: อำลาสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมภาพความประทับใจมากมายจากการเดินทางครั้งนี้

วันที่ 9: กลับถึงประเทศไทย

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมประสบการณ์และความทรงจำอันแสนพิเศษจากดินแดนแห่งขุนเขาและทะเลสาบที่สวยงามที่สุดในโลก

Categories
06-Jun 07-Jul 2024 Europe

France : Provence

France : Provence
สรุปไฮไลท์

☀️เมืองนีซและชายหาดฝรั่งเศสริเวียร่า (Nice & French Riviera) – สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันมีเสน่ห์ เดินเล่นบน Promenade des Anglais อันโด่งดังและดื่มด่ำกับบรรยากาศสดใสของท้องฟ้าและทะเลสีครามที่ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของศิลปินและนักท่องเที่ยว

☀️ย่านประวัติศาสตร์โมนาโกวิลล์ (Monaco-Ville) – เยือนประเทศเล็กที่สุดอันดับสองของโลก ชมพระราชวังเจ้าชายที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และทัศนียภาพอันตระการตาของท่าเรือหรูและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากจุดชมวิวบนเนินเขา

☀️ทุ่งลาเวนเดอร์วาลองโซล (Plateau de Valensole) – ดื่มด่ำกับภาพที่ราบสูงกว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง ให้ภาพและกลิ่นหอมที่เป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์

☀️หมู่บ้านรูซียงและสีโอเคอร์ธรรมชาติ (Roussillon) – ตื่นตากับหมู่บ้านสีสันสดใสที่อาคารบ้านเรือนทาด้วยสีจากดินโอเคอร์ธรรมชาติหลากเฉดสี ตั้งแต่แดง ส้ม และเหลือง สร้างภาพที่แตกต่างจากหมู่บ้านทั่วไปในโพรวองซ์อย่างสิ้นเชิง

☀️หมู่บ้านกอร์ดบนเนินเขา (Gordes) – เยือนหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ด้วยบ้านหินสีเทาที่เรียงรายลดหลั่นลงมาตามไหล่เขา พร้อมปราสาทศตวรรษที่ 16 และทัศนียภาพของหุบเขาลูเบอรงที่สวยงาม

☀️อารามเซนองก์และทุ่งลาเวนเดอร์ (Sénanque Abbey) – ชมอารามซิสเตอร์เชียนเก่าแก่จากศตวรรษที่ 12 ที่ยังมีนักบวชอาศัยอยู่ ล้อมรอบด้วยทุ่งลาเวนเดอร์ที่สร้างภาพอันเป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกปรารถนาจะได้เห็นสักครั้งในชีวิต

☀️พระราชวังพระสันตะปาปา (Palais des Papes) – ทึ่งกับพระราชวังโกธิคอันยิ่งใหญ่ในเมืองอาวีญงที่เคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาในศตวรรษที่ 14 มรดกโลกที่เป็นพยานประวัติศาสตร์ช่วงเวลาสำคัญของศาสนาคริสต์ในยุโรป

☀️สะพานส่งน้ำโรมันปงดูการ์ (Pont du Gard) – ชมสะพานส่งน้ำโรมันโบราณจากศตวรรษที่ 1 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม สูงถึง 49 เมตร เป็นตัวอย่างชั้นเลิศของวิศวกรรมโรมันและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️อุทยานแห่งชาติคาลังก์ (Calanques National Park) – ผจญภัยในอ่าวแคบที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาหินปูนสูงชันและน้ำทะเลสีเขียวมรกตใสสะอาด ดินแดนธรรมชาติอันน่าทึ่งระหว่างมาร์เซย์และคาสซิส ที่สามารถสำรวจได้ทั้งทางบกและทางทะเล

☀️มหาวิหารโนเทรอะดาม เดอ ลาการ์ด (Notre-Dame de la Garde) – เยือนสัญลักษณ์ของเมืองมาร์เซย์ที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาสูงสุดของเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานและรูปปั้นพระแม่มารีทองคำ พร้อมชมวิวพาโนรามา 360 องศาของเมืองท่าโบราณและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 109,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place
Place
Place

โปรแกรมทริป โพรวองซ์

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – สู่ฝรั่งเศส

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ – เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์ของฝรั่งเศสและโมนาโก ออกเดินทางด้วยสายการบินชั้นนำสู่เมืองนีซ ประตูสู่ฝรั่งเศสตอนใต้และเฟรนช์ริเวียร่า ดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสัน วัฒนธรรม และทัศนียภาพอันงดงาม

วันที่ 2: นีซ – โมนาโก

  • เมืองนีซ (Nice) – เมืองเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันมีเสน่ห์ เดินเล่นบน Promenade des Anglais ถนนริมชายหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ดื่มด่ำบรรยากาศสดใสของท้องฟ้าและทะเลสีคราม เยี่ยมชมย่านเมืองเก่า (Vieux Nice) ที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยแคบๆ ร้านค้า และร้านอาหารท้องถิ่นที่มีสีสัน
  • โมนาโกวิลล์ (Monaco-Ville) – ย่านประวัติศาสตร์บนเนินเขาของประเทศเล็กที่สุดอันดับสองของโลก ชมพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก (Prince’s Palace) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เป็นที่ประทับของราชวงศ์กริมาลดี มีการเปลี่ยนเวรยามทหารที่น่าประทับใจ พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของท่าเรือ Port Hercule และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง

วันที่ 3: ทะเลสาบแซงต์-ครัวซ์ – มูสติเยร์-แซงต์-มารี

  • ทะเลสาบแซงต์-ครัวซ์ (Lac de Sainte-Croix) – ทะเลสาบสีฟ้าครามใสสะอาดที่สร้างขึ้นในปี 1973 ตั้งอยู่ในหุบเขาที่สวยงามของแม่น้ำแวร์ดง (Verdon) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรรมชาติแวร์ดง (Verdon Natural Regional Park) เหมาะแก่การพักผ่อน พายเรือคายัค หรือว่ายน้ำในฤดูร้อน ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ของภูเขาและป่าไม้ที่สวยงาม
  • มูสติเยร์-แซงต์-มารี (Moustiers-Sainte-Marie) – หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาสองแห่ง มีชื่อเสียงด้านศิลปะการผลิตเครื่องเคลือบดินเผา (Faience) ที่มีความละเอียดและสวยงาม เดินเล่นตามถนนหินที่ลัดเลาะขึ้นเขา ชมโบสถ์ Notre-Dame de Beauvoir และดาวทองคำที่แขวนอยู่เหนือหมู่บ้าน เยี่ยมชมร้านค้าและเวิร์คช็อปที่มีเสน่ห์ของช่างฝีมือท้องถิ่น

วันที่ 4: ทุ่งลาเวนเดอร์วาลองโซล

  • วาลองโซล (Valensole) – สัมผัสความงดงามของที่ราบสูงวาลองโซล (Plateau de Valensole) ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันสุดลูกหูลูกตา กว้างกว่า 800 ตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง เก็บภาพความประทับใจกับทุ่งสีม่วงที่ทอดยาวจนสุดสายตา บรรยากาศหอมกรุ่นด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ ชมหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวบ้านที่ทำการเกษตรและผลิตน้ำมันหอมระเหยจากดอกลาเวนเดอร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของแคว้นโพรวองซ์

วันที่ 5: รูซียง – กอร์ด – อารามเซนองก์

  • รูซียง (Roussillon) – หมู่บ้านสีสันสดใสที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในหุบเขาลูเบอรง (Luberon Valley) โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนที่ทาด้วยสีจากดินโอเคอร์ธรรมชาติ (Ochre) สีแดง ส้ม และเหลือง ที่ขุดจากเหมืองในท้องถิ่น เดินเล่นตามเส้นทาง Sentier des Ocres เพื่อชมแนวหน้าผาสีสันสดใสและทัศนียภาพอันน่าทึ่ง
  • กอร์ด (Gordes) – เมืองสวยบนภูเขาในโพรวองซ์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส (Les Plus Beaux Villages de France) โดดเด่นด้วยบ้านหินสีเทาที่เรียงรายลดหลั่นลงมาตามไหล่เขา ชมปราสาทกอร์ด (Château de Gordes) ที่สร้างในศตวรรษที่ 16 พร้อมเก็บภาพทัศนียภาพที่สวยงามของหมู่บ้านและทุ่งนาโดยรอบ
  • อารามเซนองก์ (Sénanque Abbey) – อารามซิสเตอร์เชียนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี 1148 ยังคงความสงบและเรียบง่ายตามวิถีของนักบวช เป็นตัวอย่างที่งดงามของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ล้อมรอบด้วยทุ่งลาเวนเดอร์ที่นักบวชปลูกไว้ (บานสะพรั่งในเดือนกรกฎาคม) สร้างภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการมาเยือน

วันที่ 6: อาวีญง – ปงดูการ์ – เลโบโดโพรวองซ์ – แซงต์-เรมี-เดอ-โพรวองซ์

  • พระราชวังพระสันตะปาปา (Palais des Papes) – พระราชวังโกธิคอันยิ่งใหญ่ในเมืองอาวีญง (Avignon) ที่เคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อครั้งที่ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกย้ายจากกรุงโรมมายังอาวีญง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายในมีห้องโถงขนาดใหญ่และภาพเขียนฝาผนังที่งดงาม
  • สะพานปงดูการ์ (Pont du Gard) – สะพานส่งน้ำโรมันโบราณที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 สูงถึง 49 เมตร ยาว 275 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของระบบส่งน้ำที่ยาว 50 กิโลเมตรจากแหล่งน้ำไปยังเมืองนีมส์ (Nîmes) ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและเป็นมรดกโลกที่ทรงคุณค่า
  • เลโบโดโพรวองซ์ (Les Baux-de-Provence) – หมู่บ้านโบราณบนหน้าผาหินปูนในเทือกเขา Alpilles ที่มีซากปราสาทยุคกลาง ชมทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขาและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมถึง Carrières de Lumières ที่จัดแสดงศิลปะด้วยการฉายภาพบนผนังเหมืองหินปูนเก่า
  • แซงต์-เรมี-เดอ-โพรวองซ์ (Saint-Rémy-de-Provence) – เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ เป็นสถานที่พักรักษาตัวของศิลปินชื่อดัง วินเซนต์ แวนโก๊ะ ที่โรงพยาบาล Saint-Paul-de-Mausole เดินเล่นในตรอกซอกซอยที่มีร้านค้าและร้านอาหารน่ารัก ชมโบราณสถานโรมัน Glanum และบรรยากาศอันเงียบสงบที่ได้แรงบันดาลใจให้แวนโก๊ะสร้างผลงานมากมาย

วันที่ 7: คาสซิส – คาลังก์เดอปอร์ตมิโอ – มาร์เซย์

  • คาสซิส (Cassis) – เมืองชายทะเลเล็กๆ ที่สวยงาม ตั้งอยู่บนอ่าวที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน มีท่าเรือเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ล้อมรอบด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีสีสัน บรรยากาศผ่อนคลาย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจอุทยานแห่งชาติคาลังก์ (Calanques National Park)
  • คาลังก์เดอปอร์ตมิโอ (Calanque de Port Miou) – อ่าวแคบที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาหินปูนสูงชันและน้ำทะเลสีเขียวมรกตใสสะอาด เป็นหนึ่งในคาลังก์ (Calanques) อันโด่งดังระหว่างมาร์เซย์และคาสซิส เหมาะสำหรับเดินป่า ปีนเขา หรือล่องเรือเพื่อชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะโดยทะเล
  • มาร์เซย์ (Marseille) – เมืองท่าเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสและเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เป็นศูนย์กลางการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เยี่ยมชมท่าเรือเก่า (Vieux Port) ที่คึกคัก ชมย่านเล ปานิเยร์ (Le Panier) ย่านเมืองเก่าที่มีตรอกซอกซอยแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส
  • มหาวิหารโนเทรอะดาม เดอ ลาการ์ด (Notre-Dame de la Garde) – สัญลักษณ์สำคัญของเมืองมาร์เซย์ ตั้งตระหง่านบนเนินเขาที่สูงที่สุดของเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์และโรมาเนสก์ที่ผสมผสานกัน มีรูปปั้นพระแม่มารีทองคำประดับอยู่บนยอดหอระฆัง ชมทัศนียภาพพาโนรามาของเมืองมาร์เซย์และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ 360 องศา

วันที่ 8: ตลาดเช้าโพรวองซาล – เดินทางกลับ

  • ตลาดเช้าโพรวองซาล (Marché Provençale) – สัมผัสชีวิตชีวาและสีสันของตลาดท้องถิ่นในยามเช้า ที่เต็มไปด้วยผักผลไม้สดจากสวน ชีส น้ำผึ้ง น้ำมันมะกอก สมุนไพร และสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ชิมอาหารท้องถิ่นและซื้อของที่ระลึกจากโพรวองซ์กลับบ้าน เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมการกินอยู่ของชาวฝรั่งเศสใต้
  • เดินทางสู่สนามบินมาร์เซย์ (Marseille Provence Airport) – เตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการเดินทางในดินแดนแห่งแสงแดด กลิ่นลาเวนเดอร์ และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุขของชาวโพรวองซ์

วันที่ 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

  • เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำและประสบการณ์อันแสนพิเศษจากการเดินทางในดินแดนแห่งความงดงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หลากหลายของฝรั่งเศสตอนใต้และโมนาโก
Categories
05-May 06-Jun 2024 Europe

ทัวร์อิตาลีเหนือ โดโลไมท์ ทัสคานี ชิงเควเตเร่

ทัวร์อิตาลีเหนือ
โดโลไมท์ ทัสคานี ชิงเคว่เตเร่ โคโม่
สรุปไฮไลท์

☀️เทือกเขาโดโลไมท์ – สัมผัสความงดงามของเทือกเขาหินปูนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ชมวิวแบบพาโนรามาที่ Alpe di Siusi และภูเขา Seceda ที่มีหน้าผาดราม่าติก

☀️ทะเลสาบ Braies – ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ใสราวกับกระจก ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงตระหง่าน หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี

☀️Tre Cime di Lavaredo – ยอดเขาสามยอดอันเป็นสัญลักษณ์ของโดโลไมท์ ที่มีรูปทรงแหลมสูงตระหง่านและเป็นที่รู้จักในหมู่นักปีนเขาทั่วโลก

☀️San Gimignano – เมืองยุคกลางที่มีหอคอยสูงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ให้บรรยากาศย้อนยุคราวกับได้เดินทางกลับไปในศตวรรษที่ 13

☀️ไวน์ Brunello di Montalcino – ได้ลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศของอิตาลีที่หมู่บ้าน Montalcino ซึ่งผลิตจากองุ่น Sangiovese ท่ามกลางภูมิทัศน์ทัสคานีอันงดงาม

☀️Piazza del Campo ที่เมือง Siena – จัตุรัสรูปหอยเชลล์ที่โด่งดัง สถานที่จัดการแข่งม้า Palio อันเลื่องชื่อ หนึ่งในจัตุรัสยุคกลางที่สวยที่สุดในยุโรป

☀️หอเอนปิซ่า – สิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่เอียง 4 องศา ในจัตุรัส Piazza dei Miracoli ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️Cinque Terre – ห้าหมู่บ้านริมชายฝั่งที่มีบ้านเรือนสีสันสดใส เกาะตัวอยู่บนหน้าผาสูงชันริมทะเล เชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินเท้าที่สวยงาม

☀️มหาวิหาร Duomo แห่งมิลาน – มหาวิหารโกธิคอันยิ่งใหญ่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป ประดับด้วยยอดแหลมและรูปปั้นอันวิจิตรบรรจง

☀️หมู่บ้าน Val di Funes – ภาพไอคอนิกของโบสถ์ Santa Magdalena ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี โดยมีฉากหลังเป็นยอดเขา Odle/Geisler อันแหลมชัน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 119,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่ม 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 30 พค. – 9 มิย. 68
    • 7 – 17 สค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริปอิตาลี โดโลไมท์ ทัสคานี

วันที่ 1

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
  • เดินทางสู่มิลานโดยสายการบินไทย (Thai Airways) เที่ยวบินตรงสู่อิตาลี

วันที่ 2

  • เดินทางถึงมิลาน (Milan) เมืองแฟชั่นและเศรษฐกิจสำคัญของอิตาลี
  • เยี่ยมชมเมือง Sirmione เมืองโบราณริมทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda) ที่มีปราสาท Scaliger อายุกว่า 700 ปี และมีน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียง
  • เดินทางต่อไปยังเมือง Bolzano เมืองหลวงของแคว้นซูดทิโรล (South Tyrol) ที่ผสมผสานวัฒนธรรมอิตาเลียนและออสเตรียนได้อย่างลงตัว
  • เดินทางถึงเมือง Ortisei หมู่บ้านในหุบเขา Val Gardena ที่มีสถาปัตยกรรมแบบชาวทิโรลีส พักค้างคืนที่นี่เพื่อเตรียมสำรวจเทือกเขาโดโลไมท์

วันที่ 3

  • ช่วงเช้า: ขึ้นกระเช้าสู่ Alpe di Siusi (Seiser Alm) ทุ่งหญ้าบนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่ระดับความสูง 1,800 เมตร ชมวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามาของเทือกเขาโดโลไมท์ที่โอบล้อมด้วยยอดเขา Sassolungo และ Sella
  • ช่วงบ่าย: ขึ้นกระเช้าสู่ภูเขา Seceda ที่ความสูง 2,500 เมตร จุดชมวิวที่มีหน้าผาดราม่าติก สามารถมองเห็นยอดเขา Geisler/Odle Peaks ที่มีรูปทรงแหลมคมสวยงาม เป็นจุดถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโดโลไมท์

วันที่ 4

  • เยี่ยมชมหมู่บ้าน Val di Funes (Villnöss) หุบเขาที่มีโบสถ์ Santa Magdalena ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีและฉากหลังเป็นยอดเขา Odle/Geisler ภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของโดโลไมท์
  • ชมทะเลสาบ Braies (Pragser Wildsee) ทะเลสาบกระจกสีมรกตที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาหินและป่าสน สถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดัง “Un Passo dal Cielo”
  • ผ่านชม Tre Cime di Lavaredo (Three Peaks) ยอดเขาสามยอดที่สูงชันและเป็นสัญลักษณ์ของเทือกเขาโดโลไมท์ มีความสูงกว่า 2,999 เมตร
  • ชมทะเลสาบ Misurina ทะเลสาบสีฟ้าใสที่ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,756 เมตร มีฉากหลังเป็นเทือกเขาที่สวยงาม
  • เดินทางสู่เมือง Cortina d’Ampezzo เมืองสกีรีสอร์ทหรูที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1956 พักค้างคืนที่นี่

วันที่ 5

  • ชมจุดชมวิว Giau Pass เส้นทางผ่านภูเขาที่ความสูง 2,236 เมตร มีวิวภูเขาโดยรอบ 360 องศา และ Pordoi Pass ที่ความสูง 2,239 เมตร ที่มีวิวภูเขาอันตระการตา
  • ชม Lake of Carezza (Karersee) ทะเลสาบเล็กๆ ที่มีน้ำใสราวกับมรกตและมีสีสันสะท้อนแสงรุ้ง มีตำนานเล่าว่าเป็นที่อยู่ของนางเงือก
  • เดินทางต่อไปยังเมือง Verona เมืองแห่งความรักของโรมิโอและจูเลียต พักค้างคืนที่นี่

วันที่ 6

  • เดินทางสู่แคว้นทัสคานี (Tuscany) ดินแดนแห่งไร่องุ่นและภูมิทัศน์เนินเขาอันงดงาม
  • เยี่ยมชมเมือง San Gimignano เมืองยุคกลางที่มีหอคอยสูง 14 หอ (จากเดิม 72 หอ) ที่ตระหง่านอยู่บนเนินเขา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก
  • ต่อด้วยหมู่บ้าน Montalcino หมู่บ้านบนเนินเขาที่โอบล้อมด้วยไร่องุ่น มีชื่อเสียงโด่งดังจากไวน์ Brunello di Montalcino ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในไวน์ชั้นเลิศของอิตาลี
  • ชมโบสถ์ Sant’Antimo อารามเบเนดิกตินโบราณที่สร้างด้วยหินปูนสีครีมและหินอ่อน อายุกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าและต้นไซเปรส

วันที่ 7

  • สำรวจเมืองในแคว้นทัสคานี:
  • เมือง Pienza “เมืองในอุดมคติ” แห่งยุคเรอเนสซองส์ที่สร้างโดยพระสันตะปาปาพิอุสที่ 2 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีจัตุรัส Piazza Pio II และมหาวิหาร Duomo ที่สวยงาม
  • San Quirico d’Orcia เมืองเล็กๆ ที่มีกำแพงเมืองจากยุคกลาง โบสถ์ Collegiata ที่มีประตูโรมาเนสก์อันงดงาม และสวน Horti Leonini สวนสไตล์อิตาเลียนจากศตวรรษที่ 16
  • แวะชมเมือง Bagno Vignoni ที่มีจุดเด่นคือจัตุรัสกลางเมืองที่เป็นบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นจัตุรัสทั่วไป เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโรมัน

วันที่ 8

  • เยี่ยมชมเมือง Siena เมืองยุคกลางที่มีจัตุรัส Piazza del Campo รูปทรงเหมือนหอยเชลล์ สถานที่จัดการแข่งม้า Palio อันเลื่องชื่อ และมหาวิหาร Duomo ที่ประดับด้วยหินอ่อนขาวดำอันเป็นเอกลักษณ์
  • เดินทางไปเมือง Pisa ชมหอเอนปิซ่า (Leaning Tower) สิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่เอียง 4 องศา มหาวิหาร Duomo และหอศีลจุ่ม Baptistery ในจัตุรัส Piazza dei Miracoli
  • เดินทางไปยัง La Spezia เมืองท่าใกล้ Cinque Terre เพื่อพักค้างคืน

วันที่ 9

  • ชมหมู่บ้าน Cinque Terre ทั้ง 5 หมู่บ้านริมชายฝั่งที่มีสีสันสดใส ได้แก่:
  • Riomaggiore หมู่บ้านที่มีบ้านเรือนสีสันสดใสเรียงรายตามหน้าผา
  • Manarola หมู่บ้านที่มีท่าเรือเล็กๆ และไร่องุ่นบนเนินเขา
  • Corniglia หมู่บ้านเดียวที่ไม่ติดทะเล ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง
  • Vernazza หมู่บ้านที่สวยที่สุดใน Cinque Terre มีปราสาท Doria และโบสถ์ Santa Margherita d’Antiochia
  • Monterosso al Mare หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดและมีชายหาดที่สวยงาม
  • เดินทางกลับมิลาน

วันที่ 10

  • เที่ยวชมเมืองมิลาน (Milan) เมืองแฟชั่นและศูนย์กลางเศรษฐกิจของอิตาลี:
  • ชมโบสถ์ Duomo มหาวิหารโกธิคที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป ประดับด้วยยอดแหลมกว่า 135 ยอด และรูปปั้นกว่า 3,400 ชิ้น
  • ชม Galleria Vittorio Emanuele II ห้างสรรพสินค้าทรงโดมที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลี
  • เดินทางไปสนามบินมัลเพนซา (Malpensa) เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 11

  • ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำดีๆ
Categories
06-Jun 10-Oct 12-Dec 2024 Europe

ทัวร์อิตาลีเหนือ โดโลไมท์ ชิงเควเตเร่ โคโม่

ทัวร์อิตาลีเหนือ
โดโลไมท์ ชิงเคว่เตเร่ โคโม่
สรุปไฮไลท์

☀️อัลเป ดิ ซิอูซี (Alpe di Siusi) – ที่ราบสูงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาโดโลไมท์อันยิ่งใหญ่ เป็นภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากนิทาน

☀️เซเชดา (Seceda) – หน้าผาฟันเลื่อยสุดอลังการที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จุดถ่ายภาพที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึง เมื่อได้เห็นแนวเขาที่เรียงตัวคล้ายฟันปลาฉลามโผล่พ้นทะเลหมอก

☀️วัล ดิ ฟูเนส (Val di Funes) – ซิกเนเจอร์ของโดโลไมท์ ด้วยโบสถ์ซานตาแมดาเลนาที่ตั้งโดดเด่นท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี มีฉากหลังเป็นเทือกเขาแหลมสูง ภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของโดโลไมท์

☀️ทะเลสาบไบรเอส (Lake Braies) – ไข่มุกแห่งโดโลไมท์ ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ที่ใสราวกับกระจก สะท้อนภาพเทือกเขาและบ้านไม้สีแดงอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี

☀️ซิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) – ห้าหมู่บ้านริมทะเลสีสันสดใสที่เกาะติดหน้าผาชายฝั่ง โดยเฉพาะหมู่บ้าน Manarola ที่มีบ้านสีสันสดใสเรียงรายบนหน้าผาสูงชัน เป็นภาพจำของชายฝั่งอิตาเลียนริเวียร่า

☀️จิเอา พาส (Giau Pass) – จุดชมวิวบนเส้นทางผ่านเทือกเขาที่สวยที่สุดในโดโลไมท์ ด้วยทัศนียภาพ 360 องศาของยอดเขาที่โดดเด่นและทุ่งหญ้าอัลไพน์

☀️ทะเลสาบโคโม (Lake Como) – ทะเลสาบรูปตัว Y ที่งดงามที่สุดในอิตาลี ล้อมรอบด้วยภูเขาและวิลล่าหรู ที่พักตากอากาศของเหล่าคนดังและชนชั้นสูง ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก

☀️มหาวิหารดูโอโม (Duomo) มิลาน – มหาวิหารโกธิคที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดของอิตาลี ด้วยยอดแหลมกว่า 135 ยอด และรูปปั้นกว่า 3,400 ชิ้น ความละเอียดอ่อนของสถาปัตยกรรมที่ใช้เวลาสร้างหลายร้อยปี

☀️เทร ชิเม ดิ ลาวาเรโด (Tre Cime di Lavaredo) – สัญลักษณ์อันเป็นที่จดจำของโดโลไมท์ กับยอดเขาสามยอดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ภาพที่นักถ่ายภาพทั่วโลกใฝ่ฝันจะได้มาบันทึกภาพ

☀️บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta) – สัมผัสตำนานรักอมตะที่บ้านของจูเลียตในเวโรนา พร้อมระเบียงอันโด่งดังจากวรรณกรรมเรื่อง “Romeo and Juliet” ของเชคสเปียร์ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 109,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 30,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 17 – 26 ต.ค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป Italy Dolomite Cinque

วันที่ 1: การเริ่มต้นการผจญภัย

  • บินตรงสู่ดินแดนแห่งศิลปะและวัฒนธรรมด้วยสายการบิน Thai Airways International จากสนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่ 2: สัมผัสวัฒนธรรมผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์

  • มิลาน สู่ โบลซาโน (Bolzano) – เมืองที่ผสานความงดงามของวัฒนธรรมอิตาเลียนและออสเตรียนได้อย่างลงตัว ชมสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
  • จัตุรัสวอลเธอร์ (Walther Square) – จัตุรัสหลักของเมืองโบลซาโน ที่มีบรรยากาศผสมผสานระหว่างอิตาลีและออสเตรียอย่างลงตัว
  • ตลาดท้องถิ่น Mercatino di Natale – หากไปช่วงหน้าหนาว เป็นตลาดคริสต์มาสที่สวยที่สุดในอิตาลีเหนือ
  • ออร์ติเซอิ (Ortisei) – ประตูสู่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งโดโลไมท์ เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบอัลไพน์ และเป็นศูนย์กลางกิจกรรมกลางแจ้งที่ทุกคนต้องหลงรัก

วันที่ 3: ความยิ่งใหญ่เหนือขุนเขา

  • อัลเป ดิ ซิอูซี (Alpe di Siusi) – ทุ่งหญ้าบนที่ราบสูงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ล้อมรอบด้วยเทือกเขาโดโลไมท์อันน่าทึ่ง เหมือนได้เดินอยู่บนสวรรค์
  • Bullaccia/Puflatsch – จุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งในอัลเป ดิ ซิอูซี ที่สามารถเดินเท้าได้
  • หมู่บ้าน Compatsch – หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักในอัลเป ดิ ซิอูซี
  • เซเชดา (Seceda) – นั่งกระเช้าขึ้นสู่หน้าผาสูงชันที่เป็นไฮไลท์ของการถ่ายภาพ กับภาพเทือกเขาที่เรียงตัวเหมือนฟันเลื่อยยักษ์ โผล่พ้นจากทะเลหมอก

วันที่ 4: สัมผัสซิกเนเจอร์แห่งโดโลไมท์

  • วัล ดิ ฟูเนส (Val di Funes) – หมู่บ้านในหุบเขาที่งดงามเหนือคำบรรยาย กับโบสถ์ซานตาแมดาเลนาที่ตั้งโดดเด่นมีฉากหลังเป็นเทือกเขาอันยิ่งใหญ่
  • โบสถ์ St. Johann (San Giovanni) – โบสถ์สวยอีกแห่งในหุบเขา Val di Funes
  • ทะเลสาบไบรเอส (Lake Braies) – ไข่มุกแห่งโดโลไมท์ ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ที่ใสราวกับกระจก สะท้อนภาพเทือกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
  • Toblach/Dobbiaco – หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักระหว่างทางไป Lake Braies
  • เทร ชิเม ดิ ลาวาเรโด (Tre Cime di Lavaredo) – สัญลักษณ์อันเป็นที่จดจำของโดโลไมท์ กับยอดเขาสามยอดที่โดดเด่น (จุดชมวิว ไม่ได้ Trek)
  • ทะเลสาบมิซูรินา (Lake Misurina) – ทะเลสาบกระจกที่สะท้อนภาพขุนเขา พร้อมอาคารสีเหลืองสดใสเป็นจุดเด่น
  • คอร์ติน่า ดิ อัมเปซโซ (Cortina d’Ampezzo) – เมืองรีสอร์ทสกีสุดหรู “ไข่มุกแห่งโดโลไมท์” ที่เคยเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว

วันที่ 5: ขุนเขาสู่เมืองแห่งความรัก

  • จิเอา พาส (Giau Pass) – จุดชมวิวบนเส้นทางผ่านเทือกเขาที่สวยที่สุดในโดโลไมท์
  • พอร์ดอย พาส (Pordoi Pass) – อีกหนึ่งเส้นทางผ่านเทือกเขาที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจ
  • Arabba – หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักระหว่างเส้นทาง Pordoi Pass
  • ทะเลสาบคาเรซซ่า (Lake of Carezza) – ทะเลสาบเล็กๆ ที่มีสีสันงดงามราวกับรุ้ง
  • เวโรนา (Verona) – เมืองแห่งความรักอันเป็นตำนาน บ้านเกิดของเรื่องราวโรมิโอและจูเลียต

วันที่ 6: จากเมืองรักสู่ริมฝั่งทะเล

  • บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta) – สัมผัสตำนานรักอมตะที่บ้านของจูเลียต พร้อมระเบียงอันโด่งดัง
  • Arena di Verona – โรงละครโรมันโบราณที่ยังใช้จัดแสดงโอเปร่าในปัจจุบัน
  • จัตุรัส Piazza delle Erbe – จัตุรัสเก่าแก่ใจกลางเมือง มีตลาดท้องถิ่นและร้านกาแฟ
  • ลา สเปเซีย (La Spezia) – เมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีเสน่ห์ ประตูสู่ซิงเคว เทเร่

วันที่ 7: ความงดงามของชายฝั่งและทะเลสาบ

  • ซิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) – ห้าหมู่บ้านสีสันสดใสที่เกาะติดหน้าผาริมทะเล เชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินที่มีวิวทะเลแสนงดงาม สัมผัสบรรยากาศอิตาเลียนริเวียร่าแบบดั้งเดิม
  • หมู่บ้าน Monterosso al Mare – หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดใน Cinque Terre มีชายหาดที่สวยงาม
  • หมู่บ้าน Manarola – จุดถ่ายรูปชื่อดังของ Cinque Terre ที่มีบ้านสีสันสดใสเรียงรายบนหน้าผา
  • ทะเลสาบโคโม (Lake Como) – ทะเลสาบรูปตัว Y กลับหัว ล้อมรอบด้วยภูเขาและวิลล่าหรู ที่พักตากอากาศของเหล่าคนดังและชนชั้นสูง

วันที่ 8: สัมผัสมนต์เสน่ห์ทะเลสาบสู่เมืองแฟชั่น

  • มิลาน (Milan) – เยี่ยมชม มหาวิหารดูโอโม (Duomo) มหาวิหารโกธิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลี ด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตา จากยอดแหลมกว่า 135 ยอด และรูปปั้นกว่า 3,400 ชิ้น
  • แกลเลอเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอเล (Galleria Vittorio Emanuele II) – ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่และหรูหราที่สุดในอิตาลี

วันที่ 9: อำลาอิตาลี

  • มิลาน – เพลิดเพลินกับช่วงเช้าอิสระในเมืองมิลาน
  • เดินทางสู่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 10: กลับถึงบ้าน

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำที่น่าประทับใจจากการเยือนอิตาลีเหนือ
error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม