Categories
03-Mar 10-Oct 2024 2025 Iceland-Greenlad-Faroe Roadtrip

ทัวร์ไอซ์แลนด์ แกรนด์

Iceland Grand
ICELAND GRAND
สรุปไฮไลท์

☀️ภูเขา Kirkjufell – ภูเขารูปทรงคล้ายหมวกที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ จุดชมแสงเหนือยอดนิยมและฉากในซีรีส์ Game of Thrones

☀️ทะเลสาบธารน้ำแข็ง Jokulsarlon และ Diamond Beach – ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งสีฟ้าลอยอยู่ และชายหาดที่มีก้อนน้ำแข็งใสราวเพชรเรียงรายบนทรายสีดำ

☀️Golden Circle – เส้นทางยอดนิยมที่รวมสถานที่สำคัญสามแห่ง: อุทยาน Thingvellir, น้ำพุร้อน Geysir และน้ำตก Gullfoss

☀️น้ำตก Dettifoss – น้ำตกที่ทรงพลังและใหญ่ที่สุดในยุโรป กว้าง 100 เมตร สูง 44 เมตร

☀️เมือง Vik และหาดทรายดำ Reynisfjara – หาดทรายสีดำสุดอลังการพร้อมหินบะซอลต์รูปทรงหกเหลี่ยมและถ้ำ Hálsanefshellir

☀️น้ำตก Skogafoss และ Seljalandsfoss – สองน้ำตกชื่อดัง โดย Seljalandsfoss สามารถเดินลอดไปด้านหลังม่านน้ำตกได้

☀️บ่อโคลนเดือด Hverir – พื้นที่ภูเขาไฟที่มีบ่อโคลนเดือดพล่าน ภูมิประเทศคล้ายดาวอังคาร

☀️ภูเขา Vestrahorn – ภูเขารูปร่างแหลมคมโดดเด่นริมชายหาดทรายดำ จุดถ่ายภาพยอดนิยม

☀️Blue Lagoon – บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งชื่อดังที่มีน้ำสีฟ้านม อุดมด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อผิวพรรณ

☀️การล่องเรือชมวาฬ – โอกาสได้พบวาฬหลายสายพันธุ์ในน่านน้ำที่อุดมสมบูรณ์รอบไอซ์แลนด์

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 129,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • 29 มีค – 7 เมษา 68
    • 17- 26 ตค 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place

โปรแกรมทริป Iceland Grand

วันที่ 1: เริ่มต้นการเดินทาง

  • สนามบินสุวรรณภูมิ – พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG950 เวลา 00.05-06.35 น.

วันที่ 2: สู่ดินแดนไอซ์แลนด์

  • โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก – แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองหลวงของเดนมาร์ก
  • บินสู่ Keflavik, ไอซ์แลนด์ – ประตูสู่ดินแดนน้ำแข็งและภูเขาไฟ
  • ภูเขา Kirkjufell – ภูเขารูปทรงคล้ายหมวกที่โดดเด่นที่สุดในไอซ์แลนด์และเป็นฉากถ่ายทำซีรีส์ Game of Thrones จุดชมแสงเหนือยอดนิยม

วันที่ 3: หินไดโนเสาร์และเมืองหลวงภาคเหนือ

  • Hvitserkur – โขดหินรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์หรือช้างขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านกลางทะเล สูง 15 เมตร
  • เมือง Akureyri – เมืองใหญ่อันดับสองและเมืองหลวงแห่งภาคเหนือของไอซ์แลนด์ เมืองที่มีเสน่ห์และเป็นประตูสู่ธรรมชาติอันงดงามของไอซ์แลนด์ตอนเหนือ

วันที่ 4: น้ำตกแห่งเทพเจ้าและบ่อโคลนเดือด

  • น้ำตก Godafoss – “น้ำตกแห่งเทพเจ้า” หนึ่งในน้ำตกที่สวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวข้องกับการรับคริสต์ศาสนาของชาวไอซ์แลนด์
  • บ่อโคลนเดือด Hverir – พื้นที่ภูเขาไฟที่มีบ่อโคลนเดือดพล่าน ปล่องไอน้ำ และพื้นดินสีสันแปลกตา เสมือนอยู่บนดาวอังคาร
  • น้ำตก Dettifoss – น้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป กว้าง 100 เมตร สูง 44 เมตร มีน้ำไหลผ่าน 193 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
  • เมือง Egilsstaðir – เมืองศูนย์กลางของไอซ์แลนด์ตะวันออก

วันที่ 5: น้ำตกซ่อนเร้นและภูเขาเวสตราฮอร์น

  • น้ำตก Hengifoss – น้ำตก Unseen ที่สูงเป็นอันดับสามของไอซ์แลนด์ โดดเด่นด้วยชั้นหินสีแดงสลับดำที่ขนาบข้างน้ำตก
  • Eastfjord – ฟยอร์ดทางฝั่งตะวันออกที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงาม หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ และภูเขาสูงชัน
  • Vestrahorn – ภูเขาสูง 454 เมตรที่เกิดจากหินลาวา มีฉากหน้าเป็นหาดทรายสีดำ เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม
  • เมือง Hofn – เมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ที่มีชื่อเสียงด้านอาหารทะเลโดยเฉพาะกุ้งล็อบสเตอร์

วันที่ 6: ทะเลสาบน้ำแข็งและชายหาดเพชร

  • ทะเลสาบธารน้ำแข็ง Jokulsarlon – ทะเลสาบที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดต่างๆ ลอยอยู่เต็มทะเลสาบ
  • Diamond Beach – ชายหาดสีดำที่มีก้อนน้ำแข็งใสเหมือนเพชรเรียงรายอยู่บนหาด สร้างภาพความงามที่ตัดกันอย่างน่าทึ่ง
  • อุทยานสคาฟทาเฟล – อุทยานแห่งชาติที่มีทั้งธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ และน้ำตก
  • Moss Lava Field – ทุ่งลาวาขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยมอสสีเขียว สร้างทัศนียภาพเหมือนอยู่บนดาวอื่น
  • เมือง Vik – หมู่บ้านทางใต้สุดของไอซ์แลนด์ที่มีหาดทรายดำ Reynisfjara อันโด่งดัง
  • Hálsanefshellir Cave – ถ้ำที่มีผาหินบะซอลต์รูปทรงหกเหลี่ยมเรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์

วันที่ 7: น้ำตกชื่อดังและ Golden Circle

  • น้ำตก Skogafoss – น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความกว้าง 25 เมตร สูง 60 เมตร มีละอองน้ำที่สะท้อนแสงเกิดเป็นรุ้งกินน้ำให้เห็นเสมอในวันที่แดดออก
  • น้ำตก Seljalandsfoss – น้ำตกที่มีเอกลักษณ์คือสามารถเดินลอดไปด้านหลังม่านน้ำตกได้
  • Golden Circle – เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่รวมสถานที่สำคัญของไอซ์แลนด์
  • น้ำพุร้อน Geysir – บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่พ่นน้ำร้อนสูงถึง 30 เมตรทุกๆ 8-10 นาที
  • น้ำตก Gullfoss – “น้ำตกทองคำ” น้ำตกสองชั้นขนาดใหญ่ที่ทรงพลังและสวยงาม
  • อุทยาน Thingvellir – สถานที่ประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นที่ประชุมสภาแห่งแรกของโลกและเป็นจุดที่เปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือแยกออกจากกัน

วันที่ 8: วาฬ เมืองหลวง และบลูลากูน

  • ล่องเรือชมวาฬ – สัมผัสประสบการณ์ล่องเรือชมวาฬหลายสายพันธุ์ในเขตน่านน้ำไอซ์แลนด์
  • เมือง Reykjavik – เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสันและวัฒนธรรม เยี่ยมชมโบสถ์ Hallgrimskirkja และบ้านเพอร์ลัน
  • Blue Lagoon – บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งชื่อดังที่มีน้ำสีฟ้านมอุณหภูมิ 37-40 องศา และมีแร่ธาตุที่ดีต่อผิวพรรณ

วันที่ 9: เดินทางกลับ

  • บินจาก Keflavik สู่ Copenhagen – เดินทางออกจากไอซ์แลนด์กลับสู่โคเปนเฮเกน
  • ต่อเครื่องกลับประเทศไทย – ขึ้นเที่ยวบิน Thai Airways TG951 เวลา 13.50-06.20 น.

วันที่ 10: ถึงประเทศไทย

  • สนามบินสุวรรณภูมิ – เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันน่าประทับใจจากดินแดนน้ำแข็งและภูเขาไฟ
Categories
2024 Roadtrip Tour UK

ทัวร์อังกฤษไอร์แลนด์ Edinburgh • Highland • North Ireland

ทัวร์อังกฤษ ไอร์แลนด์
Edinburgh • Highland • North Ireland
สรุปไฮไลท์

☀️Edinburgh Castle: บินลัดฟ้าสู่สกอตแลนด์ แล้วพุ่งตรงสู่ปราสาทเอดินบะระ ป้อมปราการสุดอลังการบนเนินเขา มองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา!

☀️Glenfinnan Viaduct: สะพานโค้งสุดคลาสสิก ที่สาวก Harry Potter ต้องกรี๊ด! เตรียมโพสต์ท่าให้เหมือนรถไฟ Hogwarts Express เลย!

☀️Isle of Skye & Old Man of Storr: เกาะสกายสวยตะลึง! แวะเมือง Portree สีลูกกวาด แล้วไปพิชิตหินยักษ์ Old Man of Storr วิวจากข้างบนคือที่สุด!

☀️Glencoe & Loch Lomond: ดื่มด่ำความงามของหุบเขา Glencoe ฉากบู๊สุดมันส์จาก James Bond และทะเลสาบ Loch Lomond ที่กว้างใหญ่จนสุดสายตา!

☀️The Dark Hedges & Giant’s Causeway: วาร์ปไป Game of Thrones ที่อุโมงค์ต้นบีชสุดขลัง แล้วไปต่อที่ Giant’s Causeway เสาหินหกเหลี่ยมธรรมชาติสุดUnseen!

☀️Kylemore Abbey: ปราสาทริมทะเลสาบสุดโรแมนติก! Kylemore Abbey สวยสงบราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย พร้อมสวนดอกไม้และโบสถ์น้อยน่ารัก!

☀️Cliffs of Moher: เตรียมใจให้พร้อมกับความอลังการของผาหิน Moher สูงเฉียดฟ้า ยาวกว่า 14 กม. มองเห็นวิวทะเลแอตแลนติกแบบ 360 องศา!

☀️Skellig Michael: ผจญภัยสู่เกาะหิน Skellig Michael อารามโบราณอายุนับพันปี แถมยังเป็นโลเคชั่นถ่ายทำ Star Wars อีกด้วย!

☀️Dublin’s Charm: สัมผัสเสน่ห์ดับลิน! เดินเล่นชมสถาปัตยกรรมงามๆ ช้อปปิ้งเพลินๆ ที่ Grafton Street และชมคัมภีร์โบราณ The Book of Kells!

☀️Titanic Belfast & Cobh: ย้อนรอยประวัติศาสตร์เรือไททานิคที่เบลฟาสต์ แล้วไปเยือนเมืองท่า Cobh ที่เคยเป็นจุดสุดท้ายก่อนเรือออกเดินทาง

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 119,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริปอังกฤษ ไอร์แลนด์

วันที่ 1

  • เดินทางด้วยสายการบิน Qatar Airways สู่เมือง Edinburg

วันที่ 2

  • เช้า เริ่มทัวร์เมือง Edinburgh เมืองหลวงเก่าแก่ของสกอตแลนด์ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ มีปราสาท Edinburgh Castle ตั้งตระหง่านบนเนินเขา
  • ช่วงบ่าย เดินทางไปชมสะพานรถไฟ Glenfinnan Viaduct – สะพานรถไฟโค้งที่มีชื่อเสียงจากฉากรถไฟ Hogwarts Express ในภาพยนตร์ Harry Potter

วันที่ 3

  • ชมเมือง Portree เมืองหลักบน Isle of Skye มีบ้านเรือนสีสันสดใสเรียงรายริมอ่าว
  • เดินเขาที่ Old Man of Storr หินขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งตระหง่านบนเขา

วันที่ 4

  • Glencore หุบเขาที่ใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ James Bond เรื่อง Skyfall
  • แวะชม Loch Lomond ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในบริเตนใหญ่
  • นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากสู่ Belfast เมืองใหญ่และเมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ

วันที่ 5

  • ชม The Dark Hedges อุโมงค์ต้นบีชอายุกว่า 300 ปี จาก Game of Thrones
  • ชม Giant’s Causeway มรดกโลกทางธรรมชาติ เสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมเรียงตัวริมทะเล
  • เดินเล่นที่ Downhill Beach ชายหาดทรายขาวมีวิวของมหาวิหาร Mussenden
  • สำรวจเมือง Belfast ชมสถาปัตยกรรมวิคตอเรียนและพิพิธภัณฑ์ Titanic Belfast

วันที่ 6

  • เดินทางสู่เมือง Galway เมืองทางตะวันตกมี ร้านค้า ดนตรีและศิลปะพื้นเมือง
  • เยี่ยมชม Kylemore Abbey ปราสาทสไตล์วิคตอเรียนริมทะเลสาบ มีสวนวิคตอเรียนและโบสถ์ขนาดเล็กอันงดงาม

วันที่ 7

  • ชมหอคอย O’Brien’s Tower หอคอยที่สร้างขึ้นในปี 1835 เพื่อชมวิวผาหิน
  • Cliffs of Moher ผาหินสูง 214 เมตร ยาวกว่า 14 กิโลเมตรริมแอตแลนติก
  • แวะเยี่ยมเมือง Limerick เมืองเก่าแก่ริมแม่น้ำ Shannon
  • ชม Adare Desmond Castle ปราสาทยุคกลาง เคยเป็นป้อมปราการสำคัญ
  • ชมวิวที่ Slea Head จุดชมวิวบนคาบสมุทร Dingle ที่สามารถมองเห็นหมู่เกาะ Blasket และมหาสมุทรแอตแลนติก

วันที่ 8

  • ชม Portmagee หมู่บ้านชาวประมงสีสันสดใสที่เป็นประตูสู่เกาะ Skellig
  • ชม Skellig Michael เกาะหินปูนที่มีอารามโบราณอายุกว่า 1,400 ปี ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ Star Wars
  • ชม Blackrock Castle ป้อมปราการโบราณที่ปัจจุบันเป็นหอดูดาว
  • เที่ยวเมือง Cobh เมืองท่าเล็กๆ ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับเรือไททานิค เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของไอร์แลนด์ในอดีต

วันที่ 9

  • เดินทางสู่ Dublin เมืองหลวงของไอร์แลนด์ ศูนย์กลางวัฒนธรรม ศรษฐกิจ
  • St. Andrew’s Church – โบสถ์โกธิคสไตล์กลางกรุง Dublin
  • The Book of Kells – คัมภีร์โบราณอายุกว่า 1,200 ปี จัดแสดงใน Trinity College
  • George’s Street Arcade – ตลาดในร่มที่เก่าแก่ที่สุดในไอร์แลนด์ มีร้านค้าเล็กๆ มากมาย
  • Grafton Street – ถนนช้อปปิ้งหลัก ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และนักดนตรีข้างถนน

วันที่ 10

  • เยี่ยมชม Dublin Castle เคยเป็นศูนย์บัญชาการอังกฤษในไอร์แลนด์
  • เดินทางไปสนามบินกลับกรุงเทพฯ
  • เที่ยวบิน Qatar Airways QR18 (15.00-00.05) ต่อด้วย QR836 (02.15-13.10)

วันที่ 11

  • 13.10 เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
Categories
04-Apr 2024 Europe Roadtrip

ทัวร์กรีซกลุ่มเล็ก ซาคินทอส • นาวาจิโอ • ซานโตรินี่

ทัวร์กรีซ
ซาคินทอส • นาวาจิโอ • ซานโตรินี่
สรุปไฮไลท์

☀️อารามเมเทโอรา – อารามออร์โธดอกซ์ลอยฟ้าบนยอดเขาที่เป็นมรดกโลก

☀️อะโครโพลิส (Acropolis) และ มหาวิหารพาเธนอน (Parthenon) – โบราณสถานสำคัญของกรีซโบราณ

☀️เกาะซานโตรินี – เกาะภูเขาไฟที่มีบ้านเรือนสีขาวและหลังคาโดมสีฟ้า

☀️หมู่บ้าน Oia – จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

☀️เกาะ Mykonos และ Little Venice – เกาะที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามและย่านเมืองเก่าริมทะเลที่มีเอกลักษณ์ของ Mykonos

☀️หาด Navagio – หาดทรายขาวที่มีซากเรืออับปางเป็นจุดเด่น ที่เกาะ Zakynthos

☀️เมือง Lefkada – เมืองชายหาดที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานลอยน้ำ

☀️กังหันลม Mykonos – สัญลักษณ์ของเกาะที่ใช้โม่แป้งและบีบน้ำมันมะกอกในอดีต

☀️ถ้ำสีฟ้า (Blue Caves) – ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ซาคินธอส

☀️บ้านเรือนสไตล์ Cycladic – บ้านสีขาวสะอาดตาและหลังคาโดมสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่เกาะ Cyclades

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 129,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มเท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 16-25 พค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป กรีซ

วันที่ 1

  • ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่เมืองเอเธนส์ (Athens) ประเทศกรีซ

วันที่ 2 – คาลาบากา/เมทีโอร่า

  • ออกเดินทางแต่เช้าสู่คาลาบากา ระหว่างทางแวะชม ช่องแคบเทอร์โมพิลี สมรภูมิประวัติศาสตร์การรบของชาวสปาร์ตัน
  • เยี่ยมชม อาราม Great Meteoron อารามที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มเมทีโอร่า สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 อาราม Varlaam ที่มีพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณและภาพไอคอนทางศาสนาที่งดงาม อาราม Holy Trinity ที่โดดเด่นด้วยการปีนบันได 140 ขั้นและใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง James Bond
  • ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ จุดชมวิว Psaropetra มองเห็นภูเขาและอารามในมุมกว้าง

วันที่ 3 – เลฟคาดา

  • เยี่ยมชม หาด Porto Katsiki หนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในยุโรป ด้วยผาหินสูงตระหง่านและน้ำทะเลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์
  • สำรวจ หาด Egremni ชายหาดทรายขาวยาว 2.5 กม.
  • เยี่ยมชม Cape Lefkatas จุดชมวิวทะเลที่สูงชัน มีประภาคารเก่าแก่และตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการกระโดดของกวีซัปโฟเพื่อปลดปล่อยจากความรัก

วันที่ 4 – คีลีนี/โอลิมเปีย/ซาคินธอส

  • ล่องเรือชม ถ้ำสีฟ้า (Blue Caves) ที่ซาคินธอส ซึ่งน้ำทะเลสะท้อนแสงกระทบเพดานถ้ำเกิดเป็นสีฟ้าสวยงาม
  • เยี่ยมชม อ่าว Navagio (Shipwreck Beach) ที่มีซากเรือสินค้า Panagiotis ซึ่งมีตำนานว่าเคยลักลอบขนของหนีภาษี
  • ดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็นที่ หมู่บ้าน Bohali ที่ตั้งอยู่บนเนินเขามองเห็นวิวทั่วเมืองและท่าเรือ

วันที่ 5 – วันเดินทาง

  • เยี่ยมชม โบราณสถานโอลิมเปีย สถานที่กำเนิดกีฬาโอลิมปิก ชม Temple of Zeus และสนามกีฬาโบราณ
  • ชม พิพิธภัณฑ์โอลิมเปีย ที่จัดแสดงรูปปั้นโบราณและวัตถุโบราณที่ขุดพบในพื้นที่
  • เดินทากลับเอเธนส์
  • พักผ่อนเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปซานโตรินี่ในวันถัดไป
  • ที่พักในเอเธนส์

วันที่ 6 – ซานโตรินี่

  • นั่งเฟอรี่ไปยังเกาะ Santorini
  • เดินเล่นในเมือง ฟิร่า เมืองหลักของซานโตรินี่
  • เยี่ยมชมหมู่บ้าน Oia ที่มีชื่อเสียงด้านบ้านสีขาวหลังคาโดมสีฟ้า และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด
  • สำรวจ หาดทรายแดง (Red Beach) และ หาดทรายดำ (Perissa Beach) หาดทรายสีแดงที่เกิดจากหินภูเขาไฟ

วันที่ 7 – ฟิร่า/มิโคนอส

  • เยี่ยมชม โบราณสถาน Akrotiri เมืองโบราณที่ถูกฝังใต้เถ้าภูเขาไฟกว่า 3,600 ปี (คล้ายปอมเปอี)
  • เดินทางไป มิโคนอส ด้วยเรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง
  • เยี่ยมชม Little Venice แนวบ้านที่สร้างชิดริมทะเล ได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมจากอิตาลี
  • สัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนที่คึกคักในย่าน Matogianni Street ถนนช้อปปิ้งหลักของเกาะ

วันที่ 8 – มิโคนอส/เอเธนส์

  • เยี่ยมชม กังหันลมแห่งมิโคนอส (Kato Mili) สัญลักษณ์ของเกาะที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16
  • นมัสการ โบสถ์ Paraportiani โบสถ์สีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากการรวมกันของโบสถ์ 5 หลัง
  • แวะชม หาด Paradise หาดที่มีชื่อเสียงด้านงานปาร์ตี้และกิจกรรมทางน้ำ
  • เดินทางกลับ เอเธนส์ ด้วยเรือเฟอรี่

วันที่ 9 – เอเธนส์ (3 ไฮไลท์สำคัญ)

  • ชม อะโครโพลิสและวิหารพาร์เธนอน – มรดกโลกอันยิ่งใหญ่และเป็นสัญลักษณ์ของกรีซ
  • ย่านพลาก้า (Plaka) และจตุรัส ซินตักมา Syntagma  – ย่านเก่าแก่ที่สุดของเอเธนส์ ที่มีอาคารแบบนีโอคลาสสิคและบ้านเรือนโบราณ เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารท้องถิ่น และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับ
  • ช่วงค่ำ: เดินทางไปสนามบินเอเธนส์เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 10 – เดินทางกลับ

  • เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ
Categories
Europe Roadtrip

ออสเตรีย ฮอลสตัด คลุมลอฟ ปราก

ออสเตรีย ฮอลสตัด คลุมลอฟ ปราก
สรุปไฮไลท์

☀️ป้อมโฮเฮนซาลซ์บูร์ก – ป้อมปราการใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง ชมวิวพาโนรามา

☀️ฮัลล์สตัทท์ – หมู่บ้านมรดกโลกริมทะเลสาบสวยที่สุดในโลก

☀️เหมืองเกลือโบราณ – อายุกว่า 7,000 ปี พร้อมสไลเดอร์ไม้โบราณ

☀️เชสกี้ ครุมลอฟ – เมืองเทพนิยายริมโค้งแม่น้ำวัลตาวา

☀️ปราสาทปราก – ปราสาทใหญ่ที่สุดในโลก และมหาวิหาร St. Vitus

☀️สะพานชาร์ลส์ – สะพานหินโบราณอายุ 650 ปี สัญลักษณ์กรุงปราก

☀️นาฬิกาดาราศาสตร์ – นาฬิกาโบราณปี 1410 ที่ยังทำงานได้

☀️พระราชวังเชินบรุนน์ – พระราชวังฤดูร้อนอลังการ 1,441 ห้อง

☀️หมู่บ้านไวน์ Grinzing – ชิมไวน์ท้องถิ่นและอาหารพื้นเมือง

☀️Old Town Square – จัตุรัสเมืองเก่าปรากล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมงดงาม

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

prague
prague
prague

โปรแกรมทริป ออสเตรีย ฮอลสตัด คลุมลอฟ ปราก

วันที่ 1: สู่เวียนนา เมืองแห่งดนตรี

  • พบกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ: เจ้าหน้าที่ทัวร์คอยต้อนรับที่เคาน์เตอร์เช็คอิน เตรียมพร้อมสู่การผจญภัยในยุโรปกลางที่แสนโรแมนติก
  • เหินฟ้าสู่กรุงเวียนนา: บินตรงสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของออสเตรีย ดินแดนแห่งเสียงดนตรีคลาสสิกและสถาปัตยกรรมอันงดงามที่ผสมผสานระหว่างสไตล์บาโรกและอาร์ตนูโว ใช้เวลาพักผ่อนบนเครื่องบินเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันถัดไป

วันที่ 2: มนต์เสน่ห์ซาลซ์บูร์ก เมืองมรดกโลก

  • เดินทางสู่ซาลซ์บูร์ก: ถึงสนามบินเวียนนาในช่วงเช้า นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชสู่เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) บ้านเกิดของโมสาร์ท นักประพันธ์เพลงอัจฉริยะ และเมืองที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ The Sound of Music (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
  • ป้อม Hohensalzburg (โฮเฮนซาลซ์บูร์ก): นั่งกระเช้าขึ้นสู่ป้อมปราการโบราณที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลางที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ตั้งตระหง่านบนยอดเขา Festungsberg ชมวิวพาโนรามาของเมืองซาลซ์บูร์กและเทือกเขาแอลป์อันงดงาม
  • สวนมิราเบล (Mirabell Garden): เยี่ยมชมสวนสวยสไตล์บาโรกที่เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์ The Sound of Music ชมน้ำพุเพกาซัส บันไดหินอ่อนสีขาว และรูปปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่ดอกไม้บานสะพรั่ง
  • ริมแม่น้ำ Salzach: เดินเล่นบนสะพาน Makartsteg สะพานคนเดินที่เต็มไปด้วย “แม่กุญแจแห่งความรัก” ชมวิวเมืองเก่าและแม่น้ำ Salzach ที่ไหลผ่านกลางเมือง
  • ถนน Getreidegasse: ช้อปปิ้งที่ถนนสายประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์ด้วยป้ายเหล็กดัดสวยงามของร้านค้าต่างๆ ที่ยังคงรูปแบบดั้งเดิมตั้งแต่ยุคกลาง แวะชมบ้านเกิดของโมสาร์ท (Mozart’s Birthplace) บ้านสีเหลืองหมายเลข 9 ที่มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องดนตรีและข้าวของส่วนตัวของศิลปินเอก

วันที่ 3: ทะเลสาบงามและหมู่บ้านสุดโรแมนติก

  • ทะเลสาบ Mondsee: เดินทางสู่ทะเลสาบ Mondsee หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในเขต Salzkammergut ชมโบสถ์ St. Michael ที่ใช้ถ่ายทำฉากแต่งงานในภาพยนตร์ The Sound of Music ดื่มด่ำกับทัศนียภาพทะเลสาบสีฟ้าครามล้อมรอบด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน
  • Hallstatt: เดินทางต่อสู่ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกอายุกว่า 7,000 ปี ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ชมบ้านไม้หลากสีที่เรียงรายอยู่ริมทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง
  • จุดชมวิว Hallstatt: ขึ้นรถรางสู่จุดชมวิว Skywalk ที่ยื่นออกไปจากหน้าผา ให้ท่านได้เก็บภาพมุมสูงของหมู่บ้านและทะเลสาบแบบ 360 องศา ที่สวยราวกับภาพวาด
  • เหมืองเกลือ Hallstatt: เยี่ยมชมเหมืองเกลือเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 7,000 ปี ซึ่งทำให้หมู่บ้านนี้ร่ำรวยมาตั้งแต่ยุคกลาง ลงลิฟต์ไปในอุโมงค์ใต้ดินที่เย็นฉ่ำ นั่งรถไฟแบบคนงานเหมือง และสนุกกับการเล่นสไลเดอร์ไม้โบราณที่คนงานเหมืองใช้เดินทางระหว่างชั้นต่างๆ

วันที่ 4: ครุมลอฟ เมืองเทพนิยายริมน้ำ

  • เดินทางสู่เชสกี้ ครุมลอฟ: เดินทางข้ามพรมแดนสู่สาธารณรัฐเช็ก มุ่งหน้าสู่เมืองเชสกี้ ครุมลอฟ (Český Krumlov) เมืองมรดกโลกที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งโบฮีเมียใต้ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
  • เมืองเก่าครุมลอฟ: เดินชมเมืองเก่าที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ราวกับย้อนเวลากลับไปในยุคกลาง ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคและเรอเนสซองส์ที่มีสีสันสดใส ทั้งสีแดงอิฐ สีส้ม สีชมพูอ่อน และสีเหลืองครีม ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา
  • โค้งแม่น้ำวัลตาวา: ชมโค้งแม่น้ำวัลตาวาที่ไหลคดเคี้ยวโอบล้อมตัวเมืองเก่า สร้างภาพที่งดงามราวกับนิยาย พร้อมชมปราสาทครุมลอฟที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขา เป็นปราสาทใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากปราสาทปราก

วันที่ 5: วิวเมือง 360 องศา สู่ปรากเมืองหลวง

  • หอคอยครุมลอฟ: ขึ้นสู่จุดสูงสุดของหอคอยปราสาทครุมลอฟที่มีความสูง 54 เมตร ชมวิวเมืองและแม่น้ำแบบรอบทิศทาง 360 องศา ซึ่งจะเห็นหลังคาสีส้มอิฐของบ้านเรือนที่เรียงรายสวยงาม
  • พิพิธภัณฑ์ปราสาทครุมลอฟ: เยี่ยมชมห้องต่างๆ ภายในปราสาทที่ตกแต่งอย่างหรูหราตามแบบขุนนางยุโรป
  • เดินทางสู่กรุงปราก: ออกเดินทางในช่วงบ่ายสู่กรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ที่ได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งปราสาทร้อยยอด” และ “นครแห่งมนตร์ขลัง” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.5 ชั่วโมง)
  • ย่าน Old Town Square: เช็คอินที่โรงแรมและเริ่มสัมผัสบรรยากาศเมืองปรากด้วยการเดินเล่นในจัตุรัสเมืองเก่าในช่วงเย็น

วันที่ 6: ปราก สัญลักษณ์และความงาม

  • สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge): เดินข้ามสะพานหินโบราณที่มีอายุกว่า 650 ปี ประดับด้วยรูปปั้นนักบุญ 30 องค์ที่มีความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ สะพานนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปรากที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือน
  • ปราสาทปราก (Prague Castle): เยี่ยมชมปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามการรับรองของกินเนสบุ๊ค มีพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร ภายในมีมหาวิหาร St. Vitus ที่งดงามด้วยศิลปะแบบโกธิค กระจกสีทรงคุณค่า และหน้าต่างรูปกุหลาบ (Rose Window) ที่สวยงาม
  • นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock): ชมการทำงานอันน่าทึ่งของนาฬิกาโบราณที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1410 ซึ่งยังคงทำงานได้อย่างแม่นยำ ตอนทุกชั่วโมงจะมีรูปปั้น 12 สาวกเดินผ่านหน้าต่างเล็กๆ ด้านบน
  • Old Town Square: เดินเล่นในจัตุรัสเมืองเก่าที่มีชีวิตชีวา ล้อมรอบด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแบบบาโรกและโกธิค ชมโบสถ์ Our Lady before Týn ที่มียอดแหลมสูงตระหง่าน
  • Petrin Tower: ขึ้นหอคอยเหล็กที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหอไอเฟล สูง 63.5 เมตร ชมวิวเมืองปรากจากมุมสูง
  • จุดชมวิว 3 สะพาน: เก็บภาพความโรแมนติกของแม่น้ำวัลตาวาและสะพานสำคัญของเมือง ได้แก่ สะพานชาร์ลส์ สะพาน Manes และสะพาน Legion ในมุมมองที่สวยงาม

วันที่ 7: เวียนนา ความสง่างามแห่งจักรวรรดิ

  • เดินทางกลับสู่กรุงเวียนนา: ออกเดินทางช่วงเช้าจากกรุงปรากกลับสู่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
  • พระราชวัง Schönbrunn: ชมความโอ่อ่าของพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ที่มีห้องต่างๆ ถึง 1,441 ห้อง เยี่ยมชมห้องที่สำคัญๆ อาทิ ห้องทรงงาน ห้องบรรทม ห้องแกลลอรี่ ห้องมิลเลี่ยน ห้องกระจก ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม
  • สวน Schönbrunn: เดินเล่นในสวนสไตล์ฝรั่งเศสที่งดงาม ชมน้ำพุ Neptune Fountain และเนินเขา Gloriette ที่สามารถมองเห็นพระราชวังและกรุงเวียนนาได้อย่างงดงาม
  • Grinzing: เยี่ยมชมหมู่บ้านไวน์เก่าแก่ทางตอนเหนือของเวียนนา ชิมไวน์ท้องถิ่นและอาหารพื้นเมืองในบรรยากาศแบบดั้งเดิม พร้อมชมวิวแม่น้ำดานูบและไร่องุ่นที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันได

วันที่ 8: เวียนนา มนต์ขลังแห่งเมืองเก่า

  • Old Town Vienna: เดินชมเมืองเก่าเวียนนาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ผ่านถนนคาร์ทเนอร์ (Kärntner Straße) ที่มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย
  • โบสถ์ St. Stephen’s Cathedral: ชมความงดงามของมหาวิหารสไตล์โกธิคที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา โดดเด่นด้วยหลังคากระเบื้องสีสันสดใสและยอดแหลมสูง 137 เมตร
  • Vienna State Opera: ชมอาคารโอเปร่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก สร้างในสไตล์เรอเนสซองส์ที่งดงาม
  • พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace): อดีตพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของประธานาธิบดีออสเตรีย
  • ถนนช้อปปิ้ง: เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ถนนมาเรียฮิลเฟอร์ (Mariahilfer Straße) ถนนช้อปปิ้งที่ยาวและคึกคักที่สุดในเวียนนา หรือเลือกซื้อของที่ระลึกและชิมขนมหวานที่มีชื่อเสียงของเวียนนา เช่น ซัคเกอร์ทอร์เต (Sachertorte) เค้กช็อกโกแลตชื่อดัง
  • เดินทางสู่สนามบิน: เดินทางสู่สนามบินเวียนนาในช่วงบ่าย เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย

วันที่ 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ: เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการเดินทางในยุโรปกลาง
Categories
02-Feb 03-Mar 10-Oct 2024 2025 Iceland-Greenlad-Faroe Roadtrip

ทัวร์ไอซ์แลนด์ Winter

Iceland Winter
สรุปไฮไลท์

☀️อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ – สถานที่ประวัติศาสตร์แห่งการตั้งรัฐสภาโลกแห่งแรกและจุดบรรจบของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือ ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่หาชมได้ยาก

☀️น้ำพุร้อนเกย์ซีร์และน้ำพุร้อน Strokkur – ชมน้ำพุร้อนธรรมชาติที่พวยพุ่งสูงถึง 30 เมตรทุกๆ 5-10 นาที เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนที่ยังคงทำงานเพียงไม่กี่แห่งในโลก

☀️น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – “น้ำตกทองคำ” อันยิ่งใหญ่ ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงสู่หุบเหวลึก สร้างละอองน้ำและสายรุ้งในวันที่แดดดี

☀️น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ – ประสบการณ์พิเศษกับการเดินลอดม่านน้ำตกสูง 60 เมตรและชมวิวแบบ 360 องศาจากด้านหลังน้ำตก

☀️หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา – หาดทรายสีดำสนิทพร้อมเสาหินบะซอลต์รูปทรงเรขาคณิตที่เรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์ สร้างภาพที่แปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก

☀️ทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน – ภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าขนาดต่างๆ ลอยอยู่ในทะเลสาบ สร้างภาพที่สวยงามตระการตา เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง

☀️หาดทรายเพชร – ปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ของก้อนน้ำแข็งใสราวเพชรที่ถูกซัดขึ้นมาบนหาดทรายดำ สร้างภาพคอนทราสต์ที่น่าทึ่ง

☀️ถ้ำน้ำแข็ง – ผจญภัยในโลกใต้พิภพของถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าครามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ให้ประสบการณ์ที่เหมือนอยู่ในโลกอื่น

☀️โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา – สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นที่ออกแบบให้เหมือนปล่องลาวาหรือแท่งบะซอลต์ เป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในเรคยาวิก

☀️บลูลากูน – สระน้ำพุร้อนธรรมชาติสีฟ้าครามกลางทุ่งลาวา อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นสถานที่ผ่อนคลายที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 119,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • 22 กพ 68 – 2 มีค 68
    • 7 – 15 พย 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริปไอซ์แลนด์ Winter

วันที่ 1 : 7 พฤศจิกายน 2568

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) – เริ่มต้นการผจญภัยของคุณที่เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน Thai Airways เจ้าหน้าที่ของเราจะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก พร้อมให้ข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียด

วันที่ 2 : 8 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางสู่ปารีส (CDG) – บินข้ามทวีปสู่เมืองแห่งความโรแมนติก พักเปลี่ยนเครื่องท่ามกลางบรรยากาศสนามบินนานาชาติชาร์ล เดอ โกล
  • บินภายในสู่เรคยาวิก (RKV) – เดินทางต่อสู่เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะแห่งน้ำแข็งและไฟ ด้วยความงดงามทางธรรมชาติอันน่าทึ่ง
  • อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ – สัมผัสปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา ณ จุดที่แผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือแยกออกจากกัน และเป็นสถานที่จัดตั้งรัฐสภาโลกแห่งแรกของชาวไอซ์แลนด์เมื่อปี ค.ศ. 930

วันที่ 3: 9 พฤศจิกายน 2568

  • วงกลมทองคำ (Golden Circle) – เส้นทางยอดนิยมที่รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามของไอซ์แลนด์ไว้ในเส้นทางเดียว
  • น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – ชมความยิ่งใหญ่ของ “น้ำตกทองคำ” ซึ่งมีความสูง 32 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงสู่หุบเหวลึก สายน้ำอันทรงพลังสร้างละอองน้ำและสายรุ้งให้ได้ชมในวันที่แดดดี
  • น้ำพุร้อนเกย์ซีร์ – พบกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ ชม Strokkur พวยพุ่งน้ำร้อนสูงถึง 30 เมตรขึ้นสู่ท้องฟ้าทุกๆ 5-10 นาที เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนที่ยังคงทำงานอยู่ไม่กี่แห่งในโลก
  • ปากปล่องภูเขาไฟเคริด – ดื่มด่ำกับความงามของทะเลสาบสีเขียวมรกตที่อยู่ภายในปากปล่องภูเขาไฟโบราณ ล้อมรอบด้วยหินสีแดงสด สร้างภาพที่ตัดกันอย่างงดงาม
  • เมืองเซลฟอสส์ – พักผ่อนในเมืองน่ารักริมฝั่งแม่น้ำโอลฟูซา ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ เพลิดเพลินกับบรรยากาศท้องถิ่นและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารจากวัตถุดิบในท้องถิ่น

วันที่ 4: 10 พฤศจิกายน 2568

  • น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ – สัมผัสประสบการณ์พิเศษกับการเดินลอดม่านน้ำตกสูง 60 เมตรที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน ชมวิวแบบ 360 องศาจากด้านหลังน้ำตก
  • น้ำตกสโกการ์ฟอสส์ – ตื่นตาตื่นใจกับน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความกว้าง 25 เมตรและสูง 60 เมตร ปีนบันได 527 ขั้นเพื่อชมวิวที่สวยงามจากด้านบน ในวันที่แดดดีอาจได้เห็นสายรุ้งพาดผ่านม่านน้ำตก
  • แหลมดีร์โฮเลย์ – ชมซุ้มหินลาวาธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปในทะเล และหากมาในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม อาจได้พบนกพัฟฟินน่ารักที่มาทำรังวางไข่
  • หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา – สัมผัสความงามอันแปลกตาของหาดทรายสีดำสนิทที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟ และเสาหินบะซอลต์รูปทรงเรขาคณิตที่เรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์
  • เรย์นิสดรังการ์ – ชมกลุ่มหินภูเขาไฟรูปทรงแปลกตาที่โผล่พ้นทะเล ตามตำนานเล่าว่าเป็นโทรลล์ (ยักษ์ในเทพนิยายนอร์ส) ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน
  • เมืองวิก – พักผ่อนในเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้สุดของไอซ์แลนด์ที่มีประชากรเพียง 300 คน แต่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและหาดทรายดำอันเป็นเอกลักษณ์

วันที่ 5: 11 พฤศจิกายน 2568

  • ทุ่งลาวามอสส์ – เดินทางผ่านทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์สีเขียวนุ่มหนาราวกับพรมธรรมชาติ สร้างภาพที่แปลกตาเหมือนอยู่บนดาวต่างดาว
  • ทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน – พบกับหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์ ชมภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าขนาดต่างๆ ที่แตกออกจากธารน้ำแข็ง Breiðamerkurjökull และลอยละล่องในทะเลสาบ ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่องมาถ่ายทำที่นี่
  • หาดทรายเพชร – เดินเล่นบนหาดทรายดำที่มีก้อนน้ำแข็งใสราวเพชรขนาดต่างๆ ถูกซัดขึ้นมาจากทะเล สร้างภาพคอนทราสต์อันน่าตื่นตาระหว่างน้ำแข็งเป็นประกายกับพื้นทรายสีดำสนิท

วันที่ 6: 12 พฤศจิกายน 2568

  • ถ้ำน้ำแข็ง – ผจญภัยในโลกใต้พิภพที่น่าอัศจรรย์ของถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าครามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แสงที่ส่องผ่านผนังน้ำแข็งสร้างสีสันที่สวยงามไม่เหมือนที่ใด (การเข้าชมขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและฤดูกาล)
  • เดินทางกลับเมืองวิก – กลับมาพักผ่อนในเมืองวิกอีกครั้ง เพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นและเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนที่สงบเงียบ โดยอาจมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือในช่วงฤดูหนาว

วันที่ 7: 13 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางกลับเรคยาวิก – มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของไอซ์แลนด์ เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพเกือบ 100%
  • โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา – ชมสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของโบสถ์ลูเทอรันที่สูงที่สุดในเรคยาวิก (74.5 เมตร) ออกแบบให้เหมือนปล่องลาวาหรือแท่งบะซอลต์ และมีออร์แกนขนาดใหญ่ที่มีท่อถึง 5,275 ท่อ
  • ซันโวยาเจอร์ – ถ่ายรูปกับประติมากรรมสแตนเลสสตีลรูปเรือไวกิ้งริมทะเล ที่สื่อถึงความฝันและความหวัง การผจญภัย และการค้นพบสิ่งใหม่ๆ
  • อาคารฮาร์ปา – ชื่นชมความงามของอาคารคอนเสิร์ตฮอลล์และศูนย์การประชุมที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ด้วยกระจกหลากสีที่สะท้อนแสงแตกต่างกันตลอดทั้งวัน แรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์เอกลักษณ์ของไอซ์แลนด์
  • บลูลากูน – ผ่อนคลายในสระน้ำพุร้อนธรรมชาติสีฟ้าครามอันเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางทุ่งลาวาที่แปลกตา น้ำแร่อุดมไปด้วยแร่ธาตุซิลิกาและซัลเฟอร์ที่มีคุณสมบัติรักษาโรคผิวหนังบางชนิด อุณหภูมิเฉลี่ย 37-40°C
  • เดินทางกลับเมืองเคฟลาวิก – เตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับ พักผ่อนที่โรงแรมใกล้สนามบิน

วันที่ 8: 14 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางสู่สนามบินเคฟลาวิก (KEF) – อำลาดินแดนไอซ์แลนด์ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจ
  • บินสู่โคเปนเฮเกน (CPH) – เปลี่ยนเครื่องที่เมืองหลวงสวยงามของเดนมาร์ก
  • ต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ (BKK) – เดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยสายการบิน Thai Airways

วันที่ 9: 15 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ – จบการเดินทางอันแสนพิเศษและเต็มไปด้วยความประทับใจกับ ‘ดินแดนมหัศจรรย์แห่งน้ำแข็งและไฟ’
Categories
10-Oct 2024 Europe Roadtrip

ทัวร์ยุโรป นอกสายตา โครเอเชีย มอนเตเนโกร แปลกใหม่ สวยจึ้ง

โครเอเชีย มอนเตเนโกร
แปลกใหม่ สวยจึ้ง
สรุปไฮไลท์

☀️อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes – มรดกโลกที่มีทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่ง เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย

☀️กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik – กำแพงหินสูงอายุหลายร้อยปีที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ให้วิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม

☀️พระราชวัง Diocletian’s Palace – พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️อ่าว Kotor – อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน พร้อมเมืองเก่ายุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️หุบเขา Tara Canyon – หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีความลึกถึง 1,300 เมตร ให้ประสบการณ์ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

☀️โบสถ์ St. Mark ในซาเกร็บ – โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใสแสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหลวง

☀️เกาะ Our Lady of the Rocks – เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor ที่สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี มีโบสถ์ที่เก็บงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า

☀️อุทยานแห่งชาติ Krka – อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม

☀️เกาะ Sveti Stefan – เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว เป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร

☀️จุดชมวิว Mount Srđ – จุดชมวิวพาโนรามาที่สวยที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก สามารถขึ้นได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้า

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป โครเอเชีย มอนเตเนโกร

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – ซาเกร็บ (Zagreb)

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: จุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแห่งกำแพงหินโบราณและทะเลเอเดรียติกสีฟ้าคราม

  • บินสู่ซาเกร็บ: เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines (TK69 23.05-05.20 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK1053 06.55-08.00 น.) สู่เมืองหลวงที่มีเสน่ห์แห่งโครเอเชีย

วันที่ 2: ซาเกร็บ (Zagreb) – เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม

  • เมืองซาเกร็บ: เมืองหลวงที่ผสมผสานความคลาสสิกและทันสมัยได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยอาคารโบราณและพิพิธภัณฑ์มากมาย แบ่งเป็นเมืองบนและเมืองล่างที่เชื่อมต่อด้วยรถรางสายสั้นที่สุดในโลก

  • โบสถ์ St. Mark: โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใส แสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย-สลาโวเนีย-ดัลเมเชีย เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง

  • จัตุรัส Ban Jelačić: ศูนย์กลางของเมืองซาเกร็บ แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่คึกคักตลอดทั้งวัน

  • มหาวิหาร Zagreb: มหาวิหารนีโอโกธิคที่สูงที่สุดในโครเอเชีย โดดเด่นด้วยยอดแหลมคู่สูงตระหง่าน ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยงานศิลปะทางศาสนา

วันที่ 3: Plitvice Lakes – Skradin – Split

  • อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes: มรดกโลกที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ประกอบด้วยทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย

  • ทะเลสาบ Kozjak: ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน ให้ประสบการณ์ล่องเรือท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชมน้ำใสจนสามารถมองเห็นฝูงปลาแหวกว่าย

  • อุทยานแห่งชาติ Krka (Skradin): อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนเป็นระยะทางกว่า 800 เมตร ท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม

  • เมือง Split: เมืองชายฝั่งทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโครเอเชีย ศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานหลายยุคสมัย

วันที่ 4: Split – Dubrovnik

  • พระราชวัง Diocletian’s Palace: พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ปัจจุบันมีผู้คนอาศัยและมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายอยู่ภายในกำแพงพระราชวัง

  • วิหาร Saint Domnius: มหาวิหารเก่าแก่ที่สร้างจากสุสานของจักรพรรดิ Diocletian สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 นับเป็นมหาวิหารคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

  • เส้นทางชายฝั่งเอเดรียติก: เดินทางเลียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่สวยงามตระการตา ผ่านเมืองชายทะเลที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ของเกาะน้อยใหญ่ในทะเลสีคราม

  • เมือง Dubrovnik: “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” เมืองโบราณที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูงที่สมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ความงดงามของเมืองนี้ทำให้ได้รับเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดัง Game of Thrones

วันที่ 5: Dubrovnik

  • กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik: กำแพงหินสูงที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เดินชมวิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้

  • ถนน Stradun: ถนนสายหลักที่ปูด้วยหินอ่อนขัดมันวาว ทอดยาวกลางเมืองเก่า สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารหินโบราณ ร้านค้า ร้านอาหาร และโบสถ์เก่าแก่มากมาย

  • น้ำพุ Onofrio: น้ำพุประวัติศาสตร์สร้างในศตวรรษที่ 15 เป็นจุดเริ่มต้นของระบบน้ำโบราณที่จัดส่งน้ำจืดเข้าสู่เมือง

  • วิหาร Dubrovnik Cathedral: มหาวิหารบาโรกที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 บนฐานของมหาวิหารเดิมที่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ภายในเก็บรักษางานศิลปะล้ำค่ามากมาย

วันที่ 6: Dubrovnik – Kotor (Montenegro)

  • จุดชมวิว Mount Srđ: ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Srđ สูง 412 เมตร ชมวิวพาโนรามาที่สวยงามที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก

  • พรมแดนโครเอเชีย-มอนเตเนโกร: เดินทางข้ามพรมแดนสู่ประเทศมอนเตเนโกร ดินแดนภูเขาดำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิม

  • อ่าว Kotor: อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน สร้างทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ

  • เมืองเก่า Kotor: เมืองโบราณยุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ล้อมรอบด้วยกำแพงป้อมปราการที่ทอดยาวขึ้นไปตามเนินเขา ภายในเต็มไปด้วยโบสถ์ จัตุรัส และพระราชวังเก่าแก่

  • อุทยานแห่งชาติ Lovćen: อุทยานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมอนเตเนโกร บนยอดเขามีสุสานของ Petar II Petrović-Njegoš กวีและผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาติ

วันที่ 7: Kotor – Our Lady of the Rocks – Durmitor National Park – Tara Canyon

  • Our Lady of the Rocks: เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี บนเกาะมีโบสถ์ที่มีงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า

  • เกาะ Sveti Đorđe: เกาะธรรมชาติใกล้เคียงที่มีความเงียบสงบและเป็นที่ตั้งของอารามเบเนดิกตินโบราณและสุสาน

  • อุทยานแห่งชาติ Durmitor: มรดกโลกที่มีภูมิประเทศหลากหลายทั้งภูเขาสูง ทะเลสาบ ป่าสน และทุ่งหญ้าอัลไพน์ สร้างทัศนียภาพอันน่าทึ่ง

  • หุบเขา Tara Canyon: หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก Grand Canyon ความลึกถึง 1,300 เมตรและยาวกว่า 80 กิโลเมตร

  • สะพาน Tara Bridge: สะพานคอนกรีตโค้งที่สร้างใน ค.ศ. 1940 ทอดข้ามหุบเขาที่จุดที่สูงถึง 172 เมตรเหนือแม่น้ำ Tara ใสสะอาด ให้วิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ

วันที่ 8: Podgorica – Budva – Podgorica

  • Podgorica: เมืองหลวงของมอนเตเนโกรที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ ชมสะพานโบราณ Millennium ข้ามแม่น้ำ Morača และโบสถ์ St. George’s อายุกว่าพันปี

  • เมือง Budva: เมืองชายทะเลที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเดรียติก มีอายุกว่า 2,500 ปี โดดเด่นด้วยกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบเมืองเก่าริมทะเล

  • เกาะ Sveti Stefan: เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว ถือเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร

  • ชายหาด Mogren: ชายหาดทรายสีทองที่โอบล้อมด้วยโขดหินและน้ำทะเลสีฟ้าใส เป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Budva

วันที่ 9: Podgorica – กรุงเทพฯ

  • สนามบิน Podgorica: เดินทางสู่สนามบินเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

  • บินกลับกรุงเทพฯ: โดยสายการบิน Turkish Airlines (TK1086 09.15-12.05 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK58 16.25-06.05 น.)

  • สรุปการเดินทาง: ลาก่อนดินแดนไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก ที่เต็มไปด้วยความงามทางธรรมชาติและความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์

วันที่ 10: กรุงเทพฯ

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการผจญภัยในโครเอเชียและมอนเตเนโกร

Categories
06-Jun 07-Jul 2024 Scandinavia

ทัวร์เกาะแฟโร ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า

ทัวร์เกาะแฟโร
ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า
สรุปไฮไลท์

☀️เกาะแฟโร (Faroe Islands) – หมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือที่มีประชากรเพียงราว 50,000 คน

☀️หมู่บ้าน Kirkjubour – หมู่บ้านทางตอนใต้ของเกาะ Streymoy

☀️หมู่บ้าน Tjørnuvík – หมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือสุดของเกาะ Streymoy

☀️Eiði – หมู่บ้านเล็กๆ บนเกาะ Eysturoy

☀️Gjógv – หมู่บ้านอันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1584

☀️Trollanes village – หมู่บ้านเล็กๆ บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ

☀️Viðareiði – หมู่บ้านที่อยู่ไกลสุดทางตอนเหนือ

☀️เสาหิน Trollkonufingur – ลักษณะที่คล้ายนิ้วของแม่มด

☀️ทะเลสาบ Trælanípan – ทะเลสาบภาพลวงตา

☀️ยอดเขา Slættaratindur – จุดที่สูงที่สุดในหมู่เกาะแฟโร

☀️Kalsoy Island – เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็น “หลุมศพของเจมส์บอนด์”

☀️ประภาคาร Kallur lighthouse – ประภาคารบนอันโด่งดัง

☀️น้ำตก Múlafossur Waterfall – น้ำตก signature ตั้งอยู่บนเกาะ Vagar

☀️Mykines Island – เดินเที่ยวชมรอบเกาะบ้านเกิดของนกพัฟฟิน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 129,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 13 – 21 มิย. 68
    • 25 กค. – 2 สค. 68 
    • 7 – 15 สค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป หมู่เกาะแฟโร

วันที่ 1 : กรุงเทพฯ – โคเปนเฮเกน

  • บินสู่โคเปนเฮเกน: เที่ยวบิน TG950 เวลา 01:20-07:40 น.
  • ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สู่ประเทศเดนมาร์ก

วันที่ 2 : โคเปนเฮเกน – หมู่เกาะแฟโร

  • เดินทางสู่หมู่เกาะแฟโร: ถึงโคเปนเฮเกนเวลา 07:40 น. และเดินทางต่อไปยังหมู่เกาะแฟโร
  • เกาะแฟโร (Faroe Islands): หมู่เกาะที่มีประชากรราว 18 เกาะ ในเขตการปกครองตัวเองของเดนมาร์ก เป็นหมู่เกาะที่มีประชากรเพียงหกหมื่นคน หมู่เกาะแฟโรจึงมีฉายาว่าเป็น “เกาะแห่งหมะ”
  • เสาหิน Trollkonufingur: ลักษณะที่คล้ายนิ้วของแม่มด เป็นแลนด์มาร์กธรรมชาติที่โดดเด่น
  • หมู่บ้าน Tjørnuvík: หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Streymoy ทางตอนเหนือสุดของหมู่เกาะแฟโร
  • หมู่บ้าน Kirkjubour: หมู่บ้านที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ Streymoy เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและศาสนาในสมัยยุคกลาง
  • ที่พัก: Torshavn (เมืองหลวงของหมู่เกาะแฟโร)

วันที่ 3 : Torshavn

  • Faroe Museum: พิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1952 เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปะและวิถีชีวิตของชาวแฟโร
  • จุดชมวิว Sornfelli: จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของหมู่เกาะแฟโร
  • ทะเลสาบ Trælanípan: ทะเลสาบที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล เมื่อมองจากมุมที่เหมาะสมจะเห็นเป็นภาพลวงตาเหมือนกับภูเขาเป็นแอ่งและน้ำอยู่ข้างบน
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 4 : Vestmanna – ทัวร์เกาะต่างๆ

  • Vestmanna Torshavn: เมืองเล็กๆ บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ Streymoy เป็นจุดเริ่มต้นของทัวร์ล่องเรือชมหน้าผาและถ้ำ
  • หมู่บ้าน Saksun: บ้านและโบสถ์ที่มีหลังคาหญ้า ตั้งอยู่ในทะเลสาบธรรมชาติที่เปิดออกสู่มหาสมุทร
  • Eiði: หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Eysturoy มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
  • Gjógv: หมู่บ้านอันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1584 ชื่อของหมู่บ้านมาจากช่องแคบตามธรรมชาติที่ทอดยาวจากหมู่บ้านลงสู่ทะเล
  • ยอดเขา Slættaratindur: จุดที่สูงที่สุดในหมู่เกาะแฟโร (882 เมตร) ให้วิวพาโนรามาที่สวยงาม
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 5 : เกาะ Mykines

  • นั่งเรือ Ferry ไปยัง Mykines Island: เกาะที่อยู่ทางตะวันตกสุดของหมู่เกาะแฟโร
  • เดินเที่ยวชมรอบเกาะ: เกาะ Mykines เป็นบ้านเกิดของนกพัฟฟิน (Puffin) นกทะเลที่มีจะงอยปากสีสันสดใส สามารถพบเห็นได้ในช่วงฤดูร้อน
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 6 : ทัวร์เกาะทางตอนเหนือ

  • เกาะ Kalsoy: ได้ฉายาว่าเป็น “หลุมศพของเจมส์บอนด์” จากภาพยนตร์เรื่อง No Time to Die ซึ่งมีฉากสำคัญถ่ายทำที่นี่
  • ประภาคาร Kallur lighthouse: ประภาคารบนหน้าผาสูงอันโด่งดัง ให้วิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลและเกาะใกล้เคียง
  • Trollanes village: หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ
  • หมู่บ้าน Mikladatur: หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์
  • Klaksvík: เมืองใหญ่อันดับสองของหมู่เกาะแฟโร ศูนย์กลางการประมงและการค้าทางตอนเหนือ
  • หมู่บ้าน Viðareiði: หมู่บ้านที่อยู่ไกลสุดทางตอนเหนือ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาและทะเล
  • ที่พัก: Torshavn

วันที่ 7 : ทัวร์ทางทะเล – เดินทางกลับโคเปนเฮเกน

  • ล่องเรือไปยังจุดชมวิว Drangarnir: เกาะหินที่มีช่องโค้งเป็นเอกลักษณ์ สร้างภาพที่น่าประทับใจ
  • หมู่บ้าน Gasadalur: หมู่บ้านอันมีภาพที่โด่งดังที่สุดภาพหนึ่ง อยู่ท่ามกลางภูเขาและทะเล
  • น้ำตก Múlafossur Waterfall: น้ำตกที่สวยงามไหลลงสู่มหาสมุทรโดยตรง ตั้งอยู่บนเกาะ Vagar ของหมู่เกาะแฟโร
  • เดินทางกลับโคเปนเฮเกน: เที่ยวบิน RC452 เวลา 16:20-19:25 น.
  • ที่พัก: โคเปนเฮเกน

วันที่ 8 : โคเปนเฮเกน – กรุงเทพฯ

  • อิสระช่วงเช้า: ท่องเที่ยวในเมืองโคเปนเฮเกนตามอัธยาศัย
  • เดินทางกลับกรุงเทพฯ: เที่ยวบิน TG951 เวลา 14:25-06:00 น. (+1)

วันที่ 9 : ถึงกรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ: โดยสวัสดิภาพในช่วงเช้า
Categories
06-Jun 07-Jul 08-Aug 2024 Scandinavia

ทัวร์แฟโร กรีนแลนด์ ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า

ทัวร์แฟโร กรีนแลนด์
ทะเลสาบมายา • นกพัฟฟิน • บ้านหลังคาหญ้า
สรุปไฮไลท์

☀️หน้าผา Trælanípan (หน้าผาทาส) – “ทะเลลอยฟ้า” ทะเลแยกเป็นสองระดับคล้ายมีทะเลแขวนอยู่กลางอากาศ

☀️น้ำตก Múlafossur – น้ำตกซิกเนอเจอร์ไหลจากหน้าผาสูงชันลงสู่มหาสมุทรโดยตรง โดยมีฉากหลังเป็นหมู่บ้าน Gasadalur และภูเขาสูง สร้างภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากนิทาน

☀️หมู่บ้านหลังคาหญ้าโบราณ – Saksun และ Gjógv ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม

☀️เกาะ Mykines – “สวรรค์ของนกพัฟฟิน” ที่คุณจะได้เห็นนกพัฟฟินนับหมื่นตัวในระยะใกล้ๆ (ช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม)

☀️ประภาคาร Kallur – จุดชมวิวบนหน้าผาสูงชันที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนเกาะ Kalsoy ซึ่งเป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง “No Time to Die”

☀️โขดหิน Drangarnir – โขดหินรูปโค้งกลางทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแฟโร

☀️Ice Cap Point 660 – โอกาสพิเศษในการเดินบนแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ที่ปกคลุมพื้นที่ 80% ของประเทศ

☀️ธารน้ำแข็ง Russell Glacier – กำแพงน้ำแข็งมหึมาสูงกว่า 60 เมตร ที่มีโอกาสได้เห็นการแตกตัวของก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่

☀️ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งที่ Disko Bay – สัมผัสใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็งยักษ์หลากรูปทรงที่ลอยอยู่ในอ่าว บางก้อนสูงเทียบเท่าตึก 15 ชั้น

☀️Ilulissat Icefjord – มรดกโลกยูเนสโก ธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก (40 เมตรต่อวัน) และผลิตน้ำแข็งมากที่สุด ทำให้เกิดภูเขาน้ำแข็งมหึมาลอยในอ่าว

☀️โอกาสชมแสงอาทิตย์เที่ยงคืน – ในช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์จะไม่ตกดิน ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีทองตลอดคืน (พฤษภาคม-กรกฎาคม) หรือช่วงส่งท้ายฤดูกาลในเดือนสิงหาคม

☀️วัฒนธรรมอินูอิตดั้งเดิม – เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองกรีนแลนด์ผ่านหัตถกรรมท้องถิ่น งานแกะสลักงาช้างทะเล กระดูกวาฬ และผลิตภัณฑ์จากหนังแมวน้ำ

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 189,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 25 กค – 6 สค 68 
    • 8 – 20 สค 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป Greenland Faroe

 วันที่ 1 – เริ่มต้นการเดินทาง

  • บินสู่ดินแดนแห่งตำนานไวกิ้ง

วันที่ 2 – สัมผัสมนต์เสน่ห์ทอร์สฮาฟน์

  • ทอร์สฮาฟน์ – เมืองหลวงที่เล็กที่สุดในยุโรป แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบ้านหลังคาหญ้า ท่าเรือโบราณ และร้านอาหารระดับมิชลิน
  • Trælanípan (หน้าผาทาส) – สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สร้างภาพลวงตาของ “ทะเลลอยฟ้า” จุดชมวิวที่คุณจะเห็นทะเลแยกเป็นสองระดับ สร้างภาพที่น่าทึ่งราวกับมีทะเลแขวนอยู่กลางอากาศ
  • ย่านเมืองเก่า Tinganes – ที่ตั้งของรัฐบาลท้องถิ่นในอาคารไม้หลังคาหญ้าสีแดงโดดเด่น ซึ่งเป็นรัฐสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง

วันที่ 3 – สำรวจหมู่บ้านในฝัน

  • Vestmanna – ล่องเรือชมหน้าผาสูงชันและถ้ำมหัศจรรย์ที่เป็นบ้านของนกทะเลนับพันตัว
  • Saksun – หมู่บ้านในฝันที่ซ่อนตัวในหุบเขา มีบ้านหลังคาหญ้าดั้งเดิม และทะเลสาบน้ำเค็มที่รายล้อมด้วยภูเขาสูง
  • Eiði – หมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่มีวิวของ “ยักษ์และแม่มด” หินโขดขนาดใหญ่กลางทะเล
  • Gjógv – หมู่บ้านที่สวยที่สุดในแฟโร ชื่อหมายถึง “ช่องแคบ” ซึ่งเป็นท่าเรือธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นโดยคลื่นลมทะเล
  • Slættaratindur – มองเห็นยอดเขาสูงที่สุดของหมู่เกาะ (882 เมตร) ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นถึงไอซ์แลนด์!

วันที่ 4 – ผจญภัยที่เกาะ Mykines

  • เกาะ Mykines – “สวรรค์ของนกพัฟฟิน” เกาะที่อยู่ทางตะวันตกสุดของแฟโร
  • สะพานข้ามเกาะ – เดินข้ามสะพานแขวนสุดหวาดเสียวไปยังเกาะเล็กๆ Mykineshólmur ที่มีประภาคารเก่าแก่
  • นกพัฟฟิน – ชมนกพัฟฟินนับหมื่นตัวที่อาศัยอยู่ตามหน้าผา เป็นโอกาสอันหาได้ยากในการถ่ายภาพนกที่น่ารักเหล่านี้ในระยะใกล้ๆ (ช่วงฤดูผสมพันธุ์ พฤษภาคม-สิงหาคม)

วันที่ 5 – เรื่องเล่าและตำนานบนเกาะ

  • เกาะ Kalsoy – อุโมงค์เล็กๆ ทอดยาวตลอดเกาะ และเป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง “No Time to Die”
  • ประภาคาร Kallur – เดินเท้าสู่จุดชมวิวที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ประภาคารตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันที่ทอดตัวสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
  • Mikladalur – ชมรูปปั้น “Kópakonan” หรือหญิงสาวแมวน้ำ ตำนานพื้นบ้านอันโด่งดังของชาวแฟโร
  • Viðareiði – หมู่บ้านที่อยู่เหนือสุดของเกาะแฟโร มีโบสถ์สีขาวอายุกว่า 130 ปี ตั้งโดดเด่นท่ามกลางวิวภูเขาและทะเล

วันที่ 6 – มหัศจรรย์ทางธรรมชาติและอำลาแฟโร

  • ล่องเรือชม Drangarnir – โขดหินรูปโค้งกลางทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแฟโร ต้องล่องเรือหรือเดินเท้าหลายชั่วโมงเท่านั้นจึงจะเข้าถึงได้
  • หมู่บ้าน Gasadalur – หมู่บ้านที่สวยที่สุดและโดดเดี่ยวที่สุด ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูง เพิ่งมีถนนเชื่อมต่อในปี 2004 ผ่านอุโมงค์ยาว 1.4 กม.
  • น้ำตก Múlafossur – น้ำตกอันโด่งดังที่ไหลจากหน้าผาลงสู่มหาสมุทรโดยตรง ฉากหลังเป็นหมู่บ้านและภูเขา สร้างภาพที่เหมือนในนิทาน
  • เดินทางสู่โคเปนเฮเกน – อำลาหมู่เกาะแฟโร มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของเดนมาร์กเพื่อเตรียมตัวสู่การผจญภัยครั้งใหม่ในกรีนแลนด์

วันที่ 7 – สู่ดินแดนน้ำแข็ง

  • เดินทางจากโคเปนเฮเกนสู่ Kangerlussuaq – ประตูสู่กรีนแลนด์
  • Kangerlussuaq – เมืองที่ตั้งอยู่ปลายฟยอร์ดยาว 170 กม. เคยเป็นฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเย็น

วันที่ 8 – สัมผัสแผ่นน้ำแข็งยักษ์

  • Ice Cap Point 660 – เดินทางด้วยรถ 4×4 สู่จุดที่สามารถเข้าถึงแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ได้ แผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปกคลุมพื้นที่ 80% ของประเทศ
  • ธารน้ำแข็ง Russell Glacier – ตื่นตาตื่นใจกับกำแพงน้ำแข็งยักษ์สูงกว่า 60 เมตร มีโอกาสได้เห็นการถล่มของก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา
  • บินสู่ Ilulissat – เมืองแห่งภูเขาน้ำแข็ง
  • ยามค่ำคืนที่ Ilulissat – ชมแสงสีทองยามพระอาทิตย์ตกกระทบภูเขาน้ำแข็งในอ่าว สร้างภาพที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม

วันที่ 9 – มหัศจรรย์น้ำแข็งที่ Disko Bay

  • เดินเส้นทาง Blue Trail – เส้นทางเดินชมวิวที่สวยที่สุดใน Disko Bay เห็นภูเขาน้ำแข็งลอยอยู่ในอ่าว
  • ล่องเรือชม Iceberg – สัมผัสประสบการณ์แบบใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็งยักษ์ที่มีรูปทรงแปลกตา บางก้อนสูงกว่าตึก 15 ชั้น
  • ปรากฏการณ์แสงพระอาทิตย์เที่ยงคืน – ในช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์จะไม่ตกดินทำให้ท้องฟ้าเป็นสีทองตลอดคืน (พฤษภาคม-กรกฎาคม) หรือช่วงส่งท้ายฤดูกาลในสิงหาคม

วันที่ 10 – วัฒนธรรมอินูอิตและธารน้ำแข็งมรดกโลก

  • ธารน้ำแข็ง Ilulissat Icefjord – มรดกโลกยูเนสโก ธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก (40 ม./วัน) และผลิตน้ำแข็งมากที่สุด
  • โบสถ์ Zion – โบสถ์ไม้สีแดงอายุกว่า 240 ปี (สร้างปี 1779) เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในกรีนแลนด์
  • พิพิธภัณฑ์บ้านเกิด Knud Rasmussen – บ้านของนักสำรวจขั้วโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรีนแลนด์
  • เยี่ยมชมตลาดปลาและหัตถกรรมท้องถิ่น – สัมผัสวิถีชีวิตของชาวอินูอิต ชมงานแกะสลักงาช้างทะเล กระดูกวาฬ และหนังแมวน้ำ

วันที่ 11 – อำลากรีนแลนด์

  • เวลาอิสระช่วงเช้า – โอกาสสุดท้ายในการซื้อของที่ระลึกหรือเดินชมเมือง
  • เดินทางกลับโคเปนเฮเกน

วันที่ 12 – อำลายุโรปเหนือ

  • อิสระ พักผ่อนหรือเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
  • เดินทางกลับกรุงเทพฯ – ด้วยเที่ยวบิน TG951 (14:25-06:00+1)

วันที่ 13 (20 ส.ค.) – ถึงบ้านพร้อมความทรงจำ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
Categories
10-Oct 2024 Europe

สวิสสายชิล เน้น Highlight

สวิสสายชิล เน้น Highlight
รถไฟ • กระเช้า • ยอดเขา • ทะเลสาบ
สรุปไฮไลท์

☀️กลาเซียร์เอ็กซ์เพรส – หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ที่จะพาคุณผ่านทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเทือกเขาแอลป์ สะพานสูง และธารน้ำแข็ง ในการเดินทางอันแสนพิเศษ

☀️ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น – ชมยอดเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จากเมืองเซอร์มัทท์และจุดชมวิวกอร์เนอร์กราท

☀️ยุงเฟรายอค – สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ได้รับการขนานนามว่า “หลังคาแห่งยุโรป” พร้อมชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งและวิวพาโนรามาที่น่าตื่นตาตื่นใจ

☀️หุบเขาเลาเทอร์บรุนเนน – หุบเขาแห่งน้ำตก 72 สาย ที่ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาหินสูงชันและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด

☀️เมืองเบิร์น – เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของสวิตเซอร์แลนด์ ย่านเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมชมหอนาฬิกาเก่าแก่และสวนหมีอันเป็นสัญลักษณ์

☀️ชติฟท์สบิบลิโอเทค – ห้องสมุดโบราณอายุกว่า 1,000 ปีที่ St. Gallen ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกและคอลเลกชันหนังสือโบราณล้ำค่า

☀️ทะเลสาบบรีนซ์และทะเลสาบลูเซิร์น – สัมผัสความงดงามของทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง และเพลิดเพลินกับบรรยากาศเมืองริมทะเลสาบที่มีเสน่ห์

☀️สะพานไม้ชาเปล – สัญลักษณ์แห่งเมืองลูเซิร์น สะพานไม้เก่าแก่อายุกว่า 700 ปีที่ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์ พร้อมภาพวาดประวัติศาสตร์ที่ตกแต่งตลอดสะพาน

☀️กรินเดลวัลด์ เฟิร์สท์ – ผจญภัยกับกิจกรรมกลางแจ้งที่น่าตื่นเต้น เช่น เส้นทางเดินบนสะพานแขวน First Cliff Walk ที่ให้คุณได้สัมผัสวิวพาโนรามาแบบ 360 องศา

☀️ชไตน์ อัม ไรน์และอัพเพนเซลล์ – เยี่ยมชมเมืองเก่าแก่ที่มีเสน่ห์แห่งสวิตเซอร์แลนด์ตะวันออก ด้วยบ้านเรือนสีสันสดใสและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป สวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 1: เริ่มต้นการเดินทาง

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: จุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแห่งขุนเขา ความงดงามและความมหัศจรรย์รอคุณอยู่

  • บินสู่ซูริค: เดินทางด้วยเที่ยวบินตรงสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งนาฬิกา ช็อกโกแลต และทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดในโลก

วันที่ 2: เสน่ห์แห่งสวิสตะวันออก

  • ชไตน์ อัม ไรน์: เมืองยุคกลางริมแม่น้ำไรน์ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีเยี่ยม บ้านเรือนโบราณอายุหลายร้อยปีที่ทาสีสดใสตัดกับความเขียวขจีของแม่น้ำ สร้างบรรยากาศที่เหมือนหลุดเข้าไปในนิทาน

  • ชติฟท์สบิบลิโอเทค: ห้องสมุดโบราณอายุกว่า 1,000 ปีที่ St. Gallen ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยเพดานโค้งบาโรกและชั้นหนังสือไม้แกะสลักอันวิจิตร รวมทั้งคัมภีร์โบราณล้ำค่า

  • อัพเพนเซลล์: เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ด้วยบ้านไม้สีสันสดใส ศูนย์กลางงานหัตถกรรมพื้นบ้านและวัฒนธรรมสวิสดั้งเดิม ชมการทำชีสและงานแกะสลักไม้แบบโบราณ

  • เอเบนัลพ์: หมู่บ้านบนที่ราบสูงท่ามกลางทุ่งหญ้าอัลไพน์ ล้อมรอบด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน เป็นศูนย์กลางของการทำฟาร์มโคนมแบบดั้งเดิม ให้คุณได้ลิ้มรสชีสและนมสดที่หอมหวาน

วันที่ 3: สู่หัวใจของเทือกเขาแอลป์

  • อันเดอร์มัทท์: หมู่บ้านเก่าแก่ในหุบเขาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของเส้นทางการค้าข้ามเทือกเขาแอลป์ ชมโบสถ์เซนต์ปีเตอร์และพอลสไตล์บาโรกที่งดงาม

  • กลาเซียร์เอ็กซ์เพรส: หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ทอดผ่านภูมิประเทศที่น่าทึ่ง สะพานสูง อุโมงค์ภูเขา และธารน้ำแข็ง เป็นการเดินทาง 8 ชั่วโมงที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจไม่รู้ลืม

  • เซอร์มัทท์: เมืองปลอดมลพิษที่ไม่อนุญาตให้ใช้รถยนต์ ตั้งอยู่เชิงเขาแมทเธอร์ฮอร์นอันโด่งดัง ศูนย์กลางการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวชั้นเลิศของสวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 4: สัมผัสความยิ่งใหญ่

  • กอร์เนอร์กราท: จุดชมวิวที่สูงถึง 3,089 เมตร ให้ทัศนียภาพพาโนรามา 360 องศาของเทือกเขาแอลป์และยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ นำเสนอภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพ

  • อินเทอร์ลาเคน: เมืองรีสอร์ทยอดนิยมที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบทุนและทะเลสาบบรีนซ์ ล้อมรอบด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นประตูสู่เขตยุงเฟราที่มีชื่อเสียงระดับโลก

  • กรินเดลวัลด์: หมู่บ้านในหุบเขาอันเงียบสงบที่ทอดยาวใต้เงาของยอดเขาไอเกอร์อันน่าเกรงขาม ศูนย์กลางกีฬาฤดูหนาวและจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าอันสวยงาม

วันที่ 5: ยอดเขาและหุบเขาอันงดงาม

  • ไอเกอร์เอ็กซ์เพรส: กระเช้าไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ พาคุณลอยขึ้นสู่ความสูงกว่า 2,320 เมตร ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาและหุบเขาที่ดูเหมือนภาพวาด

  • ยุงเฟรายอค: สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปที่ 3,454 เมตร ถูกขนานนามว่า “หลังคาแห่งยุโรป” มอบประสบการณ์ที่น่าทึ่งด้วยพิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง ทางเดินชมธารน้ำแข็ง และวิวพาโนรามาที่น่าตื่นตาตื่นใจ

  • เลาเทอร์บรุนเนน: หุบเขาแห่งน้ำตก 72 สาย ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาหินสูงชันและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบราวกับภาพวาดในโปสการ์ด

  • เมอเรน: หมู่บ้านบนหน้าผาที่ไม่มีรถยนต์ วางตัวอยู่บนระเบียงธรรมชาติที่มองเห็นวิวของหุบเขาเลาเทอร์บรุนเนนที่อยู่เบื้องล่าง นำเสนอมุมมองที่น่าทึ่งของยอดเขาไอเกอร์ เมินช์ และยุงเฟรา

วันที่ 6: ผจญภัยและวัฒนธรรม

  • กรินเดลวัลด์ เฟิร์สท์: จุดชมวิวและศูนย์กลางกิจกรรมกลางแจ้งที่ความสูง 2,168 เมตร มีกิจกรรมน่าตื่นเต้นมากมาย เช่น เส้นทางเดินบนสะพานแขวน First Cliff Walk และการเล่นซิปไลน์

  • เบิร์น: เมืองหลวงที่สวยงามของสวิตเซอร์แลนด์ ย่านเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยถนนที่มีอาเขตโค้ง หอนาฬิกาเก่าแก่ และสวนหมีที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง

วันที่ 7: ความงามของทะเลสาบและเมือง

  • ทะเลสาบบรีนซ์: ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง น้ำใสบริสุทธิ์จากการละลายของหิมะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์

  • อิเซลท์วัลด์: หมู่บ้านโบราณริมทะเลสาบที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล โบสถ์หินอายุหลายร้อยปีตั้งตระหง่านท่ามกลางบ้านไม้แบบดั้งเดิม สถานที่แห่งนี้สงบเงียบและโรแมนติก

  • ลูเซิร์น: เมืองริมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงด้วยสะพานไม้ชาเปลอายุกว่า 700 ปี กำแพงเมืองโบราณ และอนุสาวรีย์สิงโตแกะสลักที่น่าประทับใจ ผสมผสานความเก่าแก่กับความทันสมัยได้อย่างลงตัว

  • ซูริค: เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ศูนย์กลางการเงินและวัฒนธรรม ถนนบานโฮฟสตราสเซอเป็นแหล่งช้อปปิ้งหรูหราชั้นนำของยุโรป พร้อมร้านค้าแบรนด์เนมและร้านนาฬิกาชื่อดัง

วันที่ 8: อำลาสวิตเซอร์แลนด์

  • เดินทางสู่สนามบินซูริค: เก็บกระเป๋าและความทรงจำดีๆ เตรียมตัวเดินทางกลับ มีเวลาซื้อของฝากและของที่ระลึกที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง

  • บินกลับสู่กรุงเทพฯ: อำลาสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมภาพความประทับใจมากมายจากการเดินทางครั้งนี้

วันที่ 9: กลับถึงประเทศไทย

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมประสบการณ์และความทรงจำอันแสนพิเศษจากดินแดนแห่งขุนเขาและทะเลสาบที่สวยงามที่สุดในโลก

Categories
06-Jun 07-Jul 2024 Europe

France : Provence

France : Provence
สรุปไฮไลท์

☀️เมืองนีซและชายหาดฝรั่งเศสริเวียร่า (Nice & French Riviera) – สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันมีเสน่ห์ เดินเล่นบน Promenade des Anglais อันโด่งดังและดื่มด่ำกับบรรยากาศสดใสของท้องฟ้าและทะเลสีครามที่ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของศิลปินและนักท่องเที่ยว

☀️ย่านประวัติศาสตร์โมนาโกวิลล์ (Monaco-Ville) – เยือนประเทศเล็กที่สุดอันดับสองของโลก ชมพระราชวังเจ้าชายที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และทัศนียภาพอันตระการตาของท่าเรือหรูและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากจุดชมวิวบนเนินเขา

☀️ทุ่งลาเวนเดอร์วาลองโซล (Plateau de Valensole) – ดื่มด่ำกับภาพที่ราบสูงกว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง ให้ภาพและกลิ่นหอมที่เป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์

☀️หมู่บ้านรูซียงและสีโอเคอร์ธรรมชาติ (Roussillon) – ตื่นตากับหมู่บ้านสีสันสดใสที่อาคารบ้านเรือนทาด้วยสีจากดินโอเคอร์ธรรมชาติหลากเฉดสี ตั้งแต่แดง ส้ม และเหลือง สร้างภาพที่แตกต่างจากหมู่บ้านทั่วไปในโพรวองซ์อย่างสิ้นเชิง

☀️หมู่บ้านกอร์ดบนเนินเขา (Gordes) – เยือนหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ด้วยบ้านหินสีเทาที่เรียงรายลดหลั่นลงมาตามไหล่เขา พร้อมปราสาทศตวรรษที่ 16 และทัศนียภาพของหุบเขาลูเบอรงที่สวยงาม

☀️อารามเซนองก์และทุ่งลาเวนเดอร์ (Sénanque Abbey) – ชมอารามซิสเตอร์เชียนเก่าแก่จากศตวรรษที่ 12 ที่ยังมีนักบวชอาศัยอยู่ ล้อมรอบด้วยทุ่งลาเวนเดอร์ที่สร้างภาพอันเป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกปรารถนาจะได้เห็นสักครั้งในชีวิต

☀️พระราชวังพระสันตะปาปา (Palais des Papes) – ทึ่งกับพระราชวังโกธิคอันยิ่งใหญ่ในเมืองอาวีญงที่เคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาในศตวรรษที่ 14 มรดกโลกที่เป็นพยานประวัติศาสตร์ช่วงเวลาสำคัญของศาสนาคริสต์ในยุโรป

☀️สะพานส่งน้ำโรมันปงดูการ์ (Pont du Gard) – ชมสะพานส่งน้ำโรมันโบราณจากศตวรรษที่ 1 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม สูงถึง 49 เมตร เป็นตัวอย่างชั้นเลิศของวิศวกรรมโรมันและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️อุทยานแห่งชาติคาลังก์ (Calanques National Park) – ผจญภัยในอ่าวแคบที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาหินปูนสูงชันและน้ำทะเลสีเขียวมรกตใสสะอาด ดินแดนธรรมชาติอันน่าทึ่งระหว่างมาร์เซย์และคาสซิส ที่สามารถสำรวจได้ทั้งทางบกและทางทะเล

☀️มหาวิหารโนเทรอะดาม เดอ ลาการ์ด (Notre-Dame de la Garde) – เยือนสัญลักษณ์ของเมืองมาร์เซย์ที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาสูงสุดของเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานและรูปปั้นพระแม่มารีทองคำ พร้อมชมวิวพาโนรามา 360 องศาของเมืองท่าโบราณและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 109,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place
Place
Place

โปรแกรมทริป โพรวองซ์

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – สู่ฝรั่งเศส

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ – เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์ของฝรั่งเศสและโมนาโก ออกเดินทางด้วยสายการบินชั้นนำสู่เมืองนีซ ประตูสู่ฝรั่งเศสตอนใต้และเฟรนช์ริเวียร่า ดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสัน วัฒนธรรม และทัศนียภาพอันงดงาม

วันที่ 2: นีซ – โมนาโก

  • เมืองนีซ (Nice) – เมืองเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันมีเสน่ห์ เดินเล่นบน Promenade des Anglais ถนนริมชายหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ดื่มด่ำบรรยากาศสดใสของท้องฟ้าและทะเลสีคราม เยี่ยมชมย่านเมืองเก่า (Vieux Nice) ที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยแคบๆ ร้านค้า และร้านอาหารท้องถิ่นที่มีสีสัน
  • โมนาโกวิลล์ (Monaco-Ville) – ย่านประวัติศาสตร์บนเนินเขาของประเทศเล็กที่สุดอันดับสองของโลก ชมพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก (Prince’s Palace) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เป็นที่ประทับของราชวงศ์กริมาลดี มีการเปลี่ยนเวรยามทหารที่น่าประทับใจ พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของท่าเรือ Port Hercule และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง

วันที่ 3: ทะเลสาบแซงต์-ครัวซ์ – มูสติเยร์-แซงต์-มารี

  • ทะเลสาบแซงต์-ครัวซ์ (Lac de Sainte-Croix) – ทะเลสาบสีฟ้าครามใสสะอาดที่สร้างขึ้นในปี 1973 ตั้งอยู่ในหุบเขาที่สวยงามของแม่น้ำแวร์ดง (Verdon) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรรมชาติแวร์ดง (Verdon Natural Regional Park) เหมาะแก่การพักผ่อน พายเรือคายัค หรือว่ายน้ำในฤดูร้อน ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ของภูเขาและป่าไม้ที่สวยงาม
  • มูสติเยร์-แซงต์-มารี (Moustiers-Sainte-Marie) – หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาสองแห่ง มีชื่อเสียงด้านศิลปะการผลิตเครื่องเคลือบดินเผา (Faience) ที่มีความละเอียดและสวยงาม เดินเล่นตามถนนหินที่ลัดเลาะขึ้นเขา ชมโบสถ์ Notre-Dame de Beauvoir และดาวทองคำที่แขวนอยู่เหนือหมู่บ้าน เยี่ยมชมร้านค้าและเวิร์คช็อปที่มีเสน่ห์ของช่างฝีมือท้องถิ่น

วันที่ 4: ทุ่งลาเวนเดอร์วาลองโซล

  • วาลองโซล (Valensole) – สัมผัสความงดงามของที่ราบสูงวาลองโซล (Plateau de Valensole) ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันสุดลูกหูลูกตา กว้างกว่า 800 ตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง เก็บภาพความประทับใจกับทุ่งสีม่วงที่ทอดยาวจนสุดสายตา บรรยากาศหอมกรุ่นด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ ชมหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวบ้านที่ทำการเกษตรและผลิตน้ำมันหอมระเหยจากดอกลาเวนเดอร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของแคว้นโพรวองซ์

วันที่ 5: รูซียง – กอร์ด – อารามเซนองก์

  • รูซียง (Roussillon) – หมู่บ้านสีสันสดใสที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในหุบเขาลูเบอรง (Luberon Valley) โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนที่ทาด้วยสีจากดินโอเคอร์ธรรมชาติ (Ochre) สีแดง ส้ม และเหลือง ที่ขุดจากเหมืองในท้องถิ่น เดินเล่นตามเส้นทาง Sentier des Ocres เพื่อชมแนวหน้าผาสีสันสดใสและทัศนียภาพอันน่าทึ่ง
  • กอร์ด (Gordes) – เมืองสวยบนภูเขาในโพรวองซ์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส (Les Plus Beaux Villages de France) โดดเด่นด้วยบ้านหินสีเทาที่เรียงรายลดหลั่นลงมาตามไหล่เขา ชมปราสาทกอร์ด (Château de Gordes) ที่สร้างในศตวรรษที่ 16 พร้อมเก็บภาพทัศนียภาพที่สวยงามของหมู่บ้านและทุ่งนาโดยรอบ
  • อารามเซนองก์ (Sénanque Abbey) – อารามซิสเตอร์เชียนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี 1148 ยังคงความสงบและเรียบง่ายตามวิถีของนักบวช เป็นตัวอย่างที่งดงามของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ล้อมรอบด้วยทุ่งลาเวนเดอร์ที่นักบวชปลูกไว้ (บานสะพรั่งในเดือนกรกฎาคม) สร้างภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของโพรวองซ์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการมาเยือน

วันที่ 6: อาวีญง – ปงดูการ์ – เลโบโดโพรวองซ์ – แซงต์-เรมี-เดอ-โพรวองซ์

  • พระราชวังพระสันตะปาปา (Palais des Papes) – พระราชวังโกธิคอันยิ่งใหญ่ในเมืองอาวีญง (Avignon) ที่เคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อครั้งที่ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกย้ายจากกรุงโรมมายังอาวีญง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายในมีห้องโถงขนาดใหญ่และภาพเขียนฝาผนังที่งดงาม
  • สะพานปงดูการ์ (Pont du Gard) – สะพานส่งน้ำโรมันโบราณที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 สูงถึง 49 เมตร ยาว 275 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของระบบส่งน้ำที่ยาว 50 กิโลเมตรจากแหล่งน้ำไปยังเมืองนีมส์ (Nîmes) ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและเป็นมรดกโลกที่ทรงคุณค่า
  • เลโบโดโพรวองซ์ (Les Baux-de-Provence) – หมู่บ้านโบราณบนหน้าผาหินปูนในเทือกเขา Alpilles ที่มีซากปราสาทยุคกลาง ชมทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขาและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมถึง Carrières de Lumières ที่จัดแสดงศิลปะด้วยการฉายภาพบนผนังเหมืองหินปูนเก่า
  • แซงต์-เรมี-เดอ-โพรวองซ์ (Saint-Rémy-de-Provence) – เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ เป็นสถานที่พักรักษาตัวของศิลปินชื่อดัง วินเซนต์ แวนโก๊ะ ที่โรงพยาบาล Saint-Paul-de-Mausole เดินเล่นในตรอกซอกซอยที่มีร้านค้าและร้านอาหารน่ารัก ชมโบราณสถานโรมัน Glanum และบรรยากาศอันเงียบสงบที่ได้แรงบันดาลใจให้แวนโก๊ะสร้างผลงานมากมาย

วันที่ 7: คาสซิส – คาลังก์เดอปอร์ตมิโอ – มาร์เซย์

  • คาสซิส (Cassis) – เมืองชายทะเลเล็กๆ ที่สวยงาม ตั้งอยู่บนอ่าวที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน มีท่าเรือเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ล้อมรอบด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีสีสัน บรรยากาศผ่อนคลาย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจอุทยานแห่งชาติคาลังก์ (Calanques National Park)
  • คาลังก์เดอปอร์ตมิโอ (Calanque de Port Miou) – อ่าวแคบที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาหินปูนสูงชันและน้ำทะเลสีเขียวมรกตใสสะอาด เป็นหนึ่งในคาลังก์ (Calanques) อันโด่งดังระหว่างมาร์เซย์และคาสซิส เหมาะสำหรับเดินป่า ปีนเขา หรือล่องเรือเพื่อชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะโดยทะเล
  • มาร์เซย์ (Marseille) – เมืองท่าเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสและเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เป็นศูนย์กลางการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เยี่ยมชมท่าเรือเก่า (Vieux Port) ที่คึกคัก ชมย่านเล ปานิเยร์ (Le Panier) ย่านเมืองเก่าที่มีตรอกซอกซอยแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส
  • มหาวิหารโนเทรอะดาม เดอ ลาการ์ด (Notre-Dame de la Garde) – สัญลักษณ์สำคัญของเมืองมาร์เซย์ ตั้งตระหง่านบนเนินเขาที่สูงที่สุดของเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์และโรมาเนสก์ที่ผสมผสานกัน มีรูปปั้นพระแม่มารีทองคำประดับอยู่บนยอดหอระฆัง ชมทัศนียภาพพาโนรามาของเมืองมาร์เซย์และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ 360 องศา

วันที่ 8: ตลาดเช้าโพรวองซาล – เดินทางกลับ

  • ตลาดเช้าโพรวองซาล (Marché Provençale) – สัมผัสชีวิตชีวาและสีสันของตลาดท้องถิ่นในยามเช้า ที่เต็มไปด้วยผักผลไม้สดจากสวน ชีส น้ำผึ้ง น้ำมันมะกอก สมุนไพร และสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ชิมอาหารท้องถิ่นและซื้อของที่ระลึกจากโพรวองซ์กลับบ้าน เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมการกินอยู่ของชาวฝรั่งเศสใต้
  • เดินทางสู่สนามบินมาร์เซย์ (Marseille Provence Airport) – เตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการเดินทางในดินแดนแห่งแสงแดด กลิ่นลาเวนเดอร์ และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุขของชาวโพรวองซ์

วันที่ 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

  • เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำและประสบการณ์อันแสนพิเศษจากการเดินทางในดินแดนแห่งความงดงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หลากหลายของฝรั่งเศสตอนใต้และโมนาโก
error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม