Categories
09-Sep 10-Oct 2024 Northernlight Roadtrip Scandinavia

ทัวร์โลโฟเทน ล่าแสงเหนือ ทรอมโซ–โลโฟเทน

ทัวร์โลโฟเทน
ล่าแสงเหนือ ทรอมโซ–โลโฟเทน
สรุปไฮไลท์

10 ไฮไลท์สำหรับทริปนอร์เวย์

☀️Haukland Beach (Lofoten): สัมผัสความงามของหาดทรายขาว น้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหาดที่สวยที่สุดในนอร์เวย์

☀️หมู่บ้าน Å (Lofoten): เยือนหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ปลายสุดของเกาะ Lofoten สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม และชมทัศนียภาพอันงดงามของฟยอร์ด

☀️หมู่บ้านโบราณ Nusfjord (Lofoten): ย้อนเวลาสู่หมู่บ้านชาวประมงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุด ชมบ้านไม้สีสันสดใส และเรียนรู้ประวัติศาสตร์การประมง

☀️หมู่บ้าน Reine (Lofoten): ชมหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดของ Lofoten มีบ้านสีแดงสดตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหิมะ

☀️สะพาน Reinebrua (Lofoten): เก็บภาพความประทับใจกับสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะ เป็นจุดชมวิวพาโนรามาที่สวยงามของ Reine

☀️Hamnøy (Lofoten): ถ่ายภาพกระท่อมชาวประมงสีแดงสดบนโขดหิน ซึ่งเป็น Landmark สำคัญและเป็นภาพสัญลักษณ์ที่โด่งดังของ Lofoten

☀️Henningsvær (Lofoten): เยี่ยมชมเมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงที่มีชีวิตชีวา มีสนามฟุตบอลที่ตั้งอยู่ริมทะเลอย่างโดดเด่น

☀️Lofotr Viking Museum (Borg): เรียนรู้เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของชาวไวกิ้ง ผ่านการจัดแสดงโบราณวัตถุ และชมบ้านไวกิ้งจำลองขนาดใหญ่

☀️Arctic Cathedral (Tromsø): ตื่นตาตื่นใจกับมหาวิหารที่มีรูปทรงทันสมัยคล้ายภูเขาน้ำแข็ง เป็นสัญลักษณ์ของเมืองทรอมโซ

☀️ยอดเขา Storsteinen (Tromsø): ชมวิวเมืองทรอมโซ ฟยอร์ด และภูเขาโดยรอบแบบ 360 องศา จากจุดชมวิวบนยอดเขา

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 119,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 20 – 28 กย 68 
    • 11 – 19 ตค 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป ล่าแสงเหนือ ทรอมโซ–โลโฟเทน

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – Oslo

  • เดินทางจากกรุงเทพฯ สู่กรุง Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์

วันที่ 2: Oslo – Leknes (Lofoten)

  • Uttakleiv Beach: หาดหินกลมอันเป็นเอกลักษณ์ มีชื่อเสียงจากความสวยงามและเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม
  • Haukland Beach: หาดทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหาดที่สวยที่สุดในนอร์เวย์

วันที่ 3: Lofoten

  • หมู่บ้าน Å: หมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ปลายสุดของเกาะ Lofoten สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม
  • พิพิธภัณฑ์ปลาคอด (Lofoten Stockfish Museum): เรียนรู้ประวัติและความสำคัญของการทำปลาคอดตากแห้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ Lofoten
  • หมู่บ้านโบราณ Nusfjord: หมู่บ้านชาวประมงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุด ชมบ้านไม้สีสันสดใสและโรงงานน้ำมันตับปลาคอดเก่าแก่
  • Hamnøy: หมู่บ้านที่มีกระท่อมชาวประมงสีแดงสดริมน้ำ เป็นภาพสัญลักษณ์ที่โด่งดังของ Lofoten

วันที่ 4: Lofoten

  • หมู่บ้าน Reine: หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่สวยงาม มีบ้านสีแดงสดตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหิมะ
  • สะพาน Reinebrua: สะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะ เป็นจุดชมวิวพาโนรามาที่สวยงามของ Reine
  • จุดชมวิว (Reine): ขึ้นไปยังจุดที่สูงขึ้นเพื่อชมทัศนียภาพแบบกว้างไกลของฟยอร์ดและ Lofoten
  • หมู่บ้านสีเหลือง Sakrisøy: หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านทาสีเหลืองสดใสเป็นเอกลักษณ์
  • Hamnøy: กลับมาถ่ายภาพกระท่อมสีแดงบนโขดหิน ซึ่งเป็น Landmark สำคัญของ Lofoten

วันที่ 5: Lofoten – Svolvær

  • Ramberg Beach: หาดทรายสีขาวละเอียด ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าครามและบ้านสีแดง
  • สะพานข้ามเกาะ Fredvang: สะพานที่มีลักษณะโค้งคล้ายกับ Atlantic Ocean Road เป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงาม
  • Henningsvær: เมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงมีชีวิตชีวา มีสนามฟุตบอลที่ตั้งอยู่ริมทะเลอย่างโดดเด่น
  • Svolvær: เมืองหลักของ Lofoten มีท่าเรือที่คึกคักและเป็นศูนย์กลางการเดินทาง

วันที่ 6: Borg – Harstad

  • Lofotr Viking Museum (Borg): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวและโบราณวัตถุเกี่ยวกับชาวไวกิ้ง มีบ้านไวกิ้งจำลองขนาดใหญ่
  • ภูเขาเคิปเพน (Keipen) (Harstad): ภูเขาที่สูงที่สุดในเมือง Harstad สามารถมองเห็นวิวเมืองและสภาพแวดล้อมโดยรอบ
  • Kasfjord City – Mini Town (Harstad): เมืองจำลองขนาดเล็กที่มีอาคารต่างๆ กว่า 100 หลัง
  • Trondenes Church (Harstad): โบสถ์ยุคกลางที่สวยงาม ตั้งอยู่บนแหลม Trondenes

วันที่ 7: Harstad – Tromsø

  • Tromsø Cathedral: โบสถ์ไม้ที่เก่าแก่และมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในเมืองทรอมโซ
  • Arctic Cathedral (Tromsdalen Church): มหาวิหารที่มีรูปทรงทันสมัยคล้ายภูเขาน้ำแข็ง เป็นสัญลักษณ์ของทรอมโซ
  • ยอดเขา Storsteinen (Fjellheisen): ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อชมวิวเมืองทรอมโซ ฟยอร์ด และภูเขาโดยรอบแบบ 360 องศา
  • อ่าวและท่าเรือ (Tromsø): บริเวณที่มีชีวิตชีวา มีบ้านเรือนสีสันสดใสและร้านค้าต่างๆ

วันที่ 8: Tromsø – Oslo – กรุงเทพฯ

  • เดินทางจากทรอมโซกลับสู่กรุง Oslo เพื่อต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 9: กรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
Categories
09-Sep 10-Oct 2024 Roadtrip Scandinavia

ทัวร์นอร์เวย์ ล่าแสงเหนือโลโฟเทน-ล่องฟยอร์ดฟลอม

ทัวร์นอร์เวย์
ล่าแสงเหนือโลโฟเทน-ล่องฟยอร์ดฟลอม
สรุปไฮไลท์

10 ไฮไลท์ทริปนอร์เวย์

☀️หมู่บ้าน Hamnøy และ Reine – กระท่อมชาวประมงสีแดงสดตัดกับภูเขาสูงตระหง่านและฟยอร์ดสีคราม สร้างภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของโลโฟเทนที่สวยงามที่สุด

☀️หาดทราย Ramberg และ Uttakleiv – หาดทรายขาวและน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น พร้อมหาดหินกลมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโลโฟเทน

☀️หมู่บ้าน Sakrisøy – หมู่บ้านสีเหลืองสดใสแห่งเดียวในโลโฟเทน ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ สร้างความแตกต่างจากบ้านสีแดงทั่วไปในภูมิภาคนี้

☀️เมือง Tromsø – “ประตูสู่ดินแดนอาร์กติก” และจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มหาวิหาร Arctic Cathedral ที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น

☀️รถไฟสาย Flåmsbana – การเดินทางบนเส้นทางรถไฟที่ชันและงดงามที่สุดในยุโรป ลัดเลาะผ่านภูเขา หุบเขา และน้ำตก ชมทัศนียภาพที่เปลี่ยนไปตลอดเส้นทาง

☀️Stegastein Viewpoint – จุดชมวิวที่ยื่นออกไป 30 เมตรเหนือ Aurlandsfjord ที่ความสูง 650 เมตร มอบทัศนียภาพพาโนรามาของฟยอร์ดที่น่าทึ่ง

☀️การล่องเรือชม Nærøyfjord – สัมผัสฟยอร์ดที่แคบที่สุดและงดงามที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ล้อมรอบด้วยผาหินสูงชันและน้ำตกที่ไหลลงสู่ผืนน้ำสีมรกต

☀️น้ำตก Tvindefossen – น้ำตกสูงประมาณ 150 เมตร ที่มีความงดงามตามธรรมชาติ

☀️Bryggen ในเมือง Bergen – อาคารไม้โบราณสีสันสดใสริมอ่าวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สะท้อนประวัติศาสตร์การค้าในยุคฮันเซียติก

☀️Mount Fløyen – ชมจุดชมวิวที่สูง 320 เมตรเหนือเมือง Bergen มองเห็นวิวเมืองแลท่าเรือ

 

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 129,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 35,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 19 – 28 กย. 68
    • 11 – 19 ตค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

bergen
lofoten
lofoten

โปรแกรมทริป นอร์เวย์ -ล่าแสงเหนือโลโฟเทน-ล่องฟยอร์ดฟลอม

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – ออสโล

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางสู่ออสโล ประเทศนอร์เวย์
  • เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ดินแดนแห่งฟยอร์ดและแสงเหนือ

วันที่ 2: ออสโล – Leknes – Hamnøy

  • เดินทางถึงออสโล จากนั้นบินภายในประเทศสู่เมือง Leknes ประตูสู่หมู่เกาะโลโฟเทน
  • Uttakleiv และ Haukland Beach – หาดหินกลมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยหินรูปหัวใจที่มีชื่อเสียง ท่ามกลางทิวทัศน์ภูเขาอันตระการตา
  • Ramberg Beach – หาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ ตัดกับน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ ฉากหลังเป็นบ้านแดงสดใส สร้างภาพที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
  • เข้าพักที่หมู่บ้าน Hamnøy หมู่บ้านประมงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของหมู่เกาะโลโฟเทน ด้วยกระท่อมแดงริมน้ำและฉากหลังเป็นภูเขาสูงตระหง่าน

วันที่ 3: หมู่บ้าน Å – Nusfjord – Reine – Hamnøy

  • หมู่บ้าน Å (ออกเสียงว่า “ออ”) – หมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนบนหมู่เกาะโลโฟเทน เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์การประมงของภูมิภาค
  • Nusfjord – หมู่บ้านชาวประมงโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในนอร์เวย์ ด้วยกระท่อมไม้สีแดงเรียงรายริมท่าเรือ และพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์การประมง
  • Reine – หมู่บ้านชาวประมงที่โด่งดังที่สุดของโลโฟเทน ด้วยทัศนียภาพของกระท่อมสีแดงตัดกับฟยอร์ดสีคราม และภูเขาสูงชัน
  • จุดชมวิวสะพาน Reinebrua – ชมวิวพาโนรามาอันงดงามของฟยอร์ดและหมู่บ้านโลโฟเทนจากมุมสูง
  • พักค้างคืนที่ Hamnøy

วันที่ 4: Sakrisøy – Fredvang – Henningsvær – Harstad

  • Sakrisøy – หมู่บ้านที่โดดเด่นด้วยบ้านสีเหลืองสดใสแห่งเดียวในโลโฟเทน ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ มีร้านขายของที่ระลึกและอาหารทะเลแห้งแบบดั้งเดิม
  • สะพานข้าม Fredvang – สะพานเชื่อมเกาะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนอร์เวย์ คล้ายกับ Atlantic Ocean Road สร้างขึ้นในปี 1988 ทอดยาวข้ามทะเลอันกว้างใหญ่
  • Henningsvær – “เวนิสแห่งโลโฟเทน” เมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงคึกคักด้วยกิจกรรมประมง มีร้านค้า แกลเลอรี่ และสนามฟุตบอลริมทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลก
  • เดินทางสู่เมือง Harstad เพื่อพักค้างคืน

วันที่ 5: Harstad – Tromsø

  • เดินทางจาก Harstad สู่เมือง Tromsø – “ประตูสู่ดินแดนอาร์กติก” และเมืองที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • City Tour – เที่ยวชมเมือง Tromsø ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์เหนือ
  • Arctic Cathedral – โบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นคล้ายภูเขาน้ำแข็ง
  • Tromsø Harbor – ท่าเรือที่สวยงามให้บรรยากาศผ่อนคลาย
  • Polaria – พิพิธภัณฑ์และศูนย์แสดงเกี่ยวกับเขตอาร์กติก
  • พักค้างคืนที่ Tromsø และชมแสงเหนือ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)

วันที่ 6: Tromsø – Bergen – Voss

  • ช่วงเช้าสำรวจเมือง Tromsø เพิ่มเติม
  • บินภายในประเทศสู่เมือง Bergen – เมืองมรดกโลกริมอ่าวที่สวยงาม
  • เดินทางต่อไปยังเมือง Voss – เมืองเล็กๆ ในเขต Hordaland ที่โอบล้อมด้วยภูเขา ทะเลสาบ และน้ำตก เป็นศูนย์กลางกีฬาผจญภัย
  • พักค้างคืนที่ Voss

วันที่ 7: Flåmsbana – Myrdal – Flåm – Nærøyfjord – Voss

  • Flåmsbana – นั่งรถไฟสายโรแมนติกที่ชันและงดงามที่สุดในยุโรป ลัดเลาะขุนเขาและหุบเขาลึก
  • Myrdal – สถานีรถไฟบนภูเขาที่เชื่อมต่อระหว่าง Flåmsbana กับรถไฟสาย Bergen
  • Flåm – หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ส่วนในสุดของ Aurlandsfjord ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดในโลก
  • Stegastein Viewpoint – จุดชมวิวที่ยื่นออกไป 30 เมตรเหนือ Aurlandsfjord ที่ความสูง 650 เมตร ให้ทัศนียภาพแบบพาโนรามาที่น่าทึ่ง
  • ล่องเรือ Nærøyfjord – ชมฟยอร์ดที่แคบที่สุดและงดงามที่สุดในโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • น้ำตก Tvindefossen – น้ำตกสูงประมาณ 150 เมตร มีความงดงามตามธรรมชาติและเชื่อกันว่ามีพลังในการรักษาโรค
  • กลับมาพักที่ Voss

วันที่ 8: Voss – Bergen

  • เดินทางกลับสู่เมือง Bergen – เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของนอร์เวย์
  • Bryggen – เยี่ยมชมอาคารไม้โบราณสีสันสดใสเรียงรายริมอ่าว ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • Bryggen Wharf – เดินเล่นบริเวณท่าเรือเก่าแก่ที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญของยุโรปเหนือ ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์
  • Mount Fløyen – นั่งรถรางไต่ภูเขาสู่จุดชมวิวที่สูง 320 เมตร มองเห็นวิวพาโนรามาของเมือง Bergen ทะเล และฟยอร์ดโดยรอบ
  • พักค้างคืนที่ Bergen

วันที่ 9: Bergen – ออสโล – กรุงเทพฯ

  • บินภายในประเทศสู่ ออสโล
  • เดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 10: กรุงเทพฯ

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจ
Categories
09-Sep 10-Oct 2024 Roadtrip Scandinavia Tour

แลปแลนด์ & โลโฟแทน

Finland Lapland
สรุปไฮไลท์

☀️รวมสองสุดยอดประเทศที่ไปดูแสงเหนือไว้ด้วยกัน

☀️ชมแสงเหนือ (Aurora Borealis) – ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

☀️พัก Igloo Glass House  – นอนชมดาวและแสงเหนือบนเตียงอุ่นๆ

☀️นั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ – กิจกรรมวัฒนธรรมพื้นเมืองของชาวซามิ

☀️เยือนหมู่บ้านซานตาคลอส – พบซานตาตัวจริงและส่งโปสการ์ดจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล

☀️ขึ้นกระเช้า Fjellheisen – ชมวิวพาโนรามาของเมืองทรอมโซและฟยอร์ด

☀️เยือน Henningsvaer – “เวนิสแห่งโลโฟเทน” หมู่บ้านชาวประมงสวยงาม

☀️ชมหมู่บ้าน Reine – หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์

☀️จุดถ่ายรูปสะพาน Hamnoy – แลนด์มาร์คอันเป็นสัญลักษณ์ของโลโฟเทน

☀️ชายหาดอาร์กติกสุดพิเศษ – Uttakleiv และ Haukland Beach

☀️หมู่บ้านโบราณ Nusfjord – สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวโลโฟเทน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 139,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป .......

วันที่ 1: จุดเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแสงเหนือ

  • สนามบินสุวรรณภูมิ, กรุงเทพฯ – จุดเริ่มต้นของการเดินทางอันน่าตื่นเต้น
  • เดินทางสู่ Ivalo, แลปแลนด์, ฟินแลนด์ – เมืองเล็กๆ ที่เป็นประตูสู่ดินแดนแห่งแสงเหนือและกิจกรรมในฤดูหนาว

วันที่ 2: สัมผัสวัฒนธรรมซามิและโดมแก้วใต้แสงเหนือ

  • เดินทางสู่หมู่บ้านทางเหนือของฟินแลนด์ – ดินแดนที่เงียบสงบและมีวัฒนธรรมชาวซามิ (Sami)
  • ขี่กวางเรนเดียร์ – พาหนะดั้งเดิมของชาวแลปป์ สัมผัสความอบอุ่นและความน่ารักของกวางเรนเดียร์
  • เข้าพักที่ Kakslauttanen Arctic Resort, Saariselkä – ที่พักโดมแก้วให้คุณนอนชมแสงเหนือจากเตียงอุ่นๆ

วันที่ 3: ดินแดนซานตาคลอสและวงกลมอาร์กติก

  • โบสถ์ Rovaniemi, ฟินแลนด์ – โบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นพร้อมภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่
  • Santa Claus Village, Rovaniemi – หมู่บ้านซานตาคลอสอย่างเป็นทางการ พบกับซานตาคลอสและส่งโปสการ์ดจาก Arctic Circle Post Office
  • จุดตัดเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล – ถ่ายรูปที่เส้นแบ่งเขตขั้วโลกเหนือที่ 66°33′39″ เหนือ

วันที่ 4: ทรอมโซ – เมืองหลวงแห่งแสงเหนือ

  • บินสู่เมือง Tromso, นอร์เวย์ – เมืองที่มีชีวิตชีวา ขึ้นชื่อว่าเป็น “ประตูสู่ขั้วโลกเหนือ” ตั้งอยู่ใต้ Aurora Oval
  • กระเช้าไฟฟ้า Fjellheisen – พาขึ้นไปยัง Storsteinen ที่สูง 421 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ชมวิวพาโนรามาของเมือง

วันที่ 5: เดินทางสู่หมู่เกาะโลโฟเทน

  • เมือง Evenes, นอร์เวย์ – เมืองเล็กๆ ในภูมิภาค Nordland เป็นจุดพักและเปลี่ยนถ่ายไปยังโลโฟเทน
  • Svolvaer, หมู่เกาะโลโฟเทน – เมืองใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางของหมู่เกาะที่มีความงามทางธรรมชาติอันน่าทึ่ง

วันที่ 6: หมู่บ้านชาวประมงและชายหาดงดงาม

  • Henningsvaer – หมู่บ้านชาวประมงบนเกาะเล็กๆ ได้รับขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งโลโฟเทน” มีบ้านสีแดงสดใส
  • Uttakleiv Beach – ชายหาดชื่อดังด้วยทรายขาวและหินกลมมนกระจายทั่วหาด
  • Haukland Beach – ชายหาดสวยงามด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามและทรายขาวละเอียด

วันที่ 7: หมู่บ้านโบราณและจุดชมวิวแลนด์มาร์ค

  • Nusfjord – หมู่บ้านชาวประมงโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี มีบ้านไม้เก่าแก่สีเหลือง
  • Reine – หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่มีทัศนียภาพงดงามราวภาพวาด ถูกยกให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์
  • Sakrisoy – หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านสีเหลืองสดใสบนเกาะเล็กๆ ที่เชื่อมต่อด้วยสะพาน
  • Hamnoy – จุดชมวิวแลนด์มาร์คที่มีสะพาน Hamnoy เชื่อมระหว่างเกาะ พร้อมวิวภูเขา Olstind อันเป็นสัญลักษณ์

วันที่ 8: เดินทางกลับ

  • บินจาก Evenes สู่ Oslo, นอร์เวย์ – ออกจากดินแดนแห่งความงามของโลโฟเทนสู่เมืองหลวง
  • ต่อเครื่องบินกลับประเทศไทย – เตรียมตัวเดินทางกลับพร้อมความทรงจำอันล้ำค่า

วันที่ 9: กลับถึงบ้าน

  • เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ – กลับถึงบ้านพร้อมความทรงจำพิเศษจากทริปแสงเหนือและโลโฟเทนม

Categories
03-Mar 10-Oct 2024 2025 Iceland-Greenlad-Faroe Roadtrip

ทัวร์ไอซ์แลนด์ แกรนด์

Iceland Grand
ICELAND GRAND
สรุปไฮไลท์

☀️ภูเขา Kirkjufell – ภูเขารูปทรงคล้ายหมวกที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ จุดชมแสงเหนือยอดนิยมและฉากในซีรีส์ Game of Thrones

☀️ทะเลสาบธารน้ำแข็ง Jokulsarlon และ Diamond Beach – ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งสีฟ้าลอยอยู่ และชายหาดที่มีก้อนน้ำแข็งใสราวเพชรเรียงรายบนทรายสีดำ

☀️Golden Circle – เส้นทางยอดนิยมที่รวมสถานที่สำคัญสามแห่ง: อุทยาน Thingvellir, น้ำพุร้อน Geysir และน้ำตก Gullfoss

☀️น้ำตก Dettifoss – น้ำตกที่ทรงพลังและใหญ่ที่สุดในยุโรป กว้าง 100 เมตร สูง 44 เมตร

☀️เมือง Vik และหาดทรายดำ Reynisfjara – หาดทรายสีดำสุดอลังการพร้อมหินบะซอลต์รูปทรงหกเหลี่ยมและถ้ำ Hálsanefshellir

☀️น้ำตก Skogafoss และ Seljalandsfoss – สองน้ำตกชื่อดัง โดย Seljalandsfoss สามารถเดินลอดไปด้านหลังม่านน้ำตกได้

☀️บ่อโคลนเดือด Hverir – พื้นที่ภูเขาไฟที่มีบ่อโคลนเดือดพล่าน ภูมิประเทศคล้ายดาวอังคาร

☀️ภูเขา Vestrahorn – ภูเขารูปร่างแหลมคมโดดเด่นริมชายหาดทรายดำ จุดถ่ายภาพยอดนิยม

☀️Blue Lagoon – บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งชื่อดังที่มีน้ำสีฟ้านม อุดมด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อผิวพรรณ

☀️การล่องเรือชมวาฬ – โอกาสได้พบวาฬหลายสายพันธุ์ในน่านน้ำที่อุดมสมบูรณ์รอบไอซ์แลนด์

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 129,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • 17- 26 ตค 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place

โปรแกรมทริป Iceland Grand

วันที่ 1: เริ่มต้นการเดินทาง

  • สนามบินสุวรรณภูมิ – พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG950 เวลา 00.05-06.35 น.

วันที่ 2: สู่ดินแดนไอซ์แลนด์

  • โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก – แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองหลวงของเดนมาร์ก
  • บินสู่ Keflavik, ไอซ์แลนด์ – ประตูสู่ดินแดนน้ำแข็งและภูเขาไฟ
  • ภูเขา Kirkjufell – ภูเขารูปทรงคล้ายหมวกที่โดดเด่นที่สุดในไอซ์แลนด์และเป็นฉากถ่ายทำซีรีส์ Game of Thrones จุดชมแสงเหนือยอดนิยม

วันที่ 3: หินไดโนเสาร์และเมืองหลวงภาคเหนือ

  • Hvitserkur – โขดหินรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์หรือช้างขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านกลางทะเล สูง 15 เมตร
  • เมือง Akureyri – เมืองใหญ่อันดับสองและเมืองหลวงแห่งภาคเหนือของไอซ์แลนด์ เมืองที่มีเสน่ห์และเป็นประตูสู่ธรรมชาติอันงดงามของไอซ์แลนด์ตอนเหนือ

วันที่ 4: น้ำตกแห่งเทพเจ้าและบ่อโคลนเดือด

  • น้ำตก Godafoss – “น้ำตกแห่งเทพเจ้า” หนึ่งในน้ำตกที่สวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวข้องกับการรับคริสต์ศาสนาของชาวไอซ์แลนด์
  • บ่อโคลนเดือด Hverir – พื้นที่ภูเขาไฟที่มีบ่อโคลนเดือดพล่าน ปล่องไอน้ำ และพื้นดินสีสันแปลกตา เสมือนอยู่บนดาวอังคาร
  • น้ำตก Dettifoss – น้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป กว้าง 100 เมตร สูง 44 เมตร มีน้ำไหลผ่าน 193 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
  • เมือง Egilsstaðir – เมืองศูนย์กลางของไอซ์แลนด์ตะวันออก

วันที่ 5: น้ำตกซ่อนเร้นและภูเขาเวสตราฮอร์น

  • น้ำตก Hengifoss – น้ำตก Unseen ที่สูงเป็นอันดับสามของไอซ์แลนด์ โดดเด่นด้วยชั้นหินสีแดงสลับดำที่ขนาบข้างน้ำตก
  • Eastfjord – ฟยอร์ดทางฝั่งตะวันออกที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงาม หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ และภูเขาสูงชัน
  • Vestrahorn – ภูเขาสูง 454 เมตรที่เกิดจากหินลาวา มีฉากหน้าเป็นหาดทรายสีดำ เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม
  • เมือง Hofn – เมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ที่มีชื่อเสียงด้านอาหารทะเลโดยเฉพาะกุ้งล็อบสเตอร์

วันที่ 6: ทะเลสาบน้ำแข็งและชายหาดเพชร

  • ทะเลสาบธารน้ำแข็ง Jokulsarlon – ทะเลสาบที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดต่างๆ ลอยอยู่เต็มทะเลสาบ
  • Diamond Beach – ชายหาดสีดำที่มีก้อนน้ำแข็งใสเหมือนเพชรเรียงรายอยู่บนหาด สร้างภาพความงามที่ตัดกันอย่างน่าทึ่ง
  • อุทยานสคาฟทาเฟล – อุทยานแห่งชาติที่มีทั้งธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ และน้ำตก
  • Moss Lava Field – ทุ่งลาวาขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยมอสสีเขียว สร้างทัศนียภาพเหมือนอยู่บนดาวอื่น
  • เมือง Vik – หมู่บ้านทางใต้สุดของไอซ์แลนด์ที่มีหาดทรายดำ Reynisfjara อันโด่งดัง
  • Hálsanefshellir Cave – ถ้ำที่มีผาหินบะซอลต์รูปทรงหกเหลี่ยมเรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์

วันที่ 7: น้ำตกชื่อดังและ Golden Circle

  • น้ำตก Skogafoss – น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความกว้าง 25 เมตร สูง 60 เมตร มีละอองน้ำที่สะท้อนแสงเกิดเป็นรุ้งกินน้ำให้เห็นเสมอในวันที่แดดออก
  • น้ำตก Seljalandsfoss – น้ำตกที่มีเอกลักษณ์คือสามารถเดินลอดไปด้านหลังม่านน้ำตกได้
  • Golden Circle – เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่รวมสถานที่สำคัญของไอซ์แลนด์
  • น้ำพุร้อน Geysir – บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่พ่นน้ำร้อนสูงถึง 30 เมตรทุกๆ 8-10 นาที
  • น้ำตก Gullfoss – “น้ำตกทองคำ” น้ำตกสองชั้นขนาดใหญ่ที่ทรงพลังและสวยงาม
  • อุทยาน Thingvellir – สถานที่ประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นที่ประชุมสภาแห่งแรกของโลกและเป็นจุดที่เปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือแยกออกจากกัน

วันที่ 8: วาฬ เมืองหลวง และบลูลากูน

  • ล่องเรือชมวาฬ – สัมผัสประสบการณ์ล่องเรือชมวาฬหลายสายพันธุ์ในเขตน่านน้ำไอซ์แลนด์
  • เมือง Reykjavik – เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสันและวัฒนธรรม เยี่ยมชมโบสถ์ Hallgrimskirkja และบ้านเพอร์ลัน
  • Blue Lagoon – บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งชื่อดังที่มีน้ำสีฟ้านมอุณหภูมิ 37-40 องศา และมีแร่ธาตุที่ดีต่อผิวพรรณ

วันที่ 9: เดินทางกลับ

  • บินจาก Keflavik สู่ Copenhagen – เดินทางออกจากไอซ์แลนด์กลับสู่โคเปนเฮเกน
  • ต่อเครื่องกลับประเทศไทย – ขึ้นเที่ยวบิน Thai Airways TG951 เวลา 13.50-06.20 น.

วันที่ 10: ถึงประเทศไทย

  • สนามบินสุวรรณภูมิ – เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันน่าประทับใจจากดินแดนน้ำแข็งและภูเขาไฟ
Categories
02-Feb 03-Mar 10-Oct 2024 2025 Iceland-Greenlad-Faroe Roadtrip

ทัวร์ไอซ์แลนด์ Winter

Iceland Winter
สรุปไฮไลท์

☀️อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ – สถานที่ประวัติศาสตร์แห่งการตั้งรัฐสภาโลกแห่งแรกและจุดบรรจบของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือ ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่หาชมได้ยาก

☀️น้ำพุร้อนเกย์ซีร์และน้ำพุร้อน Strokkur – ชมน้ำพุร้อนธรรมชาติที่พวยพุ่งสูงถึง 30 เมตรทุกๆ 5-10 นาที เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนที่ยังคงทำงานเพียงไม่กี่แห่งในโลก

☀️น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – “น้ำตกทองคำ” อันยิ่งใหญ่ ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงสู่หุบเหวลึก สร้างละอองน้ำและสายรุ้งในวันที่แดดดี

☀️น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ – ประสบการณ์พิเศษกับการเดินลอดม่านน้ำตกสูง 60 เมตรและชมวิวแบบ 360 องศาจากด้านหลังน้ำตก

☀️หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา – หาดทรายสีดำสนิทพร้อมเสาหินบะซอลต์รูปทรงเรขาคณิตที่เรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์ สร้างภาพที่แปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก

☀️ทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน – ภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าขนาดต่างๆ ลอยอยู่ในทะเลสาบ สร้างภาพที่สวยงามตระการตา เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง

☀️หาดทรายเพชร – ปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ของก้อนน้ำแข็งใสราวเพชรที่ถูกซัดขึ้นมาบนหาดทรายดำ สร้างภาพคอนทราสต์ที่น่าทึ่ง

☀️ถ้ำน้ำแข็ง – ผจญภัยในโลกใต้พิภพของถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าครามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ให้ประสบการณ์ที่เหมือนอยู่ในโลกอื่น

☀️โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา – สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นที่ออกแบบให้เหมือนปล่องลาวาหรือแท่งบะซอลต์ เป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในเรคยาวิก

☀️บลูลากูน – สระน้ำพุร้อนธรรมชาติสีฟ้าครามกลางทุ่งลาวา อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นสถานที่ผ่อนคลายที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 119,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • 7 – 15 พย 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริปไอซ์แลนด์ Winter

วันที่ 1 : 7 พฤศจิกายน 2568

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) – เริ่มต้นการผจญภัยของคุณที่เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน Thai Airways เจ้าหน้าที่ของเราจะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก พร้อมให้ข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียด

วันที่ 2 : 8 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางสู่ปารีส (CDG) – บินข้ามทวีปสู่เมืองแห่งความโรแมนติก พักเปลี่ยนเครื่องท่ามกลางบรรยากาศสนามบินนานาชาติชาร์ล เดอ โกล
  • บินภายในสู่เรคยาวิก (RKV) – เดินทางต่อสู่เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะแห่งน้ำแข็งและไฟ ด้วยความงดงามทางธรรมชาติอันน่าทึ่ง
  • อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ – สัมผัสปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา ณ จุดที่แผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือแยกออกจากกัน และเป็นสถานที่จัดตั้งรัฐสภาโลกแห่งแรกของชาวไอซ์แลนด์เมื่อปี ค.ศ. 930

วันที่ 3: 9 พฤศจิกายน 2568

  • วงกลมทองคำ (Golden Circle) – เส้นทางยอดนิยมที่รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามของไอซ์แลนด์ไว้ในเส้นทางเดียว
  • น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – ชมความยิ่งใหญ่ของ “น้ำตกทองคำ” ซึ่งมีความสูง 32 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงสู่หุบเหวลึก สายน้ำอันทรงพลังสร้างละอองน้ำและสายรุ้งให้ได้ชมในวันที่แดดดี
  • น้ำพุร้อนเกย์ซีร์ – พบกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ ชม Strokkur พวยพุ่งน้ำร้อนสูงถึง 30 เมตรขึ้นสู่ท้องฟ้าทุกๆ 5-10 นาที เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนที่ยังคงทำงานอยู่ไม่กี่แห่งในโลก
  • ปากปล่องภูเขาไฟเคริด – ดื่มด่ำกับความงามของทะเลสาบสีเขียวมรกตที่อยู่ภายในปากปล่องภูเขาไฟโบราณ ล้อมรอบด้วยหินสีแดงสด สร้างภาพที่ตัดกันอย่างงดงาม
  • เมืองเซลฟอสส์ – พักผ่อนในเมืองน่ารักริมฝั่งแม่น้ำโอลฟูซา ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ เพลิดเพลินกับบรรยากาศท้องถิ่นและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารจากวัตถุดิบในท้องถิ่น

วันที่ 4: 10 พฤศจิกายน 2568

  • น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ – สัมผัสประสบการณ์พิเศษกับการเดินลอดม่านน้ำตกสูง 60 เมตรที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน ชมวิวแบบ 360 องศาจากด้านหลังน้ำตก
  • น้ำตกสโกการ์ฟอสส์ – ตื่นตาตื่นใจกับน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความกว้าง 25 เมตรและสูง 60 เมตร ปีนบันได 527 ขั้นเพื่อชมวิวที่สวยงามจากด้านบน ในวันที่แดดดีอาจได้เห็นสายรุ้งพาดผ่านม่านน้ำตก
  • แหลมดีร์โฮเลย์ – ชมซุ้มหินลาวาธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปในทะเล และหากมาในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม อาจได้พบนกพัฟฟินน่ารักที่มาทำรังวางไข่
  • หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา – สัมผัสความงามอันแปลกตาของหาดทรายสีดำสนิทที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟ และเสาหินบะซอลต์รูปทรงเรขาคณิตที่เรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์
  • เรย์นิสดรังการ์ – ชมกลุ่มหินภูเขาไฟรูปทรงแปลกตาที่โผล่พ้นทะเล ตามตำนานเล่าว่าเป็นโทรลล์ (ยักษ์ในเทพนิยายนอร์ส) ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน
  • เมืองวิก – พักผ่อนในเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้สุดของไอซ์แลนด์ที่มีประชากรเพียง 300 คน แต่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและหาดทรายดำอันเป็นเอกลักษณ์

วันที่ 5: 11 พฤศจิกายน 2568

  • ทุ่งลาวามอสส์ – เดินทางผ่านทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์สีเขียวนุ่มหนาราวกับพรมธรรมชาติ สร้างภาพที่แปลกตาเหมือนอยู่บนดาวต่างดาว
  • ทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน – พบกับหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์ ชมภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าขนาดต่างๆ ที่แตกออกจากธารน้ำแข็ง Breiðamerkurjökull และลอยละล่องในทะเลสาบ ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่องมาถ่ายทำที่นี่
  • หาดทรายเพชร – เดินเล่นบนหาดทรายดำที่มีก้อนน้ำแข็งใสราวเพชรขนาดต่างๆ ถูกซัดขึ้นมาจากทะเล สร้างภาพคอนทราสต์อันน่าตื่นตาระหว่างน้ำแข็งเป็นประกายกับพื้นทรายสีดำสนิท

วันที่ 6: 12 พฤศจิกายน 2568

  • ถ้ำน้ำแข็ง – ผจญภัยในโลกใต้พิภพที่น่าอัศจรรย์ของถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าครามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แสงที่ส่องผ่านผนังน้ำแข็งสร้างสีสันที่สวยงามไม่เหมือนที่ใด (การเข้าชมขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและฤดูกาล)
  • เดินทางกลับเมืองวิก – กลับมาพักผ่อนในเมืองวิกอีกครั้ง เพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นและเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนที่สงบเงียบ โดยอาจมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือในช่วงฤดูหนาว

วันที่ 7: 13 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางกลับเรคยาวิก – มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของไอซ์แลนด์ เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพเกือบ 100%
  • โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา – ชมสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของโบสถ์ลูเทอรันที่สูงที่สุดในเรคยาวิก (74.5 เมตร) ออกแบบให้เหมือนปล่องลาวาหรือแท่งบะซอลต์ และมีออร์แกนขนาดใหญ่ที่มีท่อถึง 5,275 ท่อ
  • ซันโวยาเจอร์ – ถ่ายรูปกับประติมากรรมสแตนเลสสตีลรูปเรือไวกิ้งริมทะเล ที่สื่อถึงความฝันและความหวัง การผจญภัย และการค้นพบสิ่งใหม่ๆ
  • อาคารฮาร์ปา – ชื่นชมความงามของอาคารคอนเสิร์ตฮอลล์และศูนย์การประชุมที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ด้วยกระจกหลากสีที่สะท้อนแสงแตกต่างกันตลอดทั้งวัน แรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์เอกลักษณ์ของไอซ์แลนด์
  • บลูลากูน – ผ่อนคลายในสระน้ำพุร้อนธรรมชาติสีฟ้าครามอันเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางทุ่งลาวาที่แปลกตา น้ำแร่อุดมไปด้วยแร่ธาตุซิลิกาและซัลเฟอร์ที่มีคุณสมบัติรักษาโรคผิวหนังบางชนิด อุณหภูมิเฉลี่ย 37-40°C
  • เดินทางกลับเมืองเคฟลาวิก – เตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับ พักผ่อนที่โรงแรมใกล้สนามบิน

วันที่ 8: 14 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางสู่สนามบินเคฟลาวิก (KEF) – อำลาดินแดนไอซ์แลนด์ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจ
  • บินสู่โคเปนเฮเกน (CPH) – เปลี่ยนเครื่องที่เมืองหลวงสวยงามของเดนมาร์ก
  • ต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ (BKK) – เดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยสายการบิน Thai Airways

วันที่ 9: 15 พฤศจิกายน 2568

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ – จบการเดินทางอันแสนพิเศษและเต็มไปด้วยความประทับใจกับ ‘ดินแดนมหัศจรรย์แห่งน้ำแข็งและไฟ’
Categories
10-Oct 2024 Europe Roadtrip

ทัวร์ยุโรป นอกสายตา โครเอเชีย มอนเตเนโกร แปลกใหม่ สวยจึ้ง

โครเอเชีย มอนเตเนโกร
แปลกใหม่ สวยจึ้ง
สรุปไฮไลท์

☀️อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes – มรดกโลกที่มีทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่ง เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย

☀️กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik – กำแพงหินสูงอายุหลายร้อยปีที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ให้วิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม

☀️พระราชวัง Diocletian’s Palace – พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️อ่าว Kotor – อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน พร้อมเมืองเก่ายุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

☀️หุบเขา Tara Canyon – หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีความลึกถึง 1,300 เมตร ให้ประสบการณ์ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

☀️โบสถ์ St. Mark ในซาเกร็บ – โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใสแสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหลวง

☀️เกาะ Our Lady of the Rocks – เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor ที่สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี มีโบสถ์ที่เก็บงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า

☀️อุทยานแห่งชาติ Krka – อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม

☀️เกาะ Sveti Stefan – เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว เป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร

☀️จุดชมวิว Mount Srđ – จุดชมวิวพาโนรามาที่สวยที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก สามารถขึ้นได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้า

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป โครเอเชีย มอนเตเนโกร

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – ซาเกร็บ (Zagreb)

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: จุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแห่งกำแพงหินโบราณและทะเลเอเดรียติกสีฟ้าคราม

  • บินสู่ซาเกร็บ: เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines (TK69 23.05-05.20 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK1053 06.55-08.00 น.) สู่เมืองหลวงที่มีเสน่ห์แห่งโครเอเชีย

วันที่ 2: ซาเกร็บ (Zagreb) – เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม

  • เมืองซาเกร็บ: เมืองหลวงที่ผสมผสานความคลาสสิกและทันสมัยได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยอาคารโบราณและพิพิธภัณฑ์มากมาย แบ่งเป็นเมืองบนและเมืองล่างที่เชื่อมต่อด้วยรถรางสายสั้นที่สุดในโลก

  • โบสถ์ St. Mark: โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใส แสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย-สลาโวเนีย-ดัลเมเชีย เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง

  • จัตุรัส Ban Jelačić: ศูนย์กลางของเมืองซาเกร็บ แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่คึกคักตลอดทั้งวัน

  • มหาวิหาร Zagreb: มหาวิหารนีโอโกธิคที่สูงที่สุดในโครเอเชีย โดดเด่นด้วยยอดแหลมคู่สูงตระหง่าน ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยงานศิลปะทางศาสนา

วันที่ 3: Plitvice Lakes – Skradin – Split

  • อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes: มรดกโลกที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ประกอบด้วยทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย

  • ทะเลสาบ Kozjak: ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน ให้ประสบการณ์ล่องเรือท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชมน้ำใสจนสามารถมองเห็นฝูงปลาแหวกว่าย

  • อุทยานแห่งชาติ Krka (Skradin): อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนเป็นระยะทางกว่า 800 เมตร ท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม

  • เมือง Split: เมืองชายฝั่งทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโครเอเชีย ศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานหลายยุคสมัย

วันที่ 4: Split – Dubrovnik

  • พระราชวัง Diocletian’s Palace: พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ปัจจุบันมีผู้คนอาศัยและมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายอยู่ภายในกำแพงพระราชวัง

  • วิหาร Saint Domnius: มหาวิหารเก่าแก่ที่สร้างจากสุสานของจักรพรรดิ Diocletian สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 นับเป็นมหาวิหารคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

  • เส้นทางชายฝั่งเอเดรียติก: เดินทางเลียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่สวยงามตระการตา ผ่านเมืองชายทะเลที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ของเกาะน้อยใหญ่ในทะเลสีคราม

  • เมือง Dubrovnik: “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” เมืองโบราณที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูงที่สมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ความงดงามของเมืองนี้ทำให้ได้รับเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดัง Game of Thrones

วันที่ 5: Dubrovnik

  • กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik: กำแพงหินสูงที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เดินชมวิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้

  • ถนน Stradun: ถนนสายหลักที่ปูด้วยหินอ่อนขัดมันวาว ทอดยาวกลางเมืองเก่า สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารหินโบราณ ร้านค้า ร้านอาหาร และโบสถ์เก่าแก่มากมาย

  • น้ำพุ Onofrio: น้ำพุประวัติศาสตร์สร้างในศตวรรษที่ 15 เป็นจุดเริ่มต้นของระบบน้ำโบราณที่จัดส่งน้ำจืดเข้าสู่เมือง

  • วิหาร Dubrovnik Cathedral: มหาวิหารบาโรกที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 บนฐานของมหาวิหารเดิมที่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ภายในเก็บรักษางานศิลปะล้ำค่ามากมาย

วันที่ 6: Dubrovnik – Kotor (Montenegro)

  • จุดชมวิว Mount Srđ: ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Srđ สูง 412 เมตร ชมวิวพาโนรามาที่สวยงามที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก

  • พรมแดนโครเอเชีย-มอนเตเนโกร: เดินทางข้ามพรมแดนสู่ประเทศมอนเตเนโกร ดินแดนภูเขาดำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิม

  • อ่าว Kotor: อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน สร้างทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ

  • เมืองเก่า Kotor: เมืองโบราณยุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ล้อมรอบด้วยกำแพงป้อมปราการที่ทอดยาวขึ้นไปตามเนินเขา ภายในเต็มไปด้วยโบสถ์ จัตุรัส และพระราชวังเก่าแก่

  • อุทยานแห่งชาติ Lovćen: อุทยานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมอนเตเนโกร บนยอดเขามีสุสานของ Petar II Petrović-Njegoš กวีและผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาติ

วันที่ 7: Kotor – Our Lady of the Rocks – Durmitor National Park – Tara Canyon

  • Our Lady of the Rocks: เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี บนเกาะมีโบสถ์ที่มีงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า

  • เกาะ Sveti Đorđe: เกาะธรรมชาติใกล้เคียงที่มีความเงียบสงบและเป็นที่ตั้งของอารามเบเนดิกตินโบราณและสุสาน

  • อุทยานแห่งชาติ Durmitor: มรดกโลกที่มีภูมิประเทศหลากหลายทั้งภูเขาสูง ทะเลสาบ ป่าสน และทุ่งหญ้าอัลไพน์ สร้างทัศนียภาพอันน่าทึ่ง

  • หุบเขา Tara Canyon: หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก Grand Canyon ความลึกถึง 1,300 เมตรและยาวกว่า 80 กิโลเมตร

  • สะพาน Tara Bridge: สะพานคอนกรีตโค้งที่สร้างใน ค.ศ. 1940 ทอดข้ามหุบเขาที่จุดที่สูงถึง 172 เมตรเหนือแม่น้ำ Tara ใสสะอาด ให้วิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ

วันที่ 8: Podgorica – Budva – Podgorica

  • Podgorica: เมืองหลวงของมอนเตเนโกรที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ ชมสะพานโบราณ Millennium ข้ามแม่น้ำ Morača และโบสถ์ St. George’s อายุกว่าพันปี

  • เมือง Budva: เมืองชายทะเลที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเดรียติก มีอายุกว่า 2,500 ปี โดดเด่นด้วยกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบเมืองเก่าริมทะเล

  • เกาะ Sveti Stefan: เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว ถือเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร

  • ชายหาด Mogren: ชายหาดทรายสีทองที่โอบล้อมด้วยโขดหินและน้ำทะเลสีฟ้าใส เป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Budva

วันที่ 9: Podgorica – กรุงเทพฯ

  • สนามบิน Podgorica: เดินทางสู่สนามบินเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

  • บินกลับกรุงเทพฯ: โดยสายการบิน Turkish Airlines (TK1086 09.15-12.05 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK58 16.25-06.05 น.)

  • สรุปการเดินทาง: ลาก่อนดินแดนไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก ที่เต็มไปด้วยความงามทางธรรมชาติและความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์

วันที่ 10: กรุงเทพฯ

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการผจญภัยในโครเอเชียและมอนเตเนโกร

Categories
10-Oct 2024 Europe

สวิสสายชิล เน้น Highlight

สวิสสายชิล เน้น Highlight
รถไฟ • กระเช้า • ยอดเขา • ทะเลสาบ
สรุปไฮไลท์

☀️กลาเซียร์เอ็กซ์เพรส – หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ที่จะพาคุณผ่านทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเทือกเขาแอลป์ สะพานสูง และธารน้ำแข็ง ในการเดินทางอันแสนพิเศษ

☀️ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น – ชมยอดเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จากเมืองเซอร์มัทท์และจุดชมวิวกอร์เนอร์กราท

☀️ยุงเฟรายอค – สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ได้รับการขนานนามว่า “หลังคาแห่งยุโรป” พร้อมชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งและวิวพาโนรามาที่น่าตื่นตาตื่นใจ

☀️หุบเขาเลาเทอร์บรุนเนน – หุบเขาแห่งน้ำตก 72 สาย ที่ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาหินสูงชันและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด

☀️เมืองเบิร์น – เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของสวิตเซอร์แลนด์ ย่านเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมชมหอนาฬิกาเก่าแก่และสวนหมีอันเป็นสัญลักษณ์

☀️ชติฟท์สบิบลิโอเทค – ห้องสมุดโบราณอายุกว่า 1,000 ปีที่ St. Gallen ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกและคอลเลกชันหนังสือโบราณล้ำค่า

☀️ทะเลสาบบรีนซ์และทะเลสาบลูเซิร์น – สัมผัสความงดงามของทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง และเพลิดเพลินกับบรรยากาศเมืองริมทะเลสาบที่มีเสน่ห์

☀️สะพานไม้ชาเปล – สัญลักษณ์แห่งเมืองลูเซิร์น สะพานไม้เก่าแก่อายุกว่า 700 ปีที่ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์ พร้อมภาพวาดประวัติศาสตร์ที่ตกแต่งตลอดสะพาน

☀️กรินเดลวัลด์ เฟิร์สท์ – ผจญภัยกับกิจกรรมกลางแจ้งที่น่าตื่นเต้น เช่น เส้นทางเดินบนสะพานแขวน First Cliff Walk ที่ให้คุณได้สัมผัสวิวพาโนรามาแบบ 360 องศา

☀️ชไตน์ อัม ไรน์และอัพเพนเซลล์ – เยี่ยมชมเมืองเก่าแก่ที่มีเสน่ห์แห่งสวิตเซอร์แลนด์ตะวันออก ด้วยบ้านเรือนสีสันสดใสและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ xx,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

โปรแกรมทริป สวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 1: เริ่มต้นการเดินทาง

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: จุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแห่งขุนเขา ความงดงามและความมหัศจรรย์รอคุณอยู่

  • บินสู่ซูริค: เดินทางด้วยเที่ยวบินตรงสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งนาฬิกา ช็อกโกแลต และทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดในโลก

วันที่ 2: เสน่ห์แห่งสวิสตะวันออก

  • ชไตน์ อัม ไรน์: เมืองยุคกลางริมแม่น้ำไรน์ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีเยี่ยม บ้านเรือนโบราณอายุหลายร้อยปีที่ทาสีสดใสตัดกับความเขียวขจีของแม่น้ำ สร้างบรรยากาศที่เหมือนหลุดเข้าไปในนิทาน

  • ชติฟท์สบิบลิโอเทค: ห้องสมุดโบราณอายุกว่า 1,000 ปีที่ St. Gallen ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยเพดานโค้งบาโรกและชั้นหนังสือไม้แกะสลักอันวิจิตร รวมทั้งคัมภีร์โบราณล้ำค่า

  • อัพเพนเซลล์: เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ด้วยบ้านไม้สีสันสดใส ศูนย์กลางงานหัตถกรรมพื้นบ้านและวัฒนธรรมสวิสดั้งเดิม ชมการทำชีสและงานแกะสลักไม้แบบโบราณ

  • เอเบนัลพ์: หมู่บ้านบนที่ราบสูงท่ามกลางทุ่งหญ้าอัลไพน์ ล้อมรอบด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน เป็นศูนย์กลางของการทำฟาร์มโคนมแบบดั้งเดิม ให้คุณได้ลิ้มรสชีสและนมสดที่หอมหวาน

วันที่ 3: สู่หัวใจของเทือกเขาแอลป์

  • อันเดอร์มัทท์: หมู่บ้านเก่าแก่ในหุบเขาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของเส้นทางการค้าข้ามเทือกเขาแอลป์ ชมโบสถ์เซนต์ปีเตอร์และพอลสไตล์บาโรกที่งดงาม

  • กลาเซียร์เอ็กซ์เพรส: หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ทอดผ่านภูมิประเทศที่น่าทึ่ง สะพานสูง อุโมงค์ภูเขา และธารน้ำแข็ง เป็นการเดินทาง 8 ชั่วโมงที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจไม่รู้ลืม

  • เซอร์มัทท์: เมืองปลอดมลพิษที่ไม่อนุญาตให้ใช้รถยนต์ ตั้งอยู่เชิงเขาแมทเธอร์ฮอร์นอันโด่งดัง ศูนย์กลางการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวชั้นเลิศของสวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 4: สัมผัสความยิ่งใหญ่

  • กอร์เนอร์กราท: จุดชมวิวที่สูงถึง 3,089 เมตร ให้ทัศนียภาพพาโนรามา 360 องศาของเทือกเขาแอลป์และยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ นำเสนอภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพ

  • อินเทอร์ลาเคน: เมืองรีสอร์ทยอดนิยมที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบทุนและทะเลสาบบรีนซ์ ล้อมรอบด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นประตูสู่เขตยุงเฟราที่มีชื่อเสียงระดับโลก

  • กรินเดลวัลด์: หมู่บ้านในหุบเขาอันเงียบสงบที่ทอดยาวใต้เงาของยอดเขาไอเกอร์อันน่าเกรงขาม ศูนย์กลางกีฬาฤดูหนาวและจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าอันสวยงาม

วันที่ 5: ยอดเขาและหุบเขาอันงดงาม

  • ไอเกอร์เอ็กซ์เพรส: กระเช้าไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ พาคุณลอยขึ้นสู่ความสูงกว่า 2,320 เมตร ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาและหุบเขาที่ดูเหมือนภาพวาด

  • ยุงเฟรายอค: สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปที่ 3,454 เมตร ถูกขนานนามว่า “หลังคาแห่งยุโรป” มอบประสบการณ์ที่น่าทึ่งด้วยพิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง ทางเดินชมธารน้ำแข็ง และวิวพาโนรามาที่น่าตื่นตาตื่นใจ

  • เลาเทอร์บรุนเนน: หุบเขาแห่งน้ำตก 72 สาย ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาหินสูงชันและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบราวกับภาพวาดในโปสการ์ด

  • เมอเรน: หมู่บ้านบนหน้าผาที่ไม่มีรถยนต์ วางตัวอยู่บนระเบียงธรรมชาติที่มองเห็นวิวของหุบเขาเลาเทอร์บรุนเนนที่อยู่เบื้องล่าง นำเสนอมุมมองที่น่าทึ่งของยอดเขาไอเกอร์ เมินช์ และยุงเฟรา

วันที่ 6: ผจญภัยและวัฒนธรรม

  • กรินเดลวัลด์ เฟิร์สท์: จุดชมวิวและศูนย์กลางกิจกรรมกลางแจ้งที่ความสูง 2,168 เมตร มีกิจกรรมน่าตื่นเต้นมากมาย เช่น เส้นทางเดินบนสะพานแขวน First Cliff Walk และการเล่นซิปไลน์

  • เบิร์น: เมืองหลวงที่สวยงามของสวิตเซอร์แลนด์ ย่านเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยถนนที่มีอาเขตโค้ง หอนาฬิกาเก่าแก่ และสวนหมีที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง

วันที่ 7: ความงามของทะเลสาบและเมือง

  • ทะเลสาบบรีนซ์: ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง น้ำใสบริสุทธิ์จากการละลายของหิมะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์

  • อิเซลท์วัลด์: หมู่บ้านโบราณริมทะเลสาบที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล โบสถ์หินอายุหลายร้อยปีตั้งตระหง่านท่ามกลางบ้านไม้แบบดั้งเดิม สถานที่แห่งนี้สงบเงียบและโรแมนติก

  • ลูเซิร์น: เมืองริมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงด้วยสะพานไม้ชาเปลอายุกว่า 700 ปี กำแพงเมืองโบราณ และอนุสาวรีย์สิงโตแกะสลักที่น่าประทับใจ ผสมผสานความเก่าแก่กับความทันสมัยได้อย่างลงตัว

  • ซูริค: เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ศูนย์กลางการเงินและวัฒนธรรม ถนนบานโฮฟสตราสเซอเป็นแหล่งช้อปปิ้งหรูหราชั้นนำของยุโรป พร้อมร้านค้าแบรนด์เนมและร้านนาฬิกาชื่อดัง

วันที่ 8: อำลาสวิตเซอร์แลนด์

  • เดินทางสู่สนามบินซูริค: เก็บกระเป๋าและความทรงจำดีๆ เตรียมตัวเดินทางกลับ มีเวลาซื้อของฝากและของที่ระลึกที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง

  • บินกลับสู่กรุงเทพฯ: อำลาสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมภาพความประทับใจมากมายจากการเดินทางครั้งนี้

วันที่ 9: กลับถึงประเทศไทย

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมประสบการณ์และความทรงจำอันแสนพิเศษจากดินแดนแห่งขุนเขาและทะเลสาบที่สวยงามที่สุดในโลก

Categories
06-Jun 10-Oct 12-Dec 2024 Europe

ทัวร์อิตาลีเหนือ โดโลไมท์ ชิงเควเตเร่ โคโม่

ทัวร์อิตาลีเหนือ
โดโลไมท์ ชิงเคว่เตเร่ โคโม่
สรุปไฮไลท์

☀️อัลเป ดิ ซิอูซี (Alpe di Siusi) – ที่ราบสูงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาโดโลไมท์อันยิ่งใหญ่ เป็นภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากนิทาน

☀️เซเชดา (Seceda) – หน้าผาฟันเลื่อยสุดอลังการที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จุดถ่ายภาพที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึง เมื่อได้เห็นแนวเขาที่เรียงตัวคล้ายฟันปลาฉลามโผล่พ้นทะเลหมอก

☀️วัล ดิ ฟูเนส (Val di Funes) – ซิกเนเจอร์ของโดโลไมท์ ด้วยโบสถ์ซานตาแมดาเลนาที่ตั้งโดดเด่นท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี มีฉากหลังเป็นเทือกเขาแหลมสูง ภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของโดโลไมท์

☀️ทะเลสาบไบรเอส (Lake Braies) – ไข่มุกแห่งโดโลไมท์ ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ที่ใสราวกับกระจก สะท้อนภาพเทือกเขาและบ้านไม้สีแดงอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี

☀️ซิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) – ห้าหมู่บ้านริมทะเลสีสันสดใสที่เกาะติดหน้าผาชายฝั่ง โดยเฉพาะหมู่บ้าน Manarola ที่มีบ้านสีสันสดใสเรียงรายบนหน้าผาสูงชัน เป็นภาพจำของชายฝั่งอิตาเลียนริเวียร่า

☀️จิเอา พาส (Giau Pass) – จุดชมวิวบนเส้นทางผ่านเทือกเขาที่สวยที่สุดในโดโลไมท์ ด้วยทัศนียภาพ 360 องศาของยอดเขาที่โดดเด่นและทุ่งหญ้าอัลไพน์

☀️ทะเลสาบโคโม (Lake Como) – ทะเลสาบรูปตัว Y ที่งดงามที่สุดในอิตาลี ล้อมรอบด้วยภูเขาและวิลล่าหรู ที่พักตากอากาศของเหล่าคนดังและชนชั้นสูง ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก

☀️มหาวิหารดูโอโม (Duomo) มิลาน – มหาวิหารโกธิคที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดของอิตาลี ด้วยยอดแหลมกว่า 135 ยอด และรูปปั้นกว่า 3,400 ชิ้น ความละเอียดอ่อนของสถาปัตยกรรมที่ใช้เวลาสร้างหลายร้อยปี

☀️เทร ชิเม ดิ ลาวาเรโด (Tre Cime di Lavaredo) – สัญลักษณ์อันเป็นที่จดจำของโดโลไมท์ กับยอดเขาสามยอดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ภาพที่นักถ่ายภาพทั่วโลกใฝ่ฝันจะได้มาบันทึกภาพ

☀️บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta) – สัมผัสตำนานรักอมตะที่บ้านของจูเลียตในเวโรนา พร้อมระเบียงอันโด่งดังจากวรรณกรรมเรื่อง “Romeo and Juliet” ของเชคสเปียร์ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 109,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
    • พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 30,000 บาท
  • วันเดินทาง  
    • 17 – 26 ต.ค. 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป Italy Dolomite Cinque

วันที่ 1: การเริ่มต้นการผจญภัย

  • บินตรงสู่ดินแดนแห่งศิลปะและวัฒนธรรมด้วยสายการบิน Thai Airways International จากสนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่ 2: สัมผัสวัฒนธรรมผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์

  • มิลาน สู่ โบลซาโน (Bolzano) – เมืองที่ผสานความงดงามของวัฒนธรรมอิตาเลียนและออสเตรียนได้อย่างลงตัว ชมสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
  • จัตุรัสวอลเธอร์ (Walther Square) – จัตุรัสหลักของเมืองโบลซาโน ที่มีบรรยากาศผสมผสานระหว่างอิตาลีและออสเตรียอย่างลงตัว
  • ตลาดท้องถิ่น Mercatino di Natale – หากไปช่วงหน้าหนาว เป็นตลาดคริสต์มาสที่สวยที่สุดในอิตาลีเหนือ
  • ออร์ติเซอิ (Ortisei) – ประตูสู่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งโดโลไมท์ เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบอัลไพน์ และเป็นศูนย์กลางกิจกรรมกลางแจ้งที่ทุกคนต้องหลงรัก

วันที่ 3: ความยิ่งใหญ่เหนือขุนเขา

  • อัลเป ดิ ซิอูซี (Alpe di Siusi) – ทุ่งหญ้าบนที่ราบสูงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ล้อมรอบด้วยเทือกเขาโดโลไมท์อันน่าทึ่ง เหมือนได้เดินอยู่บนสวรรค์
  • Bullaccia/Puflatsch – จุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งในอัลเป ดิ ซิอูซี ที่สามารถเดินเท้าได้
  • หมู่บ้าน Compatsch – หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักในอัลเป ดิ ซิอูซี
  • เซเชดา (Seceda) – นั่งกระเช้าขึ้นสู่หน้าผาสูงชันที่เป็นไฮไลท์ของการถ่ายภาพ กับภาพเทือกเขาที่เรียงตัวเหมือนฟันเลื่อยยักษ์ โผล่พ้นจากทะเลหมอก

วันที่ 4: สัมผัสซิกเนเจอร์แห่งโดโลไมท์

  • วัล ดิ ฟูเนส (Val di Funes) – หมู่บ้านในหุบเขาที่งดงามเหนือคำบรรยาย กับโบสถ์ซานตาแมดาเลนาที่ตั้งโดดเด่นมีฉากหลังเป็นเทือกเขาอันยิ่งใหญ่
  • โบสถ์ St. Johann (San Giovanni) – โบสถ์สวยอีกแห่งในหุบเขา Val di Funes
  • ทะเลสาบไบรเอส (Lake Braies) – ไข่มุกแห่งโดโลไมท์ ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ที่ใสราวกับกระจก สะท้อนภาพเทือกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
  • Toblach/Dobbiaco – หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักระหว่างทางไป Lake Braies
  • เทร ชิเม ดิ ลาวาเรโด (Tre Cime di Lavaredo) – สัญลักษณ์อันเป็นที่จดจำของโดโลไมท์ กับยอดเขาสามยอดที่โดดเด่น (จุดชมวิว ไม่ได้ Trek)
  • ทะเลสาบมิซูรินา (Lake Misurina) – ทะเลสาบกระจกที่สะท้อนภาพขุนเขา พร้อมอาคารสีเหลืองสดใสเป็นจุดเด่น
  • คอร์ติน่า ดิ อัมเปซโซ (Cortina d’Ampezzo) – เมืองรีสอร์ทสกีสุดหรู “ไข่มุกแห่งโดโลไมท์” ที่เคยเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว

วันที่ 5: ขุนเขาสู่เมืองแห่งความรัก

  • จิเอา พาส (Giau Pass) – จุดชมวิวบนเส้นทางผ่านเทือกเขาที่สวยที่สุดในโดโลไมท์
  • พอร์ดอย พาส (Pordoi Pass) – อีกหนึ่งเส้นทางผ่านเทือกเขาที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจ
  • Arabba – หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักระหว่างเส้นทาง Pordoi Pass
  • ทะเลสาบคาเรซซ่า (Lake of Carezza) – ทะเลสาบเล็กๆ ที่มีสีสันงดงามราวกับรุ้ง
  • เวโรนา (Verona) – เมืองแห่งความรักอันเป็นตำนาน บ้านเกิดของเรื่องราวโรมิโอและจูเลียต

วันที่ 6: จากเมืองรักสู่ริมฝั่งทะเล

  • บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta) – สัมผัสตำนานรักอมตะที่บ้านของจูเลียต พร้อมระเบียงอันโด่งดัง
  • Arena di Verona – โรงละครโรมันโบราณที่ยังใช้จัดแสดงโอเปร่าในปัจจุบัน
  • จัตุรัส Piazza delle Erbe – จัตุรัสเก่าแก่ใจกลางเมือง มีตลาดท้องถิ่นและร้านกาแฟ
  • ลา สเปเซีย (La Spezia) – เมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีเสน่ห์ ประตูสู่ซิงเคว เทเร่

วันที่ 7: ความงดงามของชายฝั่งและทะเลสาบ

  • ซิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) – ห้าหมู่บ้านสีสันสดใสที่เกาะติดหน้าผาริมทะเล เชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินที่มีวิวทะเลแสนงดงาม สัมผัสบรรยากาศอิตาเลียนริเวียร่าแบบดั้งเดิม
  • หมู่บ้าน Monterosso al Mare – หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดใน Cinque Terre มีชายหาดที่สวยงาม
  • หมู่บ้าน Manarola – จุดถ่ายรูปชื่อดังของ Cinque Terre ที่มีบ้านสีสันสดใสเรียงรายบนหน้าผา
  • ทะเลสาบโคโม (Lake Como) – ทะเลสาบรูปตัว Y กลับหัว ล้อมรอบด้วยภูเขาและวิลล่าหรู ที่พักตากอากาศของเหล่าคนดังและชนชั้นสูง

วันที่ 8: สัมผัสมนต์เสน่ห์ทะเลสาบสู่เมืองแฟชั่น

  • มิลาน (Milan) – เยี่ยมชม มหาวิหารดูโอโม (Duomo) มหาวิหารโกธิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลี ด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตา จากยอดแหลมกว่า 135 ยอด และรูปปั้นกว่า 3,400 ชิ้น
  • แกลเลอเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอเล (Galleria Vittorio Emanuele II) – ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่และหรูหราที่สุดในอิตาลี

วันที่ 9: อำลาอิตาลี

  • มิลาน – เพลิดเพลินกับช่วงเช้าอิสระในเมืองมิลาน
  • เดินทางสู่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 10: กลับถึงบ้าน

  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำที่น่าประทับใจจากการเยือนอิตาลีเหนือ
Categories
04-Apr 10-Oct 12-Dec 2024 Africa FullBoard

ทัวร์โมรอคโคกลุ่มเล็ก คาซาบลังก้า บ้านสีฟ้า มาราเกซ ซาฮาร่า

ทัวร์โมรอคโคกลุ่มเล็ก
คาซาบลังก้า บ้านสีฟ้า มาราเกซ ซาฮาร่า
สรุปไฮไลท์

☀️ สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 – หนึ่งในมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งตระหง่านริมมหาสมุทร โดดเด่นด้วยหอคอยสูง 210 เมตรและพื้นกระจกใต้ทะเลสุดอลังการ

☀️ เมืองเชฟชาอูน – “นครสีฟ้า” ที่มีบ้านเรือนและถนนทาด้วยสีฟ้าสดใสทั้งเมือง สร้างภาพที่สวยงามราวกับโลกในเทพนิยาย

☀️ เมดินาแห่งเฟซ – เมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีตรอกซอกซอยกว่า 9,000 ทางเดิน และโรงฟอกหนัง Chouara อายุกว่า 1,000 ปีที่ยังใช้เทคนิคโบราณ

☀️ ขี่อูฐในทะเลทรายซาฮาร่า – สัมผัสประสบการณ์ขี่อูฐบนเนินทรายสีทองและพักค้างคืนในแคมป์กลางทะเลทราย ใต้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว

☀️ ไอท์ เบน ฮาดดู – ป้อมปราการดินเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี สถานที่มรดกโลกยูเนสโกและฉากถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากมาย

☀️ เทือกเขาแอตลาส – การเดินทางผ่านช่องเขา Tizi n’Tichka ที่สูงกว่า 2,260 เมตร ชมวิวทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาสูงสุดในแอฟริกาเหนือ

☀️ จัตุรัสเจมาอ เอล ฟนา – จัตุรัสที่มีชีวิตชีวาที่สุดในแอฟริกา เต็มไปด้วยนักแสดง คนเล่นงู นักเล่านิทาน และร้านอาหารพื้นเมือง โดยเฉพาะยามค่ำคืน

☀️ พระราชวังบาเอีย – พระราชวังอันวิจิตรตระการตาในมาราเกช ที่มีห้องมากกว่า 150 ห้อง สวนในร่ม และลานหินอ่อนอันงดงาม

☀️ อาหารโมร็อกกัน – ลิ้มรสอาหารแบบ Tagine (อาหารอบในหม้อดินทรงกรวย), คูสคูส, และชาใบมิ้นต์หอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์

☀️ ช้อปปิ้งในตลาดพื้นเมือง – เลือกซื้อพรมทอมือ เครื่องเทศ น้ำหอม เครื่องหนัง และงานฝีมือมากมายในตลาดเก่าแก่ที่คึกคักและเต็มไปด้วยสีสัน

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • สอบถามทีมงาน
  • วันเดินทาง  
    • สอบถามทีมงาน
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ โรงแรมระดับ 4 ดาว / ริยาด
✅️ เดินทางโดยรถ Minibus กรุ๊ปละ 12 ท่าน
✅️ หัวหน้าทัวร์ถ่ายรูปสวยๆให้
✅️ ค่ากิจกรรม ทุกอย่าง ตามระบุในโปรแกรม 
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น

โปรแกรมทริปโมรอคโค

วันที่ 1: เริ่มต้นการผจญภัย

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
  •  เดินทางไปคาซาบลังกา ด้วยสายการบิน Qatar Airways (QR835/QR4567)
  •  พักผ่อนบนเครื่องบิน เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันถัดไป   

วันที่ 2: คาซาบลังกา – ราบัต – เชฟชาอูน

  • สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 – มัสยิดสุดอลังการริมมหาสมุทรแอตแลนติก หอคอยสูง 210 เมตร รองรับผู้ละหมาดได้ 25,000 คน พื้นกระจกใต้ทะเลสุดตื่นตา
  • ราบัต – เมืองหลวงมรดกโลกที่ผสมผสานความโบราณและทันสมัย
  • Kasbah of the Oudayas – ป้อมปราการโบราณสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า จุดชมวิวสวยริมมหาสมุทร
  • สุสานโมฮัมเหม็ดที่ 5 – อนุสรณ์สถานอันวิจิตรบรรจงของกษัตริย์ผู้เป็นบิดาแห่งโมร็อกโกสมัยใหม่
  • หอคอยฮัสซัน – ซากมัสยิดที่ไม่เคยสร้างเสร็จจากศตวรรษที่ 12 แต่ยังทรงเสน่ห์
  • เดินทางต่อสู่ เชฟชาอูน “นครสีฟ้า” ที่ซ่อนตัวในหุบเขา Rif
  • พักที่เชฟชาอูน

วันที่ 3: เชฟชาอูน – เฟซ

  •  สำรวจ เชฟชาอูน – เมืองที่บ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าสวยงามราวกับโลกในนิทาน ถนนแคบๆ คดเคี้ยวชวนให้หลงทาง
  • เยี่ยมชม Plaza Uta el-Hammam จัตุรัสหลักใจกลางเมืองที่มีร้านค้า คาเฟ่ และมัสยิดเก่าแก่
  •  เดินทางสู่ เฟซ – เมืองโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของโมร็อกโก อายุกว่า 1,200 ปี
  • พักที่เฟซ

วันที่ 4: เฟซ – เมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

  •  Madrasa Bou Inania – สถาบันการศึกษาศาสนาอิสลามอายุ 700 ปี ประดับด้วยลวดลายโมเสกและไม้แกะสลักอันวิจิตร
  • Kairaouine Mosque & University – มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังเปิดสอนถึงปัจจุบัน ก่อตั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 859
  • Chouara Tannery – โรงฟอกหนังโบราณขนาดใหญ่ อายุกว่า 1,000 ปี ที่ยังคงใช้วิธีการฟอกหนังแบบดั้งเดิม
  • Dar El-Makhzen Palace – พระราชวังที่งดงามตระการตา
  • ช้อปปิ้งในตรอกซอกซอยของ เมดินาเก่า (Old Medina) ที่มีร้านค้ามากกว่า 9,000 ร้าน
  • พักที่เฟซ

วันที่ 5: เฟซ – เมอร์ซูกา – ทะเลทรายซาฮาร่า

  • เดินทางสู่ เมอร์ซูกา (Merzouga)
  • ประตูสู่ทะเลทรายซาฮาร่า ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย
  • ขี่อูฐสู่เนินทรายเออร์กเชบบี (Erg Chebbi) – เนินทรายสีทองสูงถึง 150 เมตร
  • ชมพระอาทิตย์ตกที่ทะเลทรายซาฮาร่า – ภาพที่จะตราตรึงใจไปชั่วชีวิต
  • พักในแคมป์กลางทะเลทราย – นอนใต้ดวงดาวนับล้านในความเงียบสงบของทะเลทราย

วันที่ 6: ทะเลทรายซาฮาร่า – ทอดร้า – ไอท์ เบน ฮาดดู

  • ตื่นเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเลทราย
  • เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ฟอสซิล (Fossil Museum) – ดินแดนที่เคยเป็นท้องทะเลในอดีต
  • ชม ช่องเขาทอดร้า (Todra Gorge) – หุบเขาลึกที่มีผาหินสูงชัน 300 เมตร สีแดงอมส้ม
  • เยือน หมู่บ้านไอท์ เบน ฮาดดู (Ait Ben Haddou) – ป้อมปราการดินโคลนโบราณอายุ 1,000 ปี มรดกโลกยูเนสโก สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังมากมาย
  • พักที่วาร์ซาเซต (Ouarzazate) – เมืองแห่งภาพยนตร์ของโมร็อกโก

วันที่ 7: วาร์ซาเซต – เทือกเขาแอตลาส – มาราเกช

  •  เดินทางผ่าน เทือกเขาแอตลาส (Atlas Mountains) – ภูเขาสูงสุดในแอฟริกาเหนือ ผ่านช่องเขา Tizi n’Tichka ที่สูง 2,260 เมตร
  •  แวะชม Menara Gardens – สวนสวยมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยต้นมะกอกและต้นสน ฉากหลังเป็นเทือกเขาแอตลาสที่ปกคลุมด้วยหิมะ
  • สู่เมือง มาราเกช (Marrakech) – ไข่มุกแห่งตอนใต้ของโมร็อกโก เมืองที่มีสีสันและมีชีวิตชีวาที่สุด
  • ชมบรรยากาศยามค่ำคืนที่ จัตุรัสเจมาอ เอล ฟนา (Jemaa El Fnaa) – จัตุรัสที่คึกคักที่สุดในแอฟริกา เต็มไปด้วยนักแสดงกลางแจ้ง คนเล่นงู นักเล่านิทาน และร้านอาหารมากมาย
  • พักที่มาราเกช

วันที่ 8: มาราเกช – เมืองแห่งสีแดง

  • ประตูเมือง Bab Agnaou – ประตูโบราณที่มีลวดลายอันวิจิตร
  • Saadian Tombs – สุสานราชวงศ์ซาอาเดียนที่ซ่อนอยู่นานกว่า 200 ปี ประดับด้วยกระเบื้องโมเสกและลวดลายปูนปั้นอันงดงาม
  • พระราชวังบาเอีย (Bahia Palace) – พระราชวังอันวิจิตรตระการตา มีห้องมากกว่า 150 ห้อง สวนในร่ม และลานหินอ่อน
  • มัสยิด Koutoubia – มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในมาราเกช หอคอยสูง 77 เมตร เป็นแรงบันดาลใจให้หอคอยฮิราลดาในเซบียา สเปน
  • Ben Youssef Madrasa – โรงเรียนสอนศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาเหนือ มีอายุกว่า 400 ปี
  • พักที่มาราเกช

วันที่ 9: มาราเกช – คาซาบลังกา – เดินทางกลับ

  • ช่วงเช้าอิสระสำรวจมาราเกชเพิ่มเติม หรือช้อปปิ้งของที่ระลึก
  • เดินทางกลับสู่คาซาบลังกาเพื่อขึ้นเครื่องกลับ (QR4566/QR834)
  • เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ

วันที่ 10: ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

  • เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมความทรงจำจากการผจญภัยสุดพิเศษในดินแดนโมร็อกโก
Categories
10-Oct 2024 FullBoard SouthAsia

Pakistan

Pakistan
สรุปไฮไลท์

☀️หุบเขาฮุนซา (Hunza Valley) – หุบเขาในตำนานที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์บนดิน” และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนวนิยายเรื่อง Shangri-La มีชื่อเสียงในเรื่องความงามของธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์

☀️ทะเลสาบอัตตาบัด (Attabad Lake) – ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์สดใสที่เกิดจากเหตุการณ์ดินถล่มในปี 2010 สร้างภาพที่น่าทึ่งของผืนน้ำสีฟ้าตัดกับเทือกเขาหิมะขาวโพลน

☀️ทะเลทรายซาฟรารังกา (Sarfaranga Cold Desert) – ทะเลทรายเย็นที่สูงที่สุดในโลก สร้างภาพที่แปลกตาของเนินทรายสีทองท่ามกลางเทือกเขาหิมะ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก

☀️ป้อมบัลทิท (Baltit Fort) – ป้อมปราการอายุกว่า 700 ปีที่ตั้งตระหง่านเหนือหมู่บ้านคาริมาบัด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบทิเบตที่สะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนาน

☀️เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ (Karakoram Highway) – เส้นทางหลวงที่สูงที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อปากีสถานกับจีน ผ่านภูมิประเทศที่น่าทึ่งและมีจุดชมวิวยอดเขาสูงเกิน 7,000 เมตรหลายลูก

☀️เลดี้ฟิงเกอร์พีค (Lady Finger Peak) – ยอดเขารูปร่างคล้ายนิ้วมือสูง 6,000 เมตร ที่สวยงามโดยเฉพาะในยามพระอาทิตย์ขึ้น เป็นหนึ่งในภาพที่โดดเด่นที่สุดของเทือกเขาคาราโครัม

☀️ธารน้ำแข็งปัสสุ (Passu Glacier) – ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ทอดตัวลงมาจากยอดเขาสูง เป็นส่วนหนึ่งของระบบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดนอกขั้วโลก ให้ภาพที่น่าทึ่งของพลังธรรมชาติ

☀️พระราชวังคาปลู (Khaplu Palace) – พระราชวังโบราณอายุกว่า 400 ปีของเจ้าผู้ปกครองแห่งคาปลู ที่ผสมผสานศิลปะบัลติ ทิเบต และแคชเมียร์ได้อย่างลงตัว ปัจจุบันเป็นโรงแรมและพิพิธภัณฑ์

☀️น้ำตกมันโทคา (Manthokha Waterfall) – น้ำตกสูง 180 ฟุตที่ไหลลงจากขุนเขา เป็นโอเอซิสแห่งความสดชื่นท่ามกลางภูมิประเทศแห้งแล้ง ล้อมรอบด้วยต้นไม้และขุนเขา

☀️มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) – มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในปากีสถานและใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก มีรูปทรงทันสมัยคล้ายเต็นท์เบดูอิน เป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงอิสลามาบัด

ค่าทริปและการจองทริป
  • ค่าทริป
    • ท่านละ 59,900 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
  • วันเดินทาง  
    • 19 – 29 ตค 68
  • สนใจจองทริป
    • ทักเราที่ Line @painaima
    • โทร 089-4789334
สรุปทริป

✅️ Full Service
✅️ รวมอาหารทุกมื้อ มีอาหารไทยเสริม
✅️ รวมค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศ 2 เที่ยว
✅️ โรงแรมระดับ 4 ดาวใน Hunza และ ดีที่สุดในเมืองนั้นๆหากไม่มี 3 หรือ 4 ดาว
✅️ เดินทางโดยรถ Minibus กรุ๊ปละ 12 ท่าน
✅️ หัวหน้าทัวร์ถ่ายรูปสวยๆให้ 
✅️ ค่ากิจกรรม ทุกอย่าง ตามระบุในโปรแกรม
✅️ ประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง (สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้)

ค่าทริป ไม่รวม

⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
ไม่รวมทิป

Place
Place
Place

โปรแกรมทริป ปากีสถาน

วันที่ 1: กรุงเทพฯ – อิสลามาบัด

  • สนามบินสุวรรณภูมิ: พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเช็คอินและเตรียมตัวสำหรับการผจญภัยในดินแดนเทือกเขาคาราโครัมอันน่าตื่นเต้น
  • เที่ยวบินสู่อิสลามาบัด: เดินทางสู่ปากีสถานโดยสายการบินไทย เพลิดเพลินกับการบริการเต็มรูปแบบตลอดการเดินทาง

วันที่ 2: อิสลามาบัด – สการ์ดู – ชิการ์

  • บินสู่สการ์ดู (Skardu): เดินทางด้วยเที่ยวบินภายในประเทศสู่เมืองสการ์ดู ประตูสู่เทือกเขาคาราโครัม ชมวิวยอดเขาสูงจากหน้าต่างเครื่องบิน
  • ทะเลสาบอัปเปอร์คาชูร่า (Upper Kachura): ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ซ่อนตัวท่ามกลางขุนเขา รายล้อมด้วยป่าสนและหลืบเขา ลิ้มรสปลาเทราต์สดใหม่จากทะเลสาบที่ร้านอาหารท้องถิ่น
  • เมืองชิการ์ (Shigar): หมู่บ้านโบราณที่ตั้งอยู่ในหุบเขาชิการ์ เป็นเส้นทางเชื่อมต่อสู่ยอดเขา K2 พร้อมป้อมปราการโบราณอายุกว่า 400 ปีที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม

วันที่ 3: ชิการ์ – ทะเลทรายซาฟรารังกา – คาปลู

  • ทะเลทรายซาฟรารังกา (Sarfaranga Cold Desert): ทะเลทรายเย็นที่สูงที่สุดในโลกที่ระดับความสูง 2,226 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เนินทรายสีทองตัดกับท้องฟ้าสีคราม และเทือกเขาหิมะในระยะไกล สร้างภาพที่แปลกตาน่าอัศจรรย์
  • หมู่บ้านคาปลู (Khaplu Village): หมู่บ้านเก่าแก่ที่ซ่อนตัวในหุบเขา บ้านเรือนโบราณสร้างด้วยหินและไม้ ชมสวนแอปริคอตที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคและวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบัลติ
  • พระราชวังคาปลู (Khaplu Fort/Palace): พระราชวังโบราณอายุกว่า 400 ปีของเจ้าผู้ปกครองแห่งคาปลู สร้างด้วยศิลปะผสมผสานระหว่างบัลติ ทิเบต และแคชเมียร์ ปัจจุบันเป็นโรงแรมและพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้าวของโบราณ

วันที่ 4: คาปลู – คาร์มัง – มันโทคา – สการ์ดู

  • หุบเขาคาร์มัง (Kharmang Valley): หุบเขาอันเขียวขจีริมแม่น้ำอินดัส ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่เรียงรายตามเชิงเขา ชมทุ่งข้าวสาลีและแอปริคอตสลับกับฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะ
  • น้ำตกมันโทคา (Manthokha Waterfall): น้ำตกสูง 180 ฟุตที่ไหลลงจากขุนเขา ล้อมรอบด้วยต้นไม้และขุนเขา เป็นโอเอซิสแห่งความสดชื่นท่ามกลางภูมิประเทศแห้งแล้ง
  • เมืองสการ์ดู (Skardu): เมืองใหญ่ที่สุดในบัลติสถาน ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,438 เมตร มีประวัติศาสตร์ยาวนานจากการเป็นจุดแวะพักบนเส้นทางการค้าโบราณ เดินเล่นในบาซาร์เก่าแก่เพื่อซึมซับบรรยากาศท้องถิ่น

วันที่ 5: สการ์ดู – ชุนดา – กิลกิต – ฮุนซา

  • หุบเขาชุนดา (Chunda Valley): หุบเขาที่มีชื่อเสียงในเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ตุลาคม) ต้นเชอร์รี่ป่า วอลนัท และป๊อปลาร์เปลี่ยนเป็นสีทอง แดง และส้ม สร้างภาพที่สวยงามตัดกับฉากหลังของเทือกเขาคาราโครัม
  • เมืองกิลกิต (Gilgit): เมืองหลวงของจังหวัดกิลกิต-บัลติสถาน ศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมมายาวนานเพราะเป็นจุดตัดของเส้นทางการค้าโบราณระหว่างจีน เอเชียกลาง และเอเชียใต้
  • เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ (Karakoram Highway): เดินทางบนเส้นทางหลวงที่สูงที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อปากีสถานกับจีน ผ่านหุบเขา แม่น้ำ และภูมิประเทศที่น่าทึ่ง พร้อมจุดชมวิวที่ให้เห็นยอดเขาสูงเกิน 7,000 เมตรหลายลูก
  • หุบเขาฮุนซา (Hunza Valley): หุบเขาในตำนานที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์บนดิน” และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนวนิยายเรื่อง Shangri-La ชาวฮุนซามีอายุยืนยาว และหุบเขานี้มีชื่อเสียงในเรื่องความงามของธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์

วันที่ 6: ฮุนซา – คาริมาบัด – ปัสสุ

  • เลดี้ฟิงเกอร์พีค (Lady Finger Peak/Bublimating): ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขารูปร่างคล้ายนิ้วมือ สูง 6,000 เมตร เป็นหนึ่งในภาพที่โดดเด่นที่สุดของเทือกเขาคาราโครัม
  • ป้อมบัลทิท (Baltit Fort): ป้อมปราการอายุกว่า 700 ปีที่ตั้งตระหง่านเหนือหมู่บ้านคาริมาบัด สร้างในศตวรรษที่ 13 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบทิเบต ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • ธารน้ำแข็งปัสสุ (Passu Glacier): ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ทอดตัวลงมาจากยอดเขาสูง มีอายุนับพันปีและเป็นส่วนหนึ่งของระบบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดนอกขั้วโลก

วันที่ 7: ฮุนซา – ไคเบอร์พาส – หมู่บ้านไคเบอร์ – ทะเลสาบอัตตาบัด

  • ช่องเขาไคเบอร์ (Khyber Pass): ช่องเขาประวัติศาสตร์ที่เชื่อมระหว่างปากีสถานและอัฟกานิสถาน เป็นเส้นทางผ่านของกองทัพและพ่อค้าตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา รวมถึงกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราช
  • หมู่บ้านไคเบอร์ (Khyber Village): หมู่บ้านชาวพื้นเมืองในแถบช่องเขา ที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีความเป็นมิตรและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น
  • จุดชมวิวธารน้ำแข็งบาตูรา (Batura Glacier Viewpoint): จุดชมวิวที่ให้ทัศนียภาพอันน่าทึ่งของธารน้ำแข็งบาตูราที่ยาวถึง 57 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดนอกเขตขั้วโลก
  • ทะเลสาบอัตตาบัด (Attabad Lake): ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่เกิดจากเหตุการณ์ดินถล่มในปี 2010 กั้นแม่น้ำฮุนซา ทำให้น้ำจากธารน้ำแข็งถูกกักเก็บกลายเป็นทะเลสาบที่สวยงาม ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

วันที่ 8: ฮุนซา – สการ์ดู – ทะเลทรายคัตพานา

  • เดินทางกลับสการ์ดู: เดินทางย้อนกลับสู่เมืองสการ์ดูอีกครั้ง ผ่านเส้นทางที่มีภูมิทัศน์อันหลากหลาย
  • ทะเลทรายคัตพานา (Katpana Cold Desert): ทะเลทรายเย็นที่มีเนินทรายขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยทะเลสาบและเทือกเขาหิมะ สร้างความแปลกประหลาดและความตื่นตาตื่นใจกับภาพของทะเลทรายและหิมะที่อยู่ในที่เดียวกัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

วันที่ 9: สการ์ดู – อิสลามาบัด

  • บินกลับอิสลามาบัด: เดินทางกลับสู่เมืองหลวงของปากีสถานโดยเที่ยวบินภายในประเทศ
  • พิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum): ชมโบราณวัตถุจากเมืองโบราณตักศิลา ศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาที่สำคัญและเป็นมรดกโลก มีอายุกว่า 2,500 ปี จัดแสดงประติมากรรมพุทธศิลป์แบบคันธาระที่ผสมผสานอิทธิพลกรีกและอินเดีย
  • มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque): มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในปากีสถานและใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี มีรูปทรงคล้ายเต็นท์เบดูอินที่ทันสมัย เป็นสัญลักษณ์สำคัญของอิสลามาบัด

วันที่ 10: อิสลามาบัด – กรุงเทพฯ

  • เที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ: เดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยสายการบินไทย
  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ: เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันน่าประทับใจจากดินแดนภูเขาสูงแห่งปากีสถานเหนือ
error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม