ทัวร์อัลไต รัสเซีย
จากเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ ใจกลางทวีปเอเชีย เดินทางบนรถไฟสายทรานไซบีเรีย สู่ทะเลสาไบคาล
สรุปทริป
- ท่องไปในไซบีเรีย จากเทือกเขาอัลไตถึงทะเลสาบไบคาลร่วมสำรวจไซบีเรีย
- หมู่บ้านเชมาล (Chemal) แหล่งพักผ่อนตากอากาศของอัลไต
- เกาะพัทมอส (Patmos)
- หมู่บ้านเชปอช (Cheposh) ที่ตั้งของศูนย์ศึกษาวัฒนธรรม เดเซียทีรุชก้า (Desyatiruchka)
- เนินเขาคาลบัค-ตาช
- ชมทิวทัศน์อันงดงามของแนวเขาชูยาเหนือ
- หุบเขาคาราโคล ขตอนุรักษ์ธรรมชาติพิเศษที่สำคัญแห่งหนึ่งของอัลไต
- อุทยานธรรมชาติสโตลบึย
- เมืองอิรคุทสก์ (Irkutsk) ทะเลสาบไบคาล
- ท่องเที่ยวรอบทะเลสาบไปตามทางรถไฟรอบไบคาล
- หมู่บ้านอาร์ชาน (Arshan)
โปรแกรมเต็ม
ทัวร์อัลไต รัสเซีย กดที่นี่
Day1 : Bangkok – Novosibirsk – Altai
- นัดพบที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเช็คอินสัมภาระและเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง
- ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) ด้วยเที่ยวบิน S7 860 สายการบิน S7 Airlines มุ่งหน้าสู่ดินแดนไซบีเรียอันกว้างใหญ่ของประเทศรัสเซีย
- เดินทางถึงสนามบินตอลมาเชโว (Tolmachevo – OVB) สนามบินนานาชาติของเมืองโนโวซิบีร์สก์ (Novosibirsk) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระและพักรับประทานอาหารในตัวเมือง ก่อนเดินทางต่อไปยังเขตเทือกเขาอัลไต (Altai Mountains) ส่วนที่อยู่ในประเทศรัสเซีย ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ราว 6 ชั่วโมงเดินทางเข้าที่พัก
Day 2 : Altai – Chemal – Cheposh
- เริ่มต้นสำรวจอัลไตผ่านสาธารณรัฐอัลไต (Altai Republic) หนึ่งในบรรดาหน่วยปกครองระดับสาธารณรัฐทั้งหมด 22 แห่งของรัสเซีย ด้วยการออกเดินทาง
- ไปยังหมู่บ้านเชมาล (Chemal) แหล่งพักผ่อนตากอากาศของอัลไตที่ขึ้นชื่อสมัยสหภาพโซเวียต ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคาตุน (Katun) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งบนยอดเขาเบลูคา (Belukha) ยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาอัลไต
- มุ่งหน้าสู่วิหารออร์โธด็อกซ์รัสเซียบนเกาะพัทมอส (Patmos) ที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำคาตุน เกาะแห่งนี้ตั้งชื่อตามเกาะพัทมอสในประเทศกรีซ ส่วนวิหารสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1855 เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการเผยแพร่คริสต์ศาสนาในดินแดนอัลไต ลัดเลาะไปตามเส้นทางริมเขาเลียบแม่น้ำคาตุนจนถึงจุดบรรจบของแม่น้ำคาตุนกับแม่น้ำเชมาล ผ่านทิวทัศน์มุมกว้างของแม่น้ำสองสายที่ไหลมาบรรจบกัน มุ่งหน้าสู่สถานีไฟฟ้าพลังน้ำเชมาล (Chemal Hydroelectric Power Station) อนุสรณ์ทางสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีช่วงต้นสหภาพโซเวียตที่ถูกสร้างขึ้นโดยแรงงานของนักโทษผู้ถูกคุมขังในค่ายกักกันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935
- เดินทางสู่หมู่บ้านเชปอช (Cheposh) ที่ตั้งของศูนย์ศึกษาวัฒนธรรม เดเซียทีรุชก้า (Desyatiruchka) หมายถึงตุ๊กตาพื้นบ้านรัสเซียที่มีสิบแขน ในอดีตทำขึ้นเพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่หญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานออกเรือน เพื่อให้สิบแขนสิบมือของตุ๊กตาเป็นสัญลักษณ์ของความช่วยเหลือต่อหญิงสาวในกิจการงานบ้านและการเรือน ร่วมทำความรู้จักและเข้าใจวิถีชีวิตชาวรัสเซียที่มาตั้งรกรากในดินแดนแถบนี้ตั้งแต่ราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 นอกจากนั้นทุกคนยังจะได้มีโอกาสทำตุ๊กตาพื้นบ้านรัสเซียเพื่อเป็นที่ระลึกด้วยตนเองอีกด้วย
- เดินทางกลับเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
Day 3 : Altai – Chuya Highway – Mount Kalbak-Tash – Kurai Steppe
- นั่งรถออกเดินทางสำรวจไปตาม ชูยา ไฮเวย์ (Chuya Highway) ถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ความอัศจรรย์ของภูมิประเทศ และธรรมชาติที่น่าตื่นตะลึง ทอดยาวจากโนโวซิบีร์สก์ ผ่านที่ราบสูงและแนวช่องเขาระหว่างภูเขาน้อยใหญ่ของเทือกเขาอัลไตไปจนสุดเขตแดนของประเทศรัสเซีย ก่อนเชื่อมต่อกับพรมแดนของประเทศมองโกเลีย โดยตลอดการเส้นทางราว 330 กิโลเมตร เราจะได้พบกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิประเทศและธรรมชาติรอบตัว จากช่องเขาแคบคดเคี้ยวเรื่อยมาจนถึงที่ราบสูงกว้างใหญ่ระหว่างเขา จากเขตป่าสนไม่ผลัดใบแบบไทกาจนถึงเขตทุ่งหญ้าสเตปป์ตามลำดับ
- ผ่านช่องเขาเซมินสกี (Seminsky Pass) บนความสูง 1,894 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นอกจากจะเป็นจุดเชื่อมต่อทางภูมิประเทศและเขตธรรมชาติของอัลไตตอนเหนือและอัลไตตอนกลางแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1956 ในวาระครบรอบ 200 ปี ที่ชนชาวอัลไตตกลงใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรรัสเซีย
- ช่องเขาชิเก-ทามาน (Chike-Taman Pass)ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,460 เมตร และความงดงามของธรรมชาติและภูมิประเทศ ทำให้ช่องเขานี้เป็นจุดชมวิวที่เหมาะกับการถ่ายภาพและการดื่มด่ำธรรมชาติตลอดสองข้างทางไปพร้อมกับรถที่กำลังวิ่งขึ้นลงไปตามแนวเขาอันกว้างใหญ่ ผ่านจุดบรรจบของแม่น้ำชูยาและแม่น้ำคาตุน หนึ่งในเส้นทางผจญภัยทางน้ำที่สวยงามที่ดึงดูดนักล่องแก่งจากทุกสารทิศ
พบกับภาพสลักหินในเขต เนินเขาคาลบัค-ตาช (Mount Kalbak-Tash) หลักฐานทางโบราณคดีและมานุษยวิทยาว่าด้วยการมีอยู่และวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนบริเวณนี้ในอดีต ภาพสลักทั้งหมดมีจำนวนกว่า 500 เรื่องราว โดยภาพที่เก่าแก่ที่สุดในจำนวนภาพสลักที่พบทั้งหมดสามารถนับอายุย้อนไปได้ราว 8,000 ปี
สิ้นสุดการเดินทางที่ทุ่งหญ้าสเตปป์คูราย (Kurai Steppe) ที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาบนความสูงกว่า 1,600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จุดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชมทิวทัศน์อันงดงามของแนวเขาชูยาเหนือ (North Chuya Ridge)
- เดินทางกลับเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
Day 4 : Altai – Uch Enmek – Karakol Valley
- ออกเดินทางสู่เขตที่ราบสูงอูลากัน (Ulagan Plateau) หนึ่งในแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่พบอารยธรรมของชาวไซเธียน (Scythians) ผ่านประตูแดง (Red Gate) หน้าผาหินลาวาดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ระหว่างช่องเขาขาด มีสีออกแดงเนื่องจากมีหินแร่ปรอทซินนาบาร์ (Cinnabar) อยู่เป็นจำนวนมาก มีการค้นพบว่ามีการใช้แร่นี้ในยุคก่อนประวัติศาสตร์เพื่อเก็บรักษาซากมัมมี่ในอารยธรรมปาซิริค (Pazyryk Сulture) ที่เคยรุ่งเรืองในดินแดนบริเวณนี้
- เดินทางวกกลับเข้าสู่ ชูยา ไฮเวย์ มุ่งหน้าไปยังอุทยานธรรมชาติและชาติพันธุ์ อุช-เอ็นเม็ก (Uch-Enmek) พบกับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติพิเศษที่สำคัญแห่งหนึ่งของอัลไต หุบเขาคาราโคล (Karakol Valley) ซึ่งมีความสวยงามและสำคัญอย่างมากต่ออารยธรรมโบราณของชนพื้นเมืองบริเวณนี้ พร้อมกันนั้นร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองอัลไตในปัจจุบัน ร่วมรับประทานอาหารพื้นบ้านและร่วมกิจกรรมท้องถิ่นกับชนพื้นเมือง
***(โปรแกรมเสริม) เดินทางด้วยรถและเดินเท้าต่อไปยัง อารู-เคม (Aru-Kem) ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของชาวอัลไตที่ตั้งอยู่บนเขาเหนือระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร เพื่อชมทิวทัศน์ของเทือกเขาพร้อมรับรู้ตำนานว่าด้วยหญิงงามแห่งอัลไต*** - ออกเดินทางด้วยรถยนต์กลับไปยังโนโวซิบีรส์ก (ค้างคืนบนรถ 10 ชม.)
Day 5 : Novosibirsk – Akademgorodok – West Siberian Railway Museum – Novosibirsk Zoo
- เมื่อข้ามแม่น้ำออบ (Ob) ก่อนเข้าถึงตัวเมืองโนโวซิบีร์สก์ ทางฝั่งขวาของแม่น้ำจะพบกับอคาเดมโกโรดอก (Akademgorodok) เขตพื้นที่พิเศษที่ตั้งขึ้นในสมัยสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการค้นคว้าวิจัยขนาดใหญ่ในเขตไซบีเรียพร้อมกับรักษาสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติที่สุด ภายในเมืองวิชาการแห่งนี้เราจะได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับสถาบันการศึกษาและการวิจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในไซบีเรียทั้งสมัยโซเวียตและในปัจจุบัน
ชมพิพิธภัณฑ์รถไฟไซบีเรียตะวันตก (West Siberian Railway Museum) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จัดแสดงบรรดาหัวรถจักรและตู้รถไฟที่ใช้ในการขนส่งคมนาคมหลากหลายประเภท รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการขนส่งทางรถไฟในเขตไซบีเรียตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
เที่ยวรอบตัวเมืองโนโวซิบีร์สก์ ที่หลังจากก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1897 ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 70 ปี ในการก้าวขึ้นมาเป็นเมืองที่มีประชากรเกินล้านคน มีความสำคัญด้านอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจจนได้รับสมญาว่า “ชิคาโกแห่งไซบีเรีย” กระทั่งปัจจุบันถือเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสามของรัสเซีย เป็นรองแค่เพียงมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
แวะทักทายสัตว์ป่านานาชนิดทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในไซบีเรีย รัสเซีย และจากทุกมุมโลกที่สวนสัตว์โนโวซิบีร์สก์ (Novosibirsk Zoo) หนึ่งในสวนสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซียและยุโรปในปัจจุบัน พระเอกของสวนสัตว์แห่งนี้คือเสือดาวหิมะ (Snow Leopard) ที่พบในเขตไซบีเรีย เทือกเขาอัลไตและหิมาลัย สถานะใกล้จะสูญพันธุ์ในธรรมชาติ ดาราประจำสวนสัตว์ตัวอื่นๆ ได้แก่ หมีขาว (Polar Bear) และไลเกอร์ (Liger) หรือเสือผสมสิงโต
เดินทางสู่สถานีรถไฟโนโวซิบีร์สก์ ออกเดินทางด้วยรถไฟไปยังคราสโนยาร์สก์ (ค้างคืนบนรถไฟ / 12 ชม.)
Day 6 : Krasnoyarsk – Stolby Nature Sanctuary
- (เช้า) ถึงสถานีรถไฟคราสโนยาร์สก์ รับประทานอาหารเช้าก่อนออกเที่ยวรอบเมืองที่มีประวัติเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมายาวนานเกือบ 400 ปี ปัจจุบันเป็นหนึ่งใน 15 เมืองของรัสเซียที่มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน คราสโนยาร์สก์ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโดยมีแม่น้ำเยนิเซ (Yenisei) หนึ่งในแม่น้ำสายหลักของไซบีเรียไหลผ่านทำให้เป็นชัยภูมิที่เหมาะแก่การสร้างเมือง โดยมีการพบหลักฐานการตั้งรกรากของผู้คนในบริเวณนี้นับย้อนไปได้กว่า 35,000 ปีมาแล้ว
- หลังจากนั้นออกเดินทางไปยังเขตเทือกเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเข้าสู่อุทยานธรรมชาติสโตลบึย (Stolby Nature Sanctuary) คำว่า “สโตลบึย” เป็นคำในภาษารัสเซียหมายถึงกลุ่มเสาหิน ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาในเขตป่าสนไซบีเรีย ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามและไม่เหมือนใครเมื่อมองลงมายังเมืองคราสโนยาร์สก์ ทำให้ในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ดึงดูดนักผจญภัยที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในรูปแบบของการเดินป่าและปีนเขา
- เดินทางสู่สถานีรถไฟคราสโนยาร์สก์ ออกเดินทางด้วยรถไฟไปยังอิรคุทสก์ (ค้างคืนบนรถไฟ / 17 ชม.)
Day 7 : Baikal – Irkutsk
- (บ่าย) ถึงสถานีรถไฟอิรคุทสก์ เดินทางเข้าที่พักก่อนออกท่องเที่ยวรอบตัวเมืองอิรคุทสก์ (Irkutsk)
อิรคุทสก์เป็นเมืองเก่าแก่มีอายุมากกว่า 300 ปี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทะเลสาบไบคาล ริมแม่น้ำอันการา (Angara) แม่น้ำเพียงสายเดียวที่ไหลออกจากทะเลสาบไบคาล ในอดีตก่อนการปฏิวัติรัสเซียถือเป็นเมืองค้าขายที่สำคัญของจักรวรรดิรัสเซีย มีบทบาทสำคัญในฐานะเมืองศูนย์กลางการค้าระหว่างรัสเซียกับจีน ต่อมาเป็นแหล่งแปรรูปทองคำที่ได้มาจากแหล่งในไซบีเรียตะวันออก ในสมัยสหภาพโซเวียตกลายเป็นเมืองสำหรับคุมขังนักโทษการเมืองที่ถูกเนรเทศ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของรัสเซียเนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ใกล้และมีสาธารณูปโภคสะดวกสบายที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังทะเลสาบไบคาล ในบางครั้งถูกเรียกว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งไซบีเรียตะวันออก”
เดินทางกลับเข้าที่พัก
Day 8 : Baikal – Listvyanka – Limnological Museum
- ออกเดินทางจากอิรคุทสก์ไปยังลิสต์เวียนก้า (Listvyanka) ชุมชนติดทะเลสาบไบคาล ระยะทางราว 70 กม. ระหว่างทางแวะชมพิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมและชาติพันธุ์ทาลท์ซึย (The Taltsy Museum) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งในรูปของหมู่บ้านที่จัดแสดงสถาปัตยกรรมที่ทำจากไม้ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 – 19 ของชาวรัสเซียและชาวบูเรียทที่ได้ตั้งรกรากอยู่บริเวณรอบทะเลสาบไบคาล ร่วมเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้านของผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบทะเลสาบไปคาลไปด้วยกัน
- ถึงลิสต์เวียนก้า เข้าชมพิพิธภัณฑ์ชลธารวิทยาไบคาล (Baikal Limnological Museum) ที่จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับทะเลสาบไบคาล ทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกและมีปริมาณน้ำจืดมากที่สุดในโลก เรียนรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของไบคาล สภาพแวดล้อมและธรรมชาติ รวมถึงพันธุ์พืชและสัตว์หายากที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศน์ผ่านอะควาเรียม ไม่ว่าจะเป็นปลาโอมุล สเตอร์เจียน และที่ขาดไม่ได้ แมวน้ำไบคาล ที่อพยพจากมหาสมุทรเข้ามาอาศัยในทะเลสาบตั้งแต่ยุคโบราณผ่านระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร
- เดินเล่นชมทิวทัศน์รอบทะเลสาบก่อนจะขึ้นไปยังโขดหินเชียร์สกี (Cherskiy rock) จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลสาบไบคาล จากจุดนี้สามารถมองเห็นความกว้างใหญ่ของทะเลสาบไบคาลที่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตาและแลนด์มาร์คต่างๆของไบคาล ทั้งต้นธารแม่น้ำอันการา โขดหินหมอผี และท่าเรือไบคาล
- เดินทางกลับเข้าที่พัก
Day 9 : Baikal – Circum-Baikal Railway
- ออกเดินทางท่องเที่ยวรอบทะเลสาบไปตามทางรถไฟรอบไบคาล (Circum-Baikal Railway)* เส้นทางประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1905 ได้รับการขนานนามว่าเป็น “หัวเข็มขัดทองคำ” ของเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย หรือ “สายเข็มขัดเหล็ก” ของจักรวรรดิรัสเซีย ก่อนจะได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใน่วงทศวรรษ 1980
- โดยตลอดเส้นทางท่องเที่ยวทางด้านทิศใต้ของทะเลสาบมีแนวอุโมงค์ซึ่งผ่านประวัติศาสตร์ในสงครามกลางเมืองเมื่อครั้งการปฏิวัติรัสเซีย เส้นทางลัดเลาะแนวเขาเลียบทะเลสาบ สิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ ระบบนิเวศน์ รวมถึงทัศนียภาพที่งดงามเหล่านี้ ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศให้มาชื่นชมความสวยงามของทะเลสาบไบคาลจากมุมมองบนขบวนรถที่แล่นไปช้าๆอย่างไม่ขาดสาย
***ในกรณีที่ไม่สามารถจัดโปรแกรมรถไฟรอบทะเลสาบได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่อำนวย จะเปลี่ยนเป็นการล่องไปรอบทะเลสาบด้วยเรือยนต์หรือเรือโฮเวอร์คราฟท์ (Хивус-10) ในเส้นทางรอบทะเลสาบไบคาลฝั่งทิศตะวันตกตามความเหมาะสมแทน*** - เดินทางกลับที่พัก
Day 10 : Baikal – Arshan
- ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านอาร์ชาน (Arshan) ระยะทางราว 230 กม. ตามเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามเทือกเขาซายาน (Sayan Mountains) ฝั่งตะวันออก ซึ่งนำเราไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวบูเรียตที่ตั้งอยู่ในบริเวณหุบเขาทุนกิน (Tunkin Valley) หลังจากนั้นเดินเท้าต่อไปยังหมู่บ้านอาร์ชาน หนึ่งในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่งดงามที่สุดของหุบเขา บริเวณเชิงเขาซายาน ห่างจากชายแดนมองโกเลียเพียงไม่ถึง 100 กิโลเมตร
- ในตัวหมู่บ้านมีตลาดพื้นเมืองที่สามารถหาซื้อของที่ระลึกและสมุนไพรพื้นบ้านเป็นของฝาก ขณะที่เมื่อเดินต่อไปตามเส้นทางผ่านป่า จะพาเราไปสู่วิวของแม่น้ำคินการา (Kyngara) ณ จุดที่แม่น้ำไหลลงสู่น้ำตกขนาดย่อม จุดนี้เราสามารถสัมผัสกับแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่ไหลผ่านใกล้กับวัดในศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวบูเรียตนับถือ
- เดินทางกลับที่พักในอิรคุทสก์
Day 11 : Irkutsk – Bangkok
- ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอิรคุทสก์ (IKT) เพื่อเช็คอินสัมภาระและเตรียมตัวก่อนออกเดินทางด้วยเที่ยวบิน S7 761 สายการบิน S7 Airlines เวลา 11.30 กลับสู่กรุงเทพมหานคร เดินทางถึง กทม เวลา 17.05 น โดยสวัสดิภาพ
***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม***
วันที่จัด
- ยังไม่มีกำหนดการจัด สามารถรวมกรุ๊ปให้เราจัดให้ได้ ตั้งแต่ 6 ท่านขึ้นไป
รวม
- ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ
- โรงแรม 4 ดาว ไปจนถึง Guest house
- ค่ารถมินิบัส
- ค่ารถไฟ
- ค่าเข้าชมและกิจกรรมตามโปรแกรม
- อาหารทุกมื้อ
- ประกันการเดินทาง
- ค่าทิปไกค์