☀️อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes – มรดกโลกที่มีทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่ง เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย
☀️กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik – กำแพงหินสูงอายุหลายร้อยปีที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ให้วิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม
☀️พระราชวัง Diocletian’s Palace – พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
☀️อ่าว Kotor – อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน พร้อมเมืองเก่ายุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
☀️หุบเขา Tara Canyon – หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีความลึกถึง 1,300 เมตร ให้ประสบการณ์ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
☀️โบสถ์ St. Mark ในซาเกร็บ – โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใสแสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหลวง
☀️เกาะ Our Lady of the Rocks – เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor ที่สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี มีโบสถ์ที่เก็บงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า
☀️อุทยานแห่งชาติ Krka – อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม
☀️เกาะ Sveti Stefan – เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว เป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร
☀️จุดชมวิว Mount Srđ – จุดชมวิวพาโนรามาที่สวยที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก สามารถขึ้นได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้า
✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน
ค่าทริป ไม่รวม
⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment
วันที่ 1: กรุงเทพฯ – ซาเกร็บ (Zagreb)
สนามบินสุวรรณภูมิ: จุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนแห่งกำแพงหินโบราณและทะเลเอเดรียติกสีฟ้าคราม
บินสู่ซาเกร็บ: เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines (TK69 23.05-05.20 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK1053 06.55-08.00 น.) สู่เมืองหลวงที่มีเสน่ห์แห่งโครเอเชีย
วันที่ 2: ซาเกร็บ (Zagreb) – เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม
เมืองซาเกร็บ: เมืองหลวงที่ผสมผสานความคลาสสิกและทันสมัยได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยอาคารโบราณและพิพิธภัณฑ์มากมาย แบ่งเป็นเมืองบนและเมืองล่างที่เชื่อมต่อด้วยรถรางสายสั้นที่สุดในโลก
โบสถ์ St. Mark: โบสถ์เก่าแก่ศตวรรษที่ 13 ที่มีหลังคากระเบื้องโมเสกสีสันสดใส แสดงตราประจำเมืองซาเกร็บและอาณาจักรโครเอเชีย-สลาโวเนีย-ดัลเมเชีย เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง
จัตุรัส Ban Jelačić: ศูนย์กลางของเมืองซาเกร็บ แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่คึกคักตลอดทั้งวัน
มหาวิหาร Zagreb: มหาวิหารนีโอโกธิคที่สูงที่สุดในโครเอเชีย โดดเด่นด้วยยอดแหลมคู่สูงตระหง่าน ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยงานศิลปะทางศาสนา
วันที่ 3: Plitvice Lakes – Skradin – Split
อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes: มรดกโลกที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ประกอบด้วยทะเลสาบสีเขียวมรกตและฟ้าใส 16 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยน้ำตกกว่า 90 แห่ง สร้างภูมิทัศน์ที่เหมือนดินแดนในเทพนิยาย
ทะเลสาบ Kozjak: ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน ให้ประสบการณ์ล่องเรือท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชมน้ำใสจนสามารถมองเห็นฝูงปลาแหวกว่าย
อุทยานแห่งชาติ Krka (Skradin): อุทยานที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก Skradinski buk ที่ไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนเป็นระยะทางกว่า 800 เมตร ท่ามกลางป่าไม้เขียวชอุ่ม
เมือง Split: เมืองชายฝั่งทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโครเอเชีย ศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานหลายยุคสมัย
วันที่ 4: Split – Dubrovnik
พระราชวัง Diocletian’s Palace: พระราชวังโรมันโบราณอายุกว่า 1,700 ปีที่กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่า Split ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ปัจจุบันมีผู้คนอาศัยและมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายอยู่ภายในกำแพงพระราชวัง
วิหาร Saint Domnius: มหาวิหารเก่าแก่ที่สร้างจากสุสานของจักรพรรดิ Diocletian สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 นับเป็นมหาวิหารคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เส้นทางชายฝั่งเอเดรียติก: เดินทางเลียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่สวยงามตระการตา ผ่านเมืองชายทะเลที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ของเกาะน้อยใหญ่ในทะเลสีคราม
เมือง Dubrovnik: “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” เมืองโบราณที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูงที่สมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ความงดงามของเมืองนี้ทำให้ได้รับเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดัง Game of Thrones
วันที่ 5: Dubrovnik
กำแพงเมืองโบราณ Dubrovnik: กำแพงหินสูงที่ล้อมรอบเมืองเก่าระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เดินชมวิวพาโนรามาของหลังคากระเบื้องสีส้มและทะเลสีฟ้าคราม ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้
ถนน Stradun: ถนนสายหลักที่ปูด้วยหินอ่อนขัดมันวาว ทอดยาวกลางเมืองเก่า สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารหินโบราณ ร้านค้า ร้านอาหาร และโบสถ์เก่าแก่มากมาย
น้ำพุ Onofrio: น้ำพุประวัติศาสตร์สร้างในศตวรรษที่ 15 เป็นจุดเริ่มต้นของระบบน้ำโบราณที่จัดส่งน้ำจืดเข้าสู่เมือง
วิหาร Dubrovnik Cathedral: มหาวิหารบาโรกที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 บนฐานของมหาวิหารเดิมที่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ภายในเก็บรักษางานศิลปะล้ำค่ามากมาย
วันที่ 6: Dubrovnik – Kotor (Montenegro)
จุดชมวิว Mount Srđ: ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Srđ สูง 412 เมตร ชมวิวพาโนรามาที่สวยงามที่สุดของเมือง Dubrovnik และทะเลเอเดรียติก
พรมแดนโครเอเชีย-มอนเตเนโกร: เดินทางข้ามพรมแดนสู่ประเทศมอนเตเนโกร ดินแดนภูเขาดำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิม
อ่าว Kotor: อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะคล้ายฟยอร์ดที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน สร้างทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ
เมืองเก่า Kotor: เมืองโบราณยุคกลางที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ล้อมรอบด้วยกำแพงป้อมปราการที่ทอดยาวขึ้นไปตามเนินเขา ภายในเต็มไปด้วยโบสถ์ จัตุรัส และพระราชวังเก่าแก่
อุทยานแห่งชาติ Lovćen: อุทยานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมอนเตเนโกร บนยอดเขามีสุสานของ Petar II Petrović-Njegoš กวีและผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาติ
วันที่ 7: Kotor – Our Lady of the Rocks – Durmitor National Park – Tara Canyon
Our Lady of the Rocks: เกาะประดิษฐ์กลางอ่าว Kotor สร้างจากการนำหินและเรือเก่ามาถมทะเลเป็นเวลานับร้อยปี บนเกาะมีโบสถ์ที่มีงานศิลปะและเครื่องเงินล้ำค่า
เกาะ Sveti Đorđe: เกาะธรรมชาติใกล้เคียงที่มีความเงียบสงบและเป็นที่ตั้งของอารามเบเนดิกตินโบราณและสุสาน
อุทยานแห่งชาติ Durmitor: มรดกโลกที่มีภูมิประเทศหลากหลายทั้งภูเขาสูง ทะเลสาบ ป่าสน และทุ่งหญ้าอัลไพน์ สร้างทัศนียภาพอันน่าทึ่ง
หุบเขา Tara Canyon: หุบเขาลึกที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก Grand Canyon ความลึกถึง 1,300 เมตรและยาวกว่า 80 กิโลเมตร
สะพาน Tara Bridge: สะพานคอนกรีตโค้งที่สร้างใน ค.ศ. 1940 ทอดข้ามหุบเขาที่จุดที่สูงถึง 172 เมตรเหนือแม่น้ำ Tara ใสสะอาด ให้วิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ
วันที่ 8: Podgorica – Budva – Podgorica
Podgorica: เมืองหลวงของมอนเตเนโกรที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ ชมสะพานโบราณ Millennium ข้ามแม่น้ำ Morača และโบสถ์ St. George’s อายุกว่าพันปี
เมือง Budva: เมืองชายทะเลที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเดรียติก มีอายุกว่า 2,500 ปี โดดเด่นด้วยกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบเมืองเก่าริมทะเล
เกาะ Sveti Stefan: เกาะหินเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานแคบๆ เดิมเป็นหมู่บ้านประมง ปัจจุบันเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาว ถือเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวมอนเตเนโกร
ชายหาด Mogren: ชายหาดทรายสีทองที่โอบล้อมด้วยโขดหินและน้ำทะเลสีฟ้าใส เป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Budva
วันที่ 9: Podgorica – กรุงเทพฯ
สนามบิน Podgorica: เดินทางสู่สนามบินเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
บินกลับกรุงเทพฯ: โดยสายการบิน Turkish Airlines (TK1086 09.15-12.05 น. แวะพักอิสตันบูล, ต่อเครื่อง TK58 16.25-06.05 น.)
สรุปการเดินทาง: ลาก่อนดินแดนไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก ที่เต็มไปด้วยความงามทางธรรมชาติและความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์
วันที่ 10: กรุงเทพฯ
สนามบินสุวรรณภูมิ: เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจจากการผจญภัยในโครเอเชียและมอนเตเนโกร