สรุปไฮไลท์
☀️หน้าผา Trælanípan (หน้าผาทาส) – “ทะเลลอยฟ้า” ทะเลแยกเป็นสองระดับคล้ายมีทะเลแขวนอยู่กลางอากาศ
☀️น้ำตก Múlafossur – น้ำตกซิกเนอเจอร์ไหลจากหน้าผาสูงชันลงสู่มหาสมุทรโดยตรง โดยมีฉากหลังเป็นหมู่บ้าน Gasadalur และภูเขาสูง สร้างภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากนิทาน
☀️หมู่บ้านหลังคาหญ้าโบราณ – Saksun และ Gjógv ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
☀️เกาะ Mykines – “สวรรค์ของนกพัฟฟิน” ที่คุณจะได้เห็นนกพัฟฟินนับหมื่นตัวในระยะใกล้ๆ (ช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม)
☀️ประภาคาร Kallur – จุดชมวิวบนหน้าผาสูงชันที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนเกาะ Kalsoy ซึ่งเป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง “No Time to Die”
☀️โขดหิน Drangarnir – โขดหินรูปโค้งกลางทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแฟโร
☀️Ice Cap Point 660 – โอกาสพิเศษในการเดินบนแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ที่ปกคลุมพื้นที่ 80% ของประเทศ
☀️ธารน้ำแข็ง Russell Glacier – กำแพงน้ำแข็งมหึมาสูงกว่า 60 เมตร ที่มีโอกาสได้เห็นการแตกตัวของก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่
☀️ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งที่ Disko Bay – สัมผัสใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็งยักษ์หลากรูปทรงที่ลอยอยู่ในอ่าว บางก้อนสูงเทียบเท่าตึก 15 ชั้น
☀️Ilulissat Icefjord – มรดกโลกยูเนสโก ธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก (40 เมตรต่อวัน) และผลิตน้ำแข็งมากที่สุด ทำให้เกิดภูเขาน้ำแข็งมหึมาลอยในอ่าว
☀️โอกาสชมแสงอาทิตย์เที่ยงคืน – ในช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์จะไม่ตกดิน ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีทองตลอดคืน (พฤษภาคม-กรกฎาคม) หรือช่วงส่งท้ายฤดูกาลในเดือนสิงหาคม
☀️วัฒนธรรมอินูอิตดั้งเดิม – เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองกรีนแลนด์ผ่านหัตถกรรมท้องถิ่น งานแกะสลักงาช้างทะเล กระดูกวาฬ และผลิตภัณฑ์จากหนังแมวน้ำ
ค่าทริปและการจองทริป
- ค่าทริป
- ท่านละ 189,000 บาท (พักห้องคู่หรือ 3 คน)
- พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 35,000 บาท
- วันเดินทาง
- 25 กค – 6 สค 68
- 8 – 20 สค 68
- สนใจจองทริป
- ทักเราที่ Line @painaima
- โทร 089-4789334
สรุปทริป
✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน
ค่าทริป ไม่รวม
⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment
โปรแกรมทริป Greenland Faroe
วันที่ 1 – เริ่มต้นการเดินทาง
- บินสู่ดินแดนแห่งตำนานไวกิ้ง
วันที่ 2 – สัมผัสมนต์เสน่ห์ทอร์สฮาฟน์
- ทอร์สฮาฟน์ – เมืองหลวงที่เล็กที่สุดในยุโรป แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบ้านหลังคาหญ้า ท่าเรือโบราณ และร้านอาหารระดับมิชลิน
- Trælanípan (หน้าผาทาส) – สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สร้างภาพลวงตาของ “ทะเลลอยฟ้า” จุดชมวิวที่คุณจะเห็นทะเลแยกเป็นสองระดับ สร้างภาพที่น่าทึ่งราวกับมีทะเลแขวนอยู่กลางอากาศ
- ย่านเมืองเก่า Tinganes – ที่ตั้งของรัฐบาลท้องถิ่นในอาคารไม้หลังคาหญ้าสีแดงโดดเด่น ซึ่งเป็นรัฐสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
วันที่ 3 – สำรวจหมู่บ้านในฝัน
- Vestmanna – ล่องเรือชมหน้าผาสูงชันและถ้ำมหัศจรรย์ที่เป็นบ้านของนกทะเลนับพันตัว
- Saksun – หมู่บ้านในฝันที่ซ่อนตัวในหุบเขา มีบ้านหลังคาหญ้าดั้งเดิม และทะเลสาบน้ำเค็มที่รายล้อมด้วยภูเขาสูง
- Eiði – หมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่มีวิวของ “ยักษ์และแม่มด” หินโขดขนาดใหญ่กลางทะเล
- Gjógv – หมู่บ้านที่สวยที่สุดในแฟโร ชื่อหมายถึง “ช่องแคบ” ซึ่งเป็นท่าเรือธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นโดยคลื่นลมทะเล
- Slættaratindur – มองเห็นยอดเขาสูงที่สุดของหมู่เกาะ (882 เมตร) ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นถึงไอซ์แลนด์!
วันที่ 4 – ผจญภัยที่เกาะ Mykines
- เกาะ Mykines – “สวรรค์ของนกพัฟฟิน” เกาะที่อยู่ทางตะวันตกสุดของแฟโร
- สะพานข้ามเกาะ – เดินข้ามสะพานแขวนสุดหวาดเสียวไปยังเกาะเล็กๆ Mykineshólmur ที่มีประภาคารเก่าแก่
- นกพัฟฟิน – ชมนกพัฟฟินนับหมื่นตัวที่อาศัยอยู่ตามหน้าผา เป็นโอกาสอันหาได้ยากในการถ่ายภาพนกที่น่ารักเหล่านี้ในระยะใกล้ๆ (ช่วงฤดูผสมพันธุ์ พฤษภาคม-สิงหาคม)
วันที่ 5 – เรื่องเล่าและตำนานบนเกาะ
- เกาะ Kalsoy – อุโมงค์เล็กๆ ทอดยาวตลอดเกาะ และเป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่อง “No Time to Die”
- ประภาคาร Kallur – เดินเท้าสู่จุดชมวิวที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ประภาคารตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันที่ทอดตัวสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
- Mikladalur – ชมรูปปั้น “Kópakonan” หรือหญิงสาวแมวน้ำ ตำนานพื้นบ้านอันโด่งดังของชาวแฟโร
- Viðareiði – หมู่บ้านที่อยู่เหนือสุดของเกาะแฟโร มีโบสถ์สีขาวอายุกว่า 130 ปี ตั้งโดดเด่นท่ามกลางวิวภูเขาและทะเล
วันที่ 6 – มหัศจรรย์ทางธรรมชาติและอำลาแฟโร
- ล่องเรือชม Drangarnir – โขดหินรูปโค้งกลางทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแฟโร ต้องล่องเรือหรือเดินเท้าหลายชั่วโมงเท่านั้นจึงจะเข้าถึงได้
- หมู่บ้าน Gasadalur – หมู่บ้านที่สวยที่สุดและโดดเดี่ยวที่สุด ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูง เพิ่งมีถนนเชื่อมต่อในปี 2004 ผ่านอุโมงค์ยาว 1.4 กม.
- น้ำตก Múlafossur – น้ำตกอันโด่งดังที่ไหลจากหน้าผาลงสู่มหาสมุทรโดยตรง ฉากหลังเป็นหมู่บ้านและภูเขา สร้างภาพที่เหมือนในนิทาน
- เดินทางสู่โคเปนเฮเกน – อำลาหมู่เกาะแฟโร มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของเดนมาร์กเพื่อเตรียมตัวสู่การผจญภัยครั้งใหม่ในกรีนแลนด์
วันที่ 7 – สู่ดินแดนน้ำแข็ง
- เดินทางจากโคเปนเฮเกนสู่ Kangerlussuaq – ประตูสู่กรีนแลนด์
- Kangerlussuaq – เมืองที่ตั้งอยู่ปลายฟยอร์ดยาว 170 กม. เคยเป็นฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเย็น
วันที่ 8 – สัมผัสแผ่นน้ำแข็งยักษ์
- Ice Cap Point 660 – เดินทางด้วยรถ 4×4 สู่จุดที่สามารถเข้าถึงแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ได้ แผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปกคลุมพื้นที่ 80% ของประเทศ
- ธารน้ำแข็ง Russell Glacier – ตื่นตาตื่นใจกับกำแพงน้ำแข็งยักษ์สูงกว่า 60 เมตร มีโอกาสได้เห็นการถล่มของก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา
- บินสู่ Ilulissat – เมืองแห่งภูเขาน้ำแข็ง
- ยามค่ำคืนที่ Ilulissat – ชมแสงสีทองยามพระอาทิตย์ตกกระทบภูเขาน้ำแข็งในอ่าว สร้างภาพที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
วันที่ 9 – มหัศจรรย์น้ำแข็งที่ Disko Bay
- เดินเส้นทาง Blue Trail – เส้นทางเดินชมวิวที่สวยที่สุดใน Disko Bay เห็นภูเขาน้ำแข็งลอยอยู่ในอ่าว
- ล่องเรือชม Iceberg – สัมผัสประสบการณ์แบบใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็งยักษ์ที่มีรูปทรงแปลกตา บางก้อนสูงกว่าตึก 15 ชั้น
- ปรากฏการณ์แสงพระอาทิตย์เที่ยงคืน – ในช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์จะไม่ตกดินทำให้ท้องฟ้าเป็นสีทองตลอดคืน (พฤษภาคม-กรกฎาคม) หรือช่วงส่งท้ายฤดูกาลในสิงหาคม
วันที่ 10 – วัฒนธรรมอินูอิตและธารน้ำแข็งมรดกโลก
- ธารน้ำแข็ง Ilulissat Icefjord – มรดกโลกยูเนสโก ธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก (40 ม./วัน) และผลิตน้ำแข็งมากที่สุด
- โบสถ์ Zion – โบสถ์ไม้สีแดงอายุกว่า 240 ปี (สร้างปี 1779) เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในกรีนแลนด์
- พิพิธภัณฑ์บ้านเกิด Knud Rasmussen – บ้านของนักสำรวจขั้วโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรีนแลนด์
- เยี่ยมชมตลาดปลาและหัตถกรรมท้องถิ่น – สัมผัสวิถีชีวิตของชาวอินูอิต ชมงานแกะสลักงาช้างทะเล กระดูกวาฬ และหนังแมวน้ำ
วันที่ 11 – อำลากรีนแลนด์
- เวลาอิสระช่วงเช้า – โอกาสสุดท้ายในการซื้อของที่ระลึกหรือเดินชมเมือง
- เดินทางกลับโคเปนเฮเกน
วันที่ 12 – อำลายุโรปเหนือ
- อิสระ พักผ่อนหรือเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
- เดินทางกลับกรุงเทพฯ – ด้วยเที่ยวบิน TG951 (14:25-06:00+1)
วันที่ 13 (20 ส.ค.) – ถึงบ้านพร้อมความทรงจำ
- เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ