Day 1 : Bangkok – Kunming – Lhasa
- ช่วงเช้า พบกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- ออกเดินทางไปยังคุนหมิง
- นำท่านเดินทางต่อไปยังลาซา เมืองหลวงของทิเบต เป็นดินแดนสวรรค์บนฟ้าที่เรียกขานกันว่า “หลังคาโลก” ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3,650 เมตร ออกซิเจนที่ลาซาจึงค่อนข้างจะบางเบา ปัจจุบันเป็นทิเบตเป็นเขตปกครองตนเองเทียบเท่ามณฑลหนึ่งของประเทศจีน ในปี ค.ศ. 1951 ทางประเทศจีนได้ใช้กำลังทหารจากเมืองเฉินตูบุกเข้ายึดครองทิเบต ทำให้องค์ดาไลลามะ ต้องอพยพออกจากทิเบตพร้อมด้วยผู้ติดตามอีกประมาณ 5 หมื่นคนและได้ไปตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่ของตนเองในประเทศอินเดียและเนปาลเพราะเนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก มีความกดดันอากาศสูงกว่าปกติอาจจะทำให้มีอาการอ่อนเพลียบ้าง หรือปวดศีรษะ บางทีอาจท้องเสีย ท่านต้องพักผ่อนมากๆ ที่สำคัญ ไม่ควรอาบน้ำ สระผม หรือสูบบุหรี่ทันที
- คืนนี้พักที่ Lhasa
Day 2 : Potala Palace – Sera Monastery – Barkhor Street
- ชมสถานปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมชั้นยอดของทิเบต นั่นคือ พระราชวังฤดูหนาว (Potala Palace) โปตาลาของดาไลลามะ (คำว่า โปตาลา หมายถึง ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์) เป็นอาคารขนาดใหญ่หลากสีสันทั้งขาว แดงและเหลือง ซึ่งแต่ละสีจะเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงลักษณะของการใช้งาน พระราชวังโปตาลามีทั้งหมด 13 ชั้น มากกว่า 1,000 ห้อง ผู้ไปเยือนจึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ต่างๆทั่วทั้งเมืองลาซาได้อย่างถนัดตา
- เยี่ยมชม วัดเซรา (Sera Monasty) ในภาษาทิเบต คำว่า “เซรา” แปลว่า สวนกุหลาบป่า เพราะในอดีตนั้นบริเวณนี้เคยเป็นดงดอกกุหลาบจำนวนมากนั่นเอง วัดเซราตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาตาติปู สร้างเมื่อ ค.ศ. 1419 โดยศิษย์รูปหนึ่งของท่านซองฆะปะ ท่านซองฆะปะนั้น เป็นผู้ปฏิรูปและก่อตั้งพุทธศาสนาลัทธิเกลุคปะ และยังเป็นอาจารย์ของดาไลลามะที่ 1อีกด้วย
- ช้อปปิ้งเดินเลือกซื้อเลือกชมสินค้าได้อย่างอิสระ ที่ตลาดท้องถิ่น Barkhor Street หรือ ถนนแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลาซา บริเวณนี้นับว่าเป็นศูนย์รวมของศาสนาและวัฒนธรรมของชาวทิเบต ตลอดจนเหล่าบรรดาสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านต่างๆ ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง ทำให้เห็นวัฒนธรรม และวิถีของชาวทิเบตที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์
- คืนนี้พักที่ Lhasa
Day 3 : Lhasa – Yamdrok lake – Karola Glacier – Gyantse Shigatse
- ไปยังเมือง ซิกัตเซ่ ระหว่างทาง แวะชมหนึ่งในสามทะเลสาบอันศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดของทิเบต Yamdrok lake (สามทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ คือ Namtso, Manasarovar, Yamdrok) ทะเลสาบแห่งนี้มีที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำ Yarlong Tsangpo ในเขต Shannan และห่างจากทิเบตไปทางทิศใต้ราว 100 กิโลเมตร
- ชมความมหัศจรรย์ของธารน้ำแข็ง Kharola Glacier ได้อย่างถนัดตา ถือว่าเป็นการชมธารน้ำแข็งที่ใกล้ชิดมากๆ
- ชม เจดีย์ เจียนเซ่ คุมบุม (Gyangtse Kumbum Stupa) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบตและยังเป็นสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้ชาวทิเบตรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก โดยความพิเศษของเจดีย์แห่งนี้คือตรงกลางของสถูปเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเส้นทางอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำไปสู่การปลดปล่อยทางจิตวิญญาณ หรือมัณฑาลา (Mandala) นอกจากนี้ท่านจะได้ชมศิลปะอันสวยงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังที่รังสรรค์ขึ้นจากฝีมือของชาวเนปาล ซึ่งได้วาดไว้ตั้งแต่เมื่อศตวรรษที่ 15
- คืนนี้พักที่ Shigatse
Day 4 : Shigatse – Tashi Lhunpo Monastery – Rongbuk
- ชม วัดทาชิลุนโป (Tashilhunpo Monastery) ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1447 โดยองค์ดาไลลามะที่ 1 ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานและลูกศิษย์ของซองคาปา วัดทาชิลุนโป มีความสำคัญคือ เป็นที่พำนักของปัญเชนลามะ ที่ถือได้ว่าเป็นผู้นำทางศาสนาสูงสุดรองลงมาจากดาไลลามะ ภายในบริเวณวัดมีการสร้างสถูปอย่างยิ่งใหญ่โดยใช้ทองคำและเครื่องประดับอื่นๆที่มีค่า เนื่องจากสถูปแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาพระศพขององค์ปันเชนลามะ รวมถึงองค์ที่ 10 นอกจากนี้ยังมีรูปเคารพของพระศรีอริยเมตไตรย ซึ่งมีขนาดใหญ่สูง 26 เมตรประดิษฐานอยู่ภายใน
- ชมอาราม Rongbuk Monastery โดยเดินเท้าเพื่อข้ามช่องเขานันปามายังวัดแห่งนี้ อันถือได้ว่าเป็นที่พึ่งทางจิตใจและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการแสวงบุญของชาวเซอร์ปา ที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาเอเวอเรสต์ในเขตฆัมบู ประเทศเนปาล จึงนับได้ว่าอารามแห่งนี้เป็นศาสนสถานทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง และยังเป็นอารามที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ที่ระดับความสูง 5,154 เมตรจากระดับน้ำทะเล สำหรับด้านหน้าจะมีวัดไซรเตน (สถูปทิเบต) ซึ่งเป็นสีขาวขนาดใหญ่ ใช้สำหรับบรรจุสรีระธาตุของพระลามะอีกด้วย
- คืนนี้พักที่ Rongbukgbuk
Day 5 : EBC – Paiku Lake – Saga
- ชมความงดงามอันน่าอัศจรรย์ของยอดเขาทรงสามเหลี่ยมที่เด่นตระหง่านอยู่ช่องเขา หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เอเวอเรสต์” ท้าลมหนาวท่ามกลางหิมะสีขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่วภูเขา
- ชม ทะเลสาบไพกู Peiku Lake ทะเลสาปรูปร่างคล้ายคลึงกับปาท่องโก๋ ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาสูงตระหง่านที่มีความสูงราว 5700-6000 เมตร ส่วนหัวของทะเลสาบหันไปทางทิศเหนือ และตอนท้ายของทะเลซึ่งเป็นทางทิศใต้นั้น มีลักษณะเป็นแอ่งขนาดใหญ่กว่าตอนกลางของทะเลที่มีลักษณะยาวคอด จึงมีรูปร่างเหมือนกับปาท่องโก๋นั่นเอง โดยตัังอยู่บนความสูง 4,591 เมตร ทางตอนใต้ของแม่น้ำยาร์ลุงซางโป หรือแม่น้ำพรมบุตร ส่วนน้ำในทะเลสาบนั้นเป็นน้ำที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งทางตอนเหนือเรื่อยมาจนถึงตอนใต้ และไม่มีน้ำไหลออกมาหลายพันปีแล้ว จึงทำให้มีสภาพเป็นน้ำกร่อย โดยรอบของทะเลสาบอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและสัตว์ป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ม้าป่า ลาป่า เป็นต้น
- เดินทางไปยัง เมือง Saga (เดินทางประมาณ 8 ชม.) โดยระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติที่สรรค์สร้างได้อย่างลงตัว เต็มไปด้วยเนินเขาที่สูงและกว้างใหญ่ มีทุ่งหญ้าขึ้นเป็นหย่อมๆ และทุ่งหญ้ากว้างในที่ลุ่มน้ำขัง ชมวิถีชีวิตของสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจามรี แพะ แกะ ที่ออกหากินกลางทุ่งและริมแม่น้ำ จนกระทั่งถึงช่วงเย็นๆจะเดินทางถึงเมืองซาก้า
- คืนนี้พักที่ Saga
Day 6 : Saga – Zhongba – Lake Manasarovar – Chiu Gompa – Pulan
- เดินทางไปยังจงป้า (ประมาณ 4 ชม.)
- ทะเลสาบมานัสโรวาร์ หรือ ทะเลสาบมาปาม (Mapham Yum-Tso) หมายถึง ทะเลสาบแห่งชัยชนะ ลักษณะของน้ำทะเลสาบที่นี่จะเป็นสีฟ้า เต็มไปด้วยความตระการตาของทุ่งหญ้าสีแดง และเทือกเขาหิมะกูร์ล่ามันดาทาที่โดดเด่นเป็นฉากอยู่เบื้องหน้า ทะเลสาบมานัสโรวาร์ ได้ปรากฎ ในคัมภีร์ปุราณะ (Puranas) ของศาสนาฮินดู มีใจความว่า ก่อนที่ทะเลสาบแห่งนี้จะมีขึ้นบนโลก แต่เดิมทะเลสาบมานัสโรวาร์ ได้ถูกสร้างขึ้นมาอยู่ในหัวใจของพระพรหมก่อน ทำให้น้ำในทะเลสาบมีน้ำที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และความศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ดื่มกินจะเทียบเท่ากับการล้างบาปนับร้อยชาติ ทำให้เมื่อเสียชีวิตจากโลกมนุษย์แล้ว ผู้นั้นก็จะกลับเข้าสู่ดินแดนของพระศิวะ และความพิเศษของการเดินทางในฤดูร้อนเพื่อไปยังเขาไกรลาสนั้น ท่านจะได้พบเห็นนักแสวงบุญผู้เต็มไปด้วยความศรัทธานับพันคนร่วมกันสวดมนต์และเดินตามเส้นทางของการแสวงบุญรอบๆทะเลสาบ ซึ่งถือเป็นการทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของทางศาสนาฮินดู
- คืนนี้พักที่ Pulan
Day 7 : Pulan – Darchen – Mt.Kailash
- เดินทางไปยังเมือง Darchen ชุมชนขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในอำเภอผู่หราง ซึ่งถือเป็นด่านหน้าสำหรับผู้จาริกแสวงบุญชาวบอน พุทธ ฮินดู และเชน
- ภูเขาไกรลาส หรือ กังรินโปเซ (ไกรลาส” หรือ “ไกลาส” เป็นคำวิเศษณ์ในภาษาสันสกฤต แปลว่า “สีเงินยวง”) เป็นยอดเขาแห่งหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัย ที่ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างยาวนาน โดยมีอายุมากกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาต่างๆมาตั้งแต่สมัยโบราณที่ถือกำเนิดในประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ ฮินดู เซน และบองของชาวทิเบตโบราณ เพราะแต่ละศาสนามีความเชื่อว่า ภูเขาไกรลาสแห่งนี้เป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลและเชื่อว่า เขาไกรลาส คือ เขาพระสุเมรุ ตามหลักความเชื่อจักรวาลในพระพุทธศาสนา ขณะเดียวกันเขาไกรลาสยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญต่างๆในทวีปเอเซีย นอกจากนี้ภูเขาไกรลาส ยังมีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากถึง 22,020 ฟุต เป็นภูเขาสูงลำดับที่ 32 ของโลก และสูงเป็นลำดับที่ 19 ของเทือกเขาหิมาลัย ที่โอบล้อมภูเขาไกรลาสไว้อย่างสวยงาม ระหว่างนี้ ท่านจะได้ชมทิวแถวของผู้ศรัทธาจากหลากหลายศาสนา ที่เดินทางมาจาริกแสวงบุญ ด้วยการเดินเท้าอย่างสำรวมไปยังจุดสักการะของแต่ละศาสนา เดินผ่านประตู Star Gate ที่ชาวทิเบตมีความเชื่อมาแต่เดิมว่า หากใครได้เดินผ่านประตูแห่งนี้แล้วจะได้ไปสู่ภพภูมิใหม่ที่ดี
- คืนนี้พักแถวๆเขาไกรลาส
Day 8 : Trek day one : Chiu Gompa temple – Langbona Monastery Hor Qu (6-8 hrs trekking)
- รับประทานอาหารเช้าจากที่พัก วันนี้เริ่มต้นเดินแสวงบุญรอบภูเขาไกรลาส จาก ตาเชน การเดินแสวงบุญรอบภูเขาไกรลาส ชาวทิเบตเรียกว่า โคร่า (Kora) เริ่มจากที่ตาเชน ระยะทางในการเดินทั้งงหมด ประมาณ 52 กิโลเมตร การเดินทางไปเขาไกลลาสมักจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ สามวัน และหยุดที่โคร่า ตาเชน คือการเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการเดินป่าและชมภูเขาศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ออกจาก ตาเชน แล้ว มีหุบเขาที่เรียกว่า Dsarshung เป็นที่พัก ช้า ม้า วัว ของป่าและรอเพื่อส่งต่อลูกค้า คุณสามารถเดินไปตามหน้าผาที่สวยงามและมุ่งหน้าไปทาง ดีราปุค ตลอดการเดินทางจะมีเต้นท์เรียงรายซึ่งทุกท่านสามารถ ลองเครื่องดื่มหรือลิ้มลองรสโยเกิร์ตของผู้คนท้องถิ่นเหล่านั้น หลังจากนั้นค่อยๆขึ้นไปยังหุบเขาและจะใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงถึงจะถึง วัดดีราปุค
Day 9 : Trek day two – Drirapuk to Dzultripuk (18km)
- รับประทานอาหารเช้าจากที่พักวันนี้ ก่อนเริ่มเดินโคร่า ตามเส้นทางภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ เขาไกรลาสกันต่อ โดยในระหว่างทางการเดิน ท่านจะได้พบเจอนักแสวงบุญที่เดินทางมาจากทิเบต อินเดีย เนปาล พระลามะมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ริมทะเลสาบ การเดินโคร่ารอบภูเขาไกรลาสนั้นเป็นถือเป็นกุศลยิ่งใหญ่ของผู้คนหลายศาสนา ทั้งเด็กเล็กหนุ่มสาวคนชราต่างก็เดินหมุนกงล้อมนต์ หลายคนเดินสลับกับน้อมตัวลงกับพื้นดินเพื่อกราบอัษฎางคประดิษฐ์วนรอบภูเขาไกรลาส (อัษฎางคประดิษฐ์คือ การกราบโดยให้อวัยวะ8 จุดจรดพื้น หน้าผาก 1 ฝ่ามือ 2 หน้าอก 2 เข่า 2 และปลายเท้า 2 บางตำราบอกว่า มือ 2 หน้าอก 1 หน้าผาก 1 ตา 2 คอ 1 กลางหลัง 1 หรืออีกนัยหนึ่งว่า มือทั้ง 2 หน้าอก 1 หน้าผาก 1 เข่า 1 เท้า 1 วาจา 1 ใจ 1 รวมเป็น 8 )
Day 10 : Trek day three – Dzultripuk to Darchen (14km) – Guge Ruin
- ช่วงสุดท้ายของการเดินแสงบุญ เราจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อเดินมาให้ถึง ตาเชน หลังจากนั้น ทานอาหารกลางวันและ ออกเดินทางต่อเมืองโบราณ กู่เก๋อ
Day 11 : Zanda – Guge Kingdom – Tholing monastery – Gar
- เมือง กู่เก๋อ เป็นดินแดนที่ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอะรีหรือทิเบตตะวันตกในปัจจุบัน บริเวณใกล้กับชายแดนจีน-อินเดีย มีเมืองหลวงเดิมชื่อซานด้า (Zanda) มีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสัตเลจหรือแม่น้ำแดง ชมความสวยงามแปลกตาของภูมิประเทศที่ปรากฎอยู่โดยรอบเมืองซานด้า ที่มีลักษณะเป็นโตรกผาสูง สาเหตุเนื่องมาจากน้ำกัดเซาะหินทรายแดงเป็นเวลานานจนกลายเป็นร่องลึก แต่เดิมมีการสันนิษฐานว่า พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่มาก่อน แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเทือกเขาหิมาลัยได้ยกตัวสูงขึ้น จึงทำให้บริเวณนี้ต้องถูกยกตัวสูงตามไปด้วย น้ำในทะเลสาบจึงแห้งขอดไปในที่สุด ขณะที่พื้นดินที่อยู่ก้นทะเลสาบได้ถูกน้ำและลมกัดเซาะเป็นเวลานานนับล้านปี จึงเกิดภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นโตรกผาสูง คล้ายคลังกับแกรนด์แคนยอนของอเมริกานั่นเอง
- วัดโถหลิง Tholing Monastery อยู่ในเมืองซานด้า เป็นพุทธสถานที่สำคัญที่สุดของทิเบตตะวันตก คำว่า Tholing ภาษาธิเบตแปลว่าบินอยู่บนฟ้าตลอดกาล ในวัดมีภาพจิตกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงามด้วยโทนสีอ่อนต่างจากภาพอื่นๆที่ใช้สีฉูดฉาดเน้นสีแดงเป็นหลัก ยังมีภาพเล่าพระราชประวัติของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังซื่อชวนเหก
Day 12 : Ngari – Lhaza – Bangkok
- เดินทางไปยังสนามบิน เพื่อเดินทางกลับ ลาซา เหินฟ้าสู่ลาซา โดยสายการบินภายในประเทศ
- จากนั้นนำท่านต่อเครื่องกลับกรุงเทพฯ
- ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ