logo-freedoka

ทัวร์โดโลไมท์

Highlight

Dolmite Grand

Dolmite + Cinque

Dolmite + Tuscany

Day : Bangkok – Milan 

  • นัดพบกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ  

Day : Milan – Bergarmo – Stelvio National park – Stelvio – Sulden 

  • ถึงเมืองมิลาน เดินทางสู่เมือง เบอร์กาโม (BERGAMO) เมืองในยุคกลางอีกครั้ง สถาปัตยกรรมที่ผสานระหว่างศิลปะยุคกลางและยุคเรเนสซองส์ไว้ด้วยกัน  
  •  ชมย่านเมืองเก่า Citta Alta” ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองนั้นล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองแบบเวนิส ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17  
  • ชมย่านจัตุรัสเก่า เปียสซ่า เว็คเคียร์ (Piazza Vecchia ,Old square) ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองเก่าที่แวดล้อมไปด้วยเหล่าอาคารที่แสดงออกถึงการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของยุคกลางและเรเนสซองส์ 
  • นำท่านเข้าชม มหาวิหารซานต้า มาเรีย มายอเร” (Santa Maria Maggiore) อีกหนึ่งมหาวิหารที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม  สิ่งที่โดดเด่นของมหาวิหารก็คงจะเป็นรูปปั้นสิงโตคู่ ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับซุ้มประตูโค้งด้านหน้ามหาวิหาร 
  • ชื่นชมความมหัศจรรย์ของอุทยานแห่งชาติ Stelvio National park ก่อตั้งขึ้นในปี 2478 อุทยานนี้จะติดกับอุทยานแห่งชาติสวิสด้วย และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดที่หายาก
  • ออกเดินทางสู่เมือง Stelvio โดยใช้เส้นทาง Stelvio Pass ลักษณะถนนจะคดโค้ง วกไปวนมาแวะถ่ายรูปบนจุดสูงสุดของ Pass ที่ความสูงประมาณ 2757 เมตร
  • จากนั้นนำท่านสู่ เมือง Sulden เป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดกลางใจกลางเทือกเขาแอลป์ ล้อมรอบด้วยยอดเขาหิมะสูงชัน ทิวทัศน์ของเมืองก็งดงามน่าประทับใจ นับเป็นปลายแดนที่ชาวยุโรปนิยมขึ้นมาพักผ่อน 
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Sulden 

Day : Sulden – Brixen – Val di Funnes – Santa Magdalena  Ortisei 

  • เดินทางไปเมืองบรีเซ่น (Brixen) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดในแคว้น Tyrol มีเทือกเขา Dolomite เป็นฉากหลัง ความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่จึงอิงแอบกับธรรมชาติ  
  • ชมความมหัศจรรย์ของ Culture Landscape ซึ่งเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวของธรรมชาติ โดยฉากหลังเป็นภูเขาอันยิ่งใหญ่ตระการตา เบื้องหน้าของเราเป็นหมู่บ้านสงบๆ Val di Funes พร้อมถ่ายรูป ณ จุดถ่ายรูปมุมพิเศษที่เราสรรหามาให้คุณ 
  • ไปยังจุดชมวิว Santa Magdalena อันเป็นเอกลักษณ์ ในยามอาทิตย์อัสดง แสงแดดทองละเลียดริมหน้าผา ฉากเบื้องหน้าเป็นโบสถ์และหมู่บ้านอันแสนสงบ 
  • เดินทางไปยังเมือง Ortisei 
  • นำท่านสู่  Val Gardena ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา โดยมีที่ตั้งอยู่ที่ความสูง 1236 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ท่านสามารถเดินเล่นชมเมืองได้เล็กน้อย  
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Ortisei 

Day : Ortisei – Secade – Alp de Suisi 

  • นำท่านขึ้นกระเช้าสู่ Secada ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ท่านจะได้เห็นกลุ่มภูเขา Sella group และ  Sussolungo เที่ยวถ่ายรูปกันจนอิ่ม  
  • พาท่านไปขึ้นกระเช้าอีกฝั่ง ชมวิว Alpe di Siusi เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สามารถเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของกลุ่มเขาใน Dolomite ได้  (option ไม่รวมค่ากระเช้าในทริป 
  • Urlaub Seis am Schlern หมู่บ้านเล็กๆแสนสวย ที่อยู่เชิงภูเขา Seiser Alm ในปัจจุบันที่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปและกิจกรรม Adventure ต่างๆ  มีเทรลเดินศึกษาธรรมชาติและรีสอร์ทสวยๆแบบลักชัวรี่ 
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Ortisei 

Day : Ortisei – Sella pass – Pass gardena – Pass Falzarego – Cortina  

  • ขับรถผ่าน Sella pass มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามไม่แพ้กัน เป็นหนึ่งในเส้นทางของภูเขาโดโลไมท์  
  • ผ่านเส้นทาง Passo Gardena (ปาสโซ่ การ์เดน่าหรือ Gardena Pass เป็นอีกหนึ่งเส้นทางคดเคี้ยวผ่านภูเขาในเส้นทางสาย Great Dolomite Road อีกหนึ่งสายที่งดงามอลังการ ด้วยทิวทัศน์ทุ่งหญ้าและภูเขาสูงใหญ่แห่งเทือกเขาโดโลไมท์   
  • เดินทางผ่าน Pass Falzarego ท่านจะได้เห็นวิวภูเขาใหญ่โตจนต้องแวะถ่ายรูปเลยทีเดียว 
  • จากนั้นจึงเดินทางกันต่อ มุ่งสู่เมือง Cortina d’ Ampezzo เป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่อยู่ในตอนกลางของหุบเขาอัมเปซโซ ในทิวเขา Dolomites  อีกทั้งยังเป็นสถานที่ไว้ใช้จัดโอลิมปิกในฤดูหนาวอีกด้วย  
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง  Cortina  

Day : Cotina – Tri Cime – Misurina – Braies – Cortina 

  • ชม Tri Cime di Lavaredo ยอดภูเขาหินปูนสามลูกที่เรียงติดกัน ว่ากันว่าเป็นยอดเขาที่ดังและสวยที่สุดของ Dolomites ฝั่งตะวันออก 
  • ทะเลสาบ Misurina ณ เมืองเบลลูโน่ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีความยาวถึง 2.6 กิโลเมตร ลึกกว่า เมตร แวดล้อมด้วยทัศนียภาพอันสวยงามและอากาศอันบริสุทธิ์
  • ชมความงามของ ทะเลสาบบรายเอียซ (Braies) เขตอุทยานแห่งชาติ FANES SENNES BRAIES ตามตำนานกล่าวว่าที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์ ที่คอยคุ้มครองดูแลเหมืองทองคำใต้พิภพอีกด้วย  
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง  Cortina  

Day :  Cortina – Pass giau – Pordoi Karesee – Bolzano 

  • Giau Pass จุดชมวิวที่อยู่บน Mountain Pass สูงกว่า 2236 เมตร เห็นวิวรอบด้าน 360 องศา ภาพที่ถ่ายบ่อยมากเป็นมุมทางด้านทิศเหนือ เห็นทุ่งหญ้ากับภูเขารูปทรงสามเหลี่ยม
  • เราจะข้ามผ่าน Pordoi pass อยู่ระหว่าง กลุ่ม ella-Marmolada  ที่ยิ่งใหญ่ โดยมีระดับความสูงถึง 2239 เมตร 
  • ชม Lake of Karezza เป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและช่างภาพ เป็นภาพทะเลสาบและทิวต้นสนฉากหลังเป็นภูเขาหิมะอันสวยงาม
  • เดินทางต่อไปยังเมือง Bolzano เมืองชนบทที่เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยแม่น้ำเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคไทโรลใต้  
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Bolzano 

Day : Bolzana – Duomo – Milan 

  • เดินเล่นชมเมือง วิวทิวเขาแปลกตารอบๆเมือง  ชมวิหาร Duomo โบสถ์ Chiesa dei Domenican และอนุสาวรีย์ที่จัตุรัสกลางเมือง Piazza delle Erbe แถบถนนคนเดิน Piazza Walther และย่านอาณาเขตโบลซาโน และสามารถช้อปปิ้งจุใจไปกับแฟชั่นต่างประเทศและสินค้าที่ระลึกท้องถิ่น 
  • เดินทางไปยังเมืองมิลาน ชมโบสถ์ Duomo แบบกอธิคที่ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามตระการตามากที่สุดในอิตาลี สร้างในปี ค..1386 มีรูปปั้นหินอ่อนจากทุกยุคทุกสมัย ด้านบนสุดมีรูปปั้นทองของ พระแม่มาดอนน่า 
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Milan 

Day : Milan Airport 

  • เดินทางไปยังสนามบิน เดินทางกลับกรุงเทพฯ  

Day 10 : Bangkok 

  • ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ 

***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม*** 

Day 1 : Bangkok – Milan

  • พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางสู่เมืองมิลาน

Day 2 : Milan – Sirmione – Lake Garda – Bolzano – Canazei

  • ไปยังเมือง Sirmione เมืองอันเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 2000 ปี มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแหลมที่ยื่นออกไป ในทะเลสาบการ์ด้าซึ่งมีความยาวกว่า 55 กิโลเมตร เมืองนี้จึงถูกขนาบข้างด้วยทะเลสาบ ชมร่องรอยประวัติศาสตร์ ซากปรักหักพังของตึก และอาคารต่างๆ ตั้งแต่สมัยยุคโรมัน
  • เดินทางสู่เมือง Bolzano เป็นเมืองหลวงของภูมิภาค South Tyrol ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาเยอรมัน รองลงมาเป็น ภาษาอิตาลี เราสามารถรับประทานไส้กรอกเยอรมันแสนอร่อยและจิบกาแฟอิตาเลียนได้ที่เมืองนี้ แวะชมวิหาร Chiesa dei Domenican ย่านใจกลางเมือง และอนุสาวรีย์ที่จัตุรัสกลางเมือง Pizza delle Erbe พร้อมเดินเล่นแถบถนนคนเดิน Pizza Walther
  • เดินทางสู่ เมือง Canazei จุดเริ่มต้นสำหรับ ไปยัง Sella, Marmolada และ Sassolungo กลุ่ม Pordoi เราจะข้ามผ่าน pordoi pass อยู่ระหว่าง กลุ่ม ella-Marmolada  ที่ยิ่งใหญ่ โดยมีระดับความสูงถึง 2239 เมตร
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Ortisei

Day 3 : Val Gardena – Val di Funes – Santa Magdalena – Lake Braies – Lake Misurina – Cortina d’ Ampezzo

  • เส้นทาง Passo Gardena (ปาสโซ่ การ์เดน่า) หรือ Gardena Pass เป็นอีกหนึ่งเส้นทางคดเคี้ยวผ่านภูเขาในเส้นทางสาย Great Dolomite Road อีกหนึ่งสายที่งดงามอลังการ ด้วยทิวทัศน์ทุ่งหญ้าและภูเขาสูงใหญ่แห่งเทือกเขาโดโลไมท์ ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงปลายฤดูร้อนเส้นทางเส้นนี้จัดได้ว่าเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักปั่นจักรยาน นักขี่มอเตอร์ไซค์ Big Bike และนักเดินเขาเป็นอย่างมาก
  • ชมวิว Santa Magdalena อันเป็นเอกลักษณ์ของ Dolomite แสงแดดทองละเลียดริมหน้าผา ฉากเบื้องหน้าเป็นโบสถ์และหมู่บ้านอันแสนสงบ ปล่อยกายปล่อยใจไปกับช่วงเวลาแสนพิเศษนี้
  • ชมความมหัศจรรย์ของ Culture Landscape ซึ่งเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวของธรรมชาติ โดยฉากหลังเป็นภูเขาอันยิ่งใหญ่ตระการตา เบื้องหน้าของเราเป็นหมู่บ้านสงบๆ Val di Funes พร้อมถ่ายรูป ณ จุดถ่ายรูปมุมพิเศษที่เราสรรหามาให้คุณ
  • ชมความงามของ ทะเลสาบบรายเอียซ (Braies) เขตอุทยานแห่งชาติ FANES SENNES BRAIES ตามตำนานกล่าวว่าที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์ ที่คอยคุ้มครองดูแลเหมืองทองคำใต้พิภพอีกด้วย
  • เยี่ยมชม ทะเลสาบ Misurina ณ เมืองเบลลูโน่ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีความยาวถึง 6 กิโลเมตร ลึกกว่า 5 เมตร แวดล้อมด้วยทัศนียภาพอันสวยงามและอากาศอันบริสุทธิ์ให้ทุกท่านได้สัมผัส สูดลมหายใจลึกๆ พร้อมชมความงามของทะเลสาบอันกว้างใหญ่ไพศาล กระแสน้ำที่ใสสะอาด เป็นเงาสะท้อนเห็นวิวภูเขาลดหลั่นไปมาอย่างน่าอัศจรรย์  มีฉากหน้าเป็นโรงแรมสีเหลืองตัดกับท้องฟ้าสีครามสวยงามจับใจ
  • มุ่งสู่เมือง Cortina d’ Ampezzo เป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่อยู่ในตอนกลางของหุบเขาอัมเปซโซ ในทิวเขา Dolomites อีกทั้งยังเป็นสถานที่ไว้ใช้จัดโอลิมปิกในฤดูหนาวอีกด้วย
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง ortisie

Day 4 : Great Dolomite Road – Passo Pordoi – Passo Falzarego – Verona

  • นำชมเส้นทาง Great Dolomite Road บนเส้นทางสายมหัศจรรย์แห่งนี้ คุณจะทึ่งในความยิ่งใหญ่ตระการตาของขุนเขาอีกครั้ง ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วในโลกนี้
  • ชมสองจุดสำคัญคือ Passo Pordoi และ Passo Falzarego แวะถ่ายรูปกับถนนงูเลื้อย ซึ่งเป็น 1 ใน 7 pass ของการแข่งขัน จักรยานในอิตาลีอันยิ่งใหญ่เที่ยบเท่า Tour de France
  • เมือง Verona เมืองแห่งตำนานรักของโรมิโอจูเรียต ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเวนิส แต่มีความโรแมนติคที่ไม่แพ้กันเลย ทั้งทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม โรงละคร งานจัดแสดงต่างๆ และที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีเลยนั่นคือ เรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาว โรมีโอจูเลียต ที่ถูกนำมาเรียงร้อยเรื่องราว
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Verona

Day 5 : Tuscany – San Gimignano

  • เยี่ยมชม San Gimignano เมืองเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เป็นเมืองแห่งสุดยอดสถาปัตยกรรมยุคกลาง เป็นเมืองเดียวในอิตาลีที่สามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วน จนได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกโดย UNESCO
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Montalcino

Day 6 : Sant’ Antimo – Siena – Duomo – Pienza-San Quirico d’Orcia – Bagno Vignoni – Montalcino

  • โบสถ์ซานต์ อานติโม (Sant’ Antimo) ได้เวลาพาทุกท่านเข้าสู่ เมืองเซียน่า (SIENA) แคว้นทัสคานี ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในสมัยช่วงยุคกลางของประเทศอิตาลี เซียน่า ซึ่งเป็นเมืองคู่แข่งสำคัญของฟลอเรนซ์ในอดีต แต่ตอนหลังถูกยึดรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฟลอเรนซ์ เป็นเมือง UNESCO อีกเมืองหนึ่งของแคว้นทัสคานี่
  • ชมวิหารดูโอโม ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ในสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ มีความงดงามทั้งภายนอกโบสถ์และภายในโบสถ์ที่ออกแบบได้อย่างวิจิตร เพราะถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนภายใต้ศิลปะแบบเซียน่า
  • ชม จัตุรัสกลางเมือง ที่มีศาลาว่าการกลางสไตล์โกธิคตั้งตระหง่านอยู่จนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้
  • เมือง Pienza และ San Quirico d’Orcia เนินหญ้าที่สวยงามตลอดข้างทาง ถือได้ว่าเป็นทิวทัศน์ในแบบฉบับแคว้นทัสคานีแท้ๆ
  • แวะชมเมือง Bagno Vignoni เมืองแห่งน้ำพุร้อนและสปาโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ที่นี่เป็นจุดแวะพักสำหรับผู้แสวงบุญก่อนที่จะเดินทางไปยังกรุงโรม
  • Montalcino เมืองน่ารักๆ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องไวน์
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Montalcino

Day 7 :  Pisa – Cinque Terre

  • ชม หอเอนปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก “หอเอนเมืองปิซ่า” หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 8 ชั้น อดีตเป็นที่ตั้งของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
  • เดินทางสู่เมือง La spezia จากนั้นพาท่านนั่งรถไฟท้องถิ่น เลียบชายฝั่งของหมู่บ้าน Cinque Terre ที่มีความหมายว่า 5 แผ่นดิน เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานย้อนกลับไปถึงศรตวรรษที่ 11 โดยมี VERNAZZA และ MANAROLA เป็นสองหมู่บ้านแรกก่อนหมู่บ้านอื่นๆจะเติบโตตามมา หมู่บ้านเหล่านี้ได้เสื่อมโทรมลงในศตวรรษที่ 16 เมื่อมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อจาก La spezia ผ่านหมู่บ้านเหล่านี้ คนในหมู่บ้านนี้จึงได้อพยพย้ายถิ่นฐานออกไปจากที่นี่ จนกระทั้งการท่องเที่ยวกลับมาสร้างความคึกคักอีกครั้งในช่วงปี 1970 เมืองมรดกโลกแห่งนี้ประกอบด้วยหมู่บ้านทั้งหมด 5 แห่ง Monterosso al Mare , Vernazza , Corniglia , Manarola และ Riomaggiore
  • MANAROLA เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองใน Cinque Terre เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1338 ภาษาถิ่นคือ Manaroles ซึ่งแตกต่างจากภาษาถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง ชื่อ “Manarola” มีรากจากภาษาลาติน แปลว่า “ล้อใหญ่” ซึ่งหมายถึงล้อกังหันในเมืองอุตสาหกรรมหลักของมานาโรลาเป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิมคือการประมงและทำไวน์ ไวน์ท้องถิ่นในชื่อ Sciacchetrà มีชื่อเสียงเป็นพิเศษ
  • VERNAZZA มีการกล่าวถึงย้อนไปถึงปี 1080 อ้างถึงฐานทัพเรือของชาวท้องถิ่นที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการป้องกันโจรสลัด ปัจจุบันที่นี่กลายเป้นแหล่งท่่องเที่ยวสำคัญรวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง La spezia

Day 8 : Portofino – Divo Martino – Serravalle Outlet

  • เดินทางสู่ เมืองปอร์โตฟิโน่ (PORTOFINO) หมู่บ้านประมงเล็กๆ ในอิตาลีที่น่าเที่ยวชมอีกแห่งหนึ่ง โดยหมู่บ้านแห่งนี้ ยังถือเป็นรีสอร์ทเมืองสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวในเมืองเจนัวอีกด้วย
  • อ่าวเรือยอร์ช (YATCH) ที่จอดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ความสวยงามของที่นี่นั้นถึงกับทำให้บริษัทในเครือวอลท์ดิสนีย์ (WALT DISNEY) ต้องขอจำลองไปไว้ที่สวนสนุกดิสนีย์ซี (DISNEYSEA) ในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว เยี่ยมชม โบสถ์เซนต์มาร์ติน (DIVO MARTINO) สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11
  • Serravalle Outlet แวะช้อปปิ้งสินค้าแบรนเนมราคาถูก จากนั้นเดินทางเข้าสู่ Milan เมืองสำคัญของประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ โดยถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในระดับเดียวกับ นิวยอร์ค ปารีส ลอนดอน และ โรม
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Milan

Day 9 : Duomo – Milan Airport

  • ชมดูโอโม จากนั้นมุ่งหน้าสู่สนามบิน เป็นมหาวิหารประจำเมืองสร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอับดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน
  • เตรียมตัวเดินทางไปยังสนามบิน เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG941 เวลา 05 น.

Day 10 : Bangkok

  • เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ

89,000

ไปไหนมาดอทคอม • 089-4789334 • 02-045-3445 • Line : @painaima.com • painaima@gmail.com • ติดต่อเรา

ไปไหนมาดอทคอม • ติดต่อเรา

error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม