logo-freedoka

ทัวร์โครเอเชีย มอนเตเนโกร

ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก เมืองท่าที่มีกลิ่นโรแมนติก และความเป็นศิลปินอยู่ในตัว

จุดเด่นทริป

โปรแกรมเต็ม

Day 1 : Bangkok 

  • นัดพบกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 

Day 2 : Zagreb – Ljubljana 

  • เดินทางถึงกรุงซาเกรบ(Zagreb) เมืองหลวงของโครเอเชีย ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศติดกับพรมแดนสโลเวเนีย เมืองแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการขนส่ง อุตสาหกรรม เศรษฐกิจและการปกครองของประเทศ โดยเมืองซาเกรบนี้แบ่งออกเป็น 2 เขต คือ อัพเพอร์ ทาวน์ (Upper town) เขตเมืองเก่าบนเขาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และ โลเวอร์ ทาวน์(Lower town) เขตการค้าสมัยใหม่ที่ขยายตัวออกมาตามหลัง 
  • ชม โบสถ์เซ็นต์มาร์ค (Church of St.Mark) สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ถือเป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะมีความโดดเด่นด้วยหลังคาที่มีการปูกระเบื้องโมเสกเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของเมืองซาเกรบ คือรูปปราสาทสีขาวบนพื้นสีแดง เคียงคู่กับตราสัญลักษณ์ของประเทศโครเอเชีย สโลเวเนีย และดัลเมเชีย ทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่บนลวดลายตารางหมากรุกแดงขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโครเอเชียอีกด้วย 
  • โรงละครแห่งชาติซาเกรบ ที่สร้างขึ้นเมื่อปีศ.ศ. 1895 ในสไตล์นีโอบาร็อค อาคารแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปตัว และรายล้อมไปด้วยสวนสาธารณะจนได้รับฉายาว่า เกือกม้าสีเขียว (The Green Horse shoe) 
  • ชม อาคารรัฐสภา(Sabor) ที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของชนชาติโครแอตซึ่งแยกตัวเองจากยูโกสลาเวียในอดีต 
  • มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St.Stephen Cathedral) มหาวิหารในนิกายโรมันคาทอลิกที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซาเกรบ และถือเป็นศูนย์กลางของฝั่งเมืองเก่า สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 13 และได้รับการต่อเติมอีกหลายครั้ง จนถึงปัจจุบันถูกบูรณะเป็นสไตล์นีโอโกธิค เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 800 ปี และถือเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโครเอเชียด้วยความสูงกว่า 108 เมตร ภายในประดิษฐานรูปนักบุญองค์สำคัญๆ เช่น นักบุญเซนต์ปีเตอร์เซนต์ปอลล์ 
  • แพงหินโบราณ(Stone Gate) ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 13 ที่สร้างรายล้อมเมืองเก่าเพื่อป้องกันศัตรูในอดีตอันได้แก่ชาวออตโตนั่นเอง ชื่นชมความมหัศจรรย์ของภาพพระแม่มารีที่อยู่ภายในโบสถ์ใต้ประตูเมืองซึ่งเหลือรอดจากไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 1731 อย่างปาฏิหาริย์ กระทั่งผู้คนเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และแห่ไปสวดมนต์เพื่อขอพรกัน 

Day 3 : Zagreb – Plitvicka 

  • เช้าชม อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ที่ตั้งอยู่ใจกลางของอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำมีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา 
  • ล่องเรือข้ามทะเลสาบ Kozjak เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน ชมความงามของอุทยานตอนล่างและชมความงดงามของ Big Waterfalls สัมผัสถึงบรรยากาศของสายน้ำบนพื้นน้ำสีคราม และเกาะแก่งในทะเลสาบ ตลอดจนไม้ป่าจำพวกสนและเฟอร์ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ 

Day 4 : Plitvicka – Zadar – Krka National Park – Trogir 

  • เดินทางสู่ เมืองซาดาร์ (ZADAR) อดีตเมืองหลวงเก่าของภูมิภาคดัลเมเชีย (Dalmatia) (เดินทางประมาณ 2 ชม.) เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเก่าแก่ตั้งแต่สมัยโรมัน ในอดีตยังเป็นย่านค้าขายทางเรือที่สำคัญอีกด้วย และปัจจุบันก็ได้กลายเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง 
  • จตุรัสกลางเมืองซาดาร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง ชมบรรยากาศของเมืองเก่า ชมความเก่าแก่ของ โบสถ์ St. Simeon โบสถ์เก่าแก่ที่มีประวัติอันยาวนาน ชม โรมันฟอรัม (Roman Forum) สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) ลานประชุมกลางเมือง ที่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง
  • ชม โบสถ์เซนต์ โดแนท (St.Donatus Church) เป็นโบสถ์ไบเซนไทน์ที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9 ประจำเมืองซาดาร 
  • ชม มหาวิหารเซนต์อนาตาเซีย (St.Anastasia Cathedral) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทียซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 ถึง 5 แม้จะถูกทำลายในสงครามมาแล้วแต่ก็ยังคงสภาพความสวยความให้เห็นจนถึงปัจจุบัน ผ่อนคลายกับการบรรเลงดนตรีโดยธรรมชาติที่เดียวในโลก ออร์แกนทะเล (Morske Orguljeได้รับรางวัล European Prize ซึ่งออร์แกนทะเลเกิดจากโพรงท่อขนาดใหญ่ 35 ท่อภายในลานบันไดหินอ่อนความยาว 230 ฟุตเลียบทะเลเอเดรียติค เมื่อน้ำทะเลไหลท่วมเข้ามาในท่อของบันไดขั้นที่ต่ำกว่า อากาศภายในจะถูกดันให้ไหลออกมาทางท่อของบันไดขั้นบน เกิดเป็นระดับเสียงต่างๆ ตามจังหวะธรรมชาติของคลื่นลม 
  • เดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติครึกคา (Krka National Park) อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงของมณฑลซิบินิค-คนีน (Sibenik-Kninมณฑลในภูมิภาคดัลเมเชีย เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติของโครเอเชียที่ตั้งชื่อตามแม่น้ำครึกคา (Krka River) 
  • ชม น้ำตกสกราดินสกี บุค (Skradinski Buk) หรือเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า (Krka Waterfalls) เป็นหนึ่งในสองน้ำตกหลักที่มีความสูงประมาณ 37 .5 เมตร เป็นน้ำตกที่มีน้ำใสมากอีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำธรรมชาติ ที่สามารถลงเล่นน้ำรวมไปถึงพายเรือเล่นได้อย่างสบายๆ 
  • เมืองโทรเกียร์ (TROGIR) เมืองประวัติศาสตร์ของโครเอเชีย เมืองโบราณบนเกาะเล็กๆ ซึ่งในอดีตเคยถูกปกครองโดยพวกกรีกและโรมัน แต่ปัจจุบันมีการอนุรักษ์เป็นเมืองเก่า และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997 ป้อมปราการที่สง่างาม โบสถ์อันสวยงาม ยุคโรมาเนสก์ อาคารที่โดดเด่นแบบเรอเนสซองส์และบาโรคจากยุคเวนิเชีย 
  • ้อมคาเมอร์เลนโก้ (Kamerlengo Fortress) ที่สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันยังคงเหลือ กำแพงเมือง ตัวปราสาท และป้อมปราการบางส่วน ถือว่ายังคงความสมบูรณ์แบบและสวยงาม 
  • เดินชม เขตเมืองเก่าของโทรเกียร์ที่มีอดีตถึง 2,300 ปี เป็นเมืองเก่าที่มีคนอาศัยอยู่ตลอดไม่เคยทิ้งร้าง โทรเกียร์ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากทั้งกรีก โรมัน เวนิซ และสถาปัตยกรรมก็มีหลายยุคสมัย ตั้งแต่ผังเมืองที่วางไว้ตั้งแต่ยุคกรีก โบสถ์หลายยุคทั้งโรมันเนส โกธิค เรเนซองค์ บาโรก 

Day 5 : Trogir – Split – Dubrovnik 

  • เดินทางสู่เมือง สปลิต (SPLIT)  เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโครเอเชีย เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์และการคมนาคมของแคว้นดัลเมเชีย นอกจากนี้สปลิตยังเป็นเมืองชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนที่ใหญ่ที่สุดในโครเอเชียที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,700 ปี 
  • ชม พระราชวังดิโอคลิเธียน (Palace of the Emperor Diocletian) พระราชวังนี้สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียนปัจจุบันได้รับความคุ้มครองและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO
  • ชม ศาลาว่าการเมือง ซึ่งเป็นอาคารสไตล์เรอเนสซองส์ สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจัตุรัส นอกจากสถาปัตยกรรมที่งดงามแล้วที่นี่ท่านยังสามารถเลือกเข้าชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยาที่ตั้งขึ้นในปี 1910 ภายในอาคารหลังนี้ ชมอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ต่างๆ สัมผัสบรรยากาศราวกับหยุดเวลาไว้ในอดีตที่แสนไกลของเมืองแห่งนี้ให้จุใจ 
  • ชม พีเพิลสแควร์ (People Square) ศูนย์กลางทางธุรกิจ และการบริหารเมื่อสมัยศตวรรษที่ 15 ให้ท่านชื่นชมสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียง 

Day 6 : Dubrovnik – Montenegro – Kotor 

  • ชม กำแพงเมืองโบราณ กำแพงแห่งนี้สร้างตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 และมีความยาวถึงประมาณ 1,940 เมตร และมีความสูง 25 เมตร ตลอดแนวกำแพงมีหอคอยหลากหลายรูปทรงสลับกันไป กำแพงเมืองแห่งนี้ได้ชื่อว่ามีความมั่นคงและแข็งแกร่งที่สุดในน่านน้ำทะเลอะเดรียติก 
  • เดินลอดประตู Pile Gate ที่มีรูปปั้นของนักบุญ เซนต์เบลส นักบุญประจำเมือง เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองเก่า ชม น้ำพุ Onofrio ซึ่งเป็นตั้งเป็นเกียรติแก่สถาปนิกผู้สร้างน้ำพุแห่งนี้ ชม The Cathedral Treasury หนึ่งในโบสถ์เก่าแก่ที่สะสมโบราณวัตถุของพ่อค้าวาณิชที่ได้ทำการค้าขายกับ ชาวเวนิชในอดีต ชม หอนาฬิกาโบราณ (Bell Tower Clock) ซึ่งมีความพิเศษอยู่ที่สัญลักษณ์ทรงกลมใต้นาฬิกาที่ใช้แทนพระจันทร์เพื่อบอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยโบราณ 
  • ชม พระราชวังเรคเตอร์ (Rector’s Palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นโดยผสมผสานศิลปะทั้งแบบโกธิคเรเนซองส์และบาโรค ซึ่งพระราชวังแห่งนี้เป็นหนึ่งใน 2 พระราชวังที่หลงเหลืออยู่หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 
  • ชม  สปอนซา พาเลส (Sponza Palace) พระราชวังอีกแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาได้ โดยพระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบโกธิค เรเนซองส์ ในสมัยศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่จัดเก็บเอกสารและสำนักงานส่วนราชการ 
  • ชม ถนนสตราดัน ถนนสายหลักยาวกว่า 398 เมตร ที่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยอาคารสไตล์โรมัน โกธิค และร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ มากมาย ให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย หรือเลือกถ่ายภาพกับเมืองที่สวยงามโรแมนติกก่อนกลับเข้าที่พัก 
  • แวะถ่ายภาพจุดชมวิวที่เป็น Signature ของ เมือง Dubrovnik  
  • นำท่านข้ามพรมแดนสู่ ประเทศมอนเตเนโกร (2 ชม) แปลความหมายเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Black Mountain หรือ ภูเขาสีดำ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ปัจจุบันมอนเตเนโกรเป็นประเทศสมาชิกของสหประชาชาติและพยายามร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป ระหว่างทางท่านจะได้ชมเมืองเก่าและธรรมชาติที่สวยงาม 
  • Kotor Bay หรือเรียกว่าแคนยอนใต้ อ่าวนี้จะเว้าเข้ามาจากชายฝั่งทะเลด้านนอกหนึ่งชั้น จากนั้นมีช่องเขาแคบๆเป็นทางน้ำไหลเข้ามายังทะเลสาบเปิด เมือง Kotor ตั้งอยู่ริมด้านตะวันออกของทะเลสาบแห่งนี้ อ่าว Kotor Bay เป็นอ่าวที่มีความงดงามตามธรรมชาติ มีเมืองเก่ากระจายอยู่รอบๆชายฝั่ง 

Day 7 : Kotor – Perast – Budva – Sveti Stefan – Lovcen  

  • ชม Our Lady of the Rocks สร้างขึ้นเมื่อปี 1452 มีเรื่องเล่าว่า มีลูกเรือสองคนกลับจากการเดินทางที่แสนลำบาก ระหว่างทางได้ค้นพบสัญลักษณ์ของพระแม่มารีและพระบุตรที่อยู่บนก้อนหินในอ่าว พวกเขาจึงต้องการจะสร้างโบสถ์ขึ้นตรงนั้น ทั้งสองคนใช้หินก้อนเล็กๆค่อยๆก่อสร้างขึ้นเป็นโบสถ์เล็กๆ และต่อมากลายเป็นธรรมเนียมที่ชาวกะลาสีจะวางก้อนหินลงในน้ำรอบๆโบสถ์ก่อนเดินทางเพื่อเป็นการขอพรอย่างหนึ่ง ประเพณีนี้ยังคงปฏิบัติต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน   
  • เกาะ Sveti Đorđe เป็นหนึ่งในสองเกาะเล็กเกาะน้อยนอกชายฝั่ง Perast ซึ่ง แตกต่างจาก Our Lady of the Rocks เป็นเกาะธรรมชาติ เกาะนี้มีอาราม Saint George Benedictine ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และสุสานเก่าแก่สำหรับขุนนางเก่า  
  • เดินทางสู่เมือง Budva รีสอร์ทริมทะเลแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของ Montenegro แหล่งท่องเที่ยวหลักคือเมืองเก่าของ Budva ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดบนชายฝั่ง Adriatic ภายในเมือง ชมป้อมปราการ และช้อปปิ้งของฝากเล็กๆน้อยๆได้ 
  • ชม Sveti Stefan อดีตเคยเป็นเมืองหลวงแห่ง Paštrovići และเคยเป็นเมืองในอารักขาของเวนิส ในช่วงยุคปี คศ. 1500 ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น โรงแรม 5 ดาว  
  • ชมหาดกรวดสีชมพูและน้ำทะเลสีฟ้าครามทำให้บริเวณนี้เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนมาเยี่ยมชมตั้งแต่ยุคปี คศ 1930  
  • เดินทางสู่ Lovcern national park พาคุณไปสูดอากาศบริสุทธิ์ บนยอดเขาพร้อมกับถ่ายรูปจากจุดชมวิวสุดเก๋ไม่มีซ้ำใคร 
  • จากนั้นเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงแห่งมอนเตเนโกร “พอดโกริกา” 

Day 8 : Podgorica – Ostrog Monastery – Tara canyon 

  • หลังอาหารเช้า มุ่งหน้าขึ้นเหนือ สู่อุทยานแห่งชาติ Dumitor ระหว่างทางแวะชม Ostrog monastery อารามแห่งนี้ถูกฝังอยู่ในหน้าผาหินขนาดใหญ่ดูแปลกตา ก่อตั้งโดย Vasilije เมืองหลวงของบิชอปแห่งเฮอร์เชโกวีนาในศตวรรษที่ 17 เป็นอารามในนิกายเซอร์เบียออร์โธดอกซ์เซอร์เบีย จากวัดสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของที่ราบ Bjelopavlići  
  • เดินทางต่อสู่  Tara Canyon เกิดจากแม่น้ำทารา มีความยาว 146 กม. แต่สิ่งที่น่าสนใจคือที่นี่เป็นแคนยอนที่ยาวที่สุดในยุโรป และเป็นอันดับสองของโลกรองจากแกรนด์แคนยอน ที่ความยาว 78 กิโลเมตรและลึก 1,300 เมตร และถูกรับรองให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก 
  • พาเดินข้ามสะพาน Tara Bridge เป็นสะพานข้ามแคยอน วัดใจกับความสูงและสายน้ำเบื้องล่าง 
  • คืนนี้พักที่เมือง Žabljak 

Day 9 : Dumitor National Park – Podgorica 

  • ตื่นเช้ามารับอากาศบริสุทธิ์จากเขตป่าเขา ชื่นชมความงามจะวิวทิวทัศน์อันแสนบริสุทธิ์ในเขตอุทยานแห่งชาติ ได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่เมืองหลวงมอนเตเนโกร ระหว่างทางพบกับวิวทิวทัศน์แปลกตาภูผาหินแปลกๆแวะถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย  
  • เดินเล่นชมเมืองหลวงของมอนเตเนโกร แวะช้อปปิ้งซื้อของฝากตามอัธยาศัย 
  • 17.00 น. เดินทางสู่สนามบิน เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ  โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK1088 เวลา 20.35 น. แวะเปลี่ยนเครื่องที่ อิสตัลบูล เวลา 23.15 น. 

Day 10 : Bangkok 

  • ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่  
  • ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ 

วันที่จัด

* อธิบายรูปแบบทริป
  • เหมือนเพื่อนพาเที่ยว
  • กลุ่มขนาดเล็กขนาด 4-6 ท่าน
  • ทีมงานคนไทยขับรถพาเที่ยว
  • ปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้ (เฉพาะกรุ๊ปเหมา)
  • เหมาะสำหรับผู้ชอบความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการเดินทาง
  • สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่นการยกกระเป๋าหรือสั่งอาหารเอง
  • รวม วีซ่า กิจกรรม การเดินทางทุกชนิดตามโปรแกรม
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่ 
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • สินน้ำใจแล้วแต่จะให้ ไม่บังคับ

** สิ่งที่ไม่รวมในค่าทริปคือตั๋วเครื่องบิน และ อาหารกลางวัน/เย็น

  • Classic Trip เหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ลุยมากนัก 
  • ใช้รถ Bus ท้องถิ่น คันใหญ่ สะอาด นั่งสบาย (คนขับเป็นคนท้องถิ่น)
  • รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
  • รวม ดำเนินการเรื่องวีซ่า
  • รวม ค่ากิจกรรมและการเดินทางทุกชนิด
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่
  • รวม อาหารครบทุกมื้อ
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • รวม ทิปไกด์

ไปไหนมาดอทคอม • 089-4789334 • 02-045-3445 • Line : @painaima.com • painaima@gmail.com • ติดต่อเรา

ไปไหนมาดอทคอม • ติดต่อเรา

error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม