☀️โคลมาร์ “Little Venice” – สัมผัสเสน่ห์ของ “เวนิสน้อย” ในฝรั่งเศส ด้วยคลองเล็กๆ ที่ตัดผ่านบ้านเรือนครึ่งไม้สีสันสดใสสไตล์อัลซาเชียน สร้างภาพที่งดงามราวกับภาพวาด
☀️มหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก – ตื่นตาตื่นใจกับมหาวิหารโกธิคที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพู โดดเด่นด้วยยอดแหลมสูง 142 เมตร และนาฬิกาดาราศาสตร์อายุกว่า 300 ปี
☀️ปราสาทไฮเดลเบิร์ก – ชมปราสาทหินทรายสีแดงที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองไฮเดลเบิร์ก พร้อมชมถังไวน์ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จุไวน์ได้ถึง 220,000 ลิตร
☀️Plönlein ในโรเธนบวร์ก – ถ่ายรูปกับมุมถนนที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโรเธนบวร์ก ที่มีบ้านครึ่งไม้สีเหลืองตั้งอยู่ตรงทางแยก ฉากหลังเป็นหอคอยประตูเมืองโบราณ ภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย
☀️ตลาดคริสต์มาสนูเรมเบิร์ก – สัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสในตลาดที่มีประวัติย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 พร้อมลิ้มลองขนม Lebkuchen และไส้กรอก Nuremberg Bratwurst อันเลื่องชื่อ (เฉพาะช่วงเทศกาล)
☀️Rakotzbrücke (สะพานปีศาจ) – ตื่นตากับสะพานโค้งหินที่เมื่อสะท้อนกับผิวน้ำจะเกิดเป็นวงกลมสมบูรณ์ สร้างภาพที่มีเสน่ห์ลึกลับตามชื่อ “สะพานปีศาจ”
☀️พระราชวังสวิงเกอร์ (Zwinger Palace) – สัมผัสความงดงามของพระราชวังบาโรกที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมบาโรกในเยอรมนี เพลิดเพลินกับสวนสวยและพิพิธภัณฑ์ศิลปะภายใน
☀️Green Vault (Grünes Gewölbe) – ชมพิพิธภัณฑ์เครื่องประดับและสมบัติล้ำค่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่รวบรวมงานฝีมือชั้นเลิศกว่า 4,000 ชิ้น จากทั่วยุโรป
☀️Brühl’s Terrace (ระเบียงบรือล์) – เดินเล่นบน “ระเบียงแห่งยุโรป” ริมแม่น้ำเอลเบในเดรสเดน ชมวิวอันงดงามของแม่น้ำและเมือง ที่เคยเป็นสวนสำหรับชนชั้นสูงในอดีต
☀️จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์และหอนาฬิกา Glockenspiel – สัมผัสหัวใจของเมืองมิวนิค ที่มีหอนาฬิกาวิเศษซึ่งมีตุ๊กตาเต้นรำทุกเที่ยงวัน พร้อมชมสถาปัตยกรรมอันงดงามโดยรอบจัตุรัส
✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน
ค่าทริป ไม่รวม
⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment
วันที่ 1: การเดินทางเริ่มต้น
พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ: เจ้าหน้าที่ทัวร์รอต้อนรับและอำนวยความสะดวก เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประตูสู่ยุโรปกลางที่มีภูมิทัศน์สวยงามและเมืองที่มีเสน่ห์มากมาย
เหินฟ้าสู่สวิตเซอร์แลนด์: บินตรงสู่เมืองซูริค เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เวลาพักผ่อนบนเครื่องบิน เตรียมตัวสำหรับการเดินทางอันน่าตื่นเต้น
วันที่ 2: ซูริค-โคลมาร์-สตราสบูร์ก
ถึงเมืองซูริค: เดินทางถึงสนามบินซูริค ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
เดินทางสู่โคลมาร์ (Colmar): นำท่านข้ามพรมแดนสู่ประเทศฝรั่งเศส มุ่งหน้าสู่เมืองโคลมาร์ในแคว้นอัลซาส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
โคลมาร์ “Little Venice”: เพลิดเพลินกับการเดินเล่นในเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “เวนิสน้อย” ด้วยคลองเล็กๆ ที่ตัดผ่านย่านเมืองเก่า บ้านเรือนครึ่งไม้ครึ่งปูนสีสันสดใสสไตล์อัลซาเชียนที่ตั้งเรียงรายริมน้ำ สร้างภาพที่งดงามราวกับภาพวาด โดยเฉพาะย่าน La Petite Venise ที่เรือพายแล่นผ่านคลองท่ามกลางบ้านเรือนแบบดั้งเดิม
สตราสบูร์ก (Strasbourg): เดินทางต่อไปยังเมืองสตราสบูร์ก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองหลวงของแคว้นอัลซาสที่มีเสน่ห์ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมฝรั่งเศสและเยอรมัน
มหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก (Strasbourg Cathedral): ชมมหาวิหารสไตล์โกธิคอันยิ่งใหญ่ที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพู โดดเด่นด้วยยอดแหลมสูง 142 เมตร หนึ่งในมหาวิหารที่สูงที่สุดในยุโรป ภายในประดับด้วยกระจกสีอายุหลายร้อยปีและนาฬิกาดาราศาสตร์ที่มีอายุกว่า 300 ปี
ย่าน La Petite France: เดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ที่สุดของสตราสบูร์ก อดีตย่านของช่างฝีมือและชาวประมง บ้านเรือนครึ่งไม้โบราณที่มีระเบียงดอกไม้สวยงาม
วันที่ 3: ไฮเดลเบิร์ก-โรเธนบวร์ก
ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg): เดินทางสู่เมืองไฮเดลเบิร์กในประเทศเยอรมนี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองมหาวิทยาลัยเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ที่มีเสน่ห์และโรแมนติก
ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle): ชมปราสาทหินทรายสีแดงที่ตั้งอยู่บนเนินเขา หนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมือง ชมถังไวน์ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จุไวน์ได้ถึง 220,000 ลิตร
โบสถ์ Church of the Holy Spirit: ชมโบสถ์สำคัญใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยน้ำพุและคาเฟ่ สร้างในศตวรรษที่ 15 ด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคที่งดงาม
สะพาน Old Bridge: ชมสะพานหินเก่าแก่ที่ทอดข้ามแม่น้ำเนคคาร์ จุดชมวิวที่สวยงามของปราสาทและแม่น้ำ
โรเธนบวร์ก ออบ เดอร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber): เดินทางต่อสู่เมืองโรเธนบวร์ก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมนีและยุโรป ที่ยังคงกำแพงเมืองโบราณอายุกว่า 700 ปีไว้อย่างสมบูรณ์
Market Square: เดินเล่นในจัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยอาคารสีสันสดใสและหอนาฬิกาศาลาว่าการเมือง
Plönlein: ถ่ายรูปกับมุมถนนที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ที่มีบ้านครึ่งไม้สีเหลืองตั้งอยู่ตรงทางแยก ฉากหลังเป็นหอคอยประตูเมืองโบราณ ภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย
วันที่ 4: นูเรมเบิร์ก
นูเรมเบิร์ก (Nuremberg): เดินทางสู่เมืองนูเรมเบิร์ก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองประวัติศาสตร์ในแคว้นบาวาเรีย ที่มีกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบ
ปราสาทนูเรมเบิร์ก (Nuremberg Castle): ชมปราสาทเก่าแก่บนเนินเขาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มองเห็นวิวพาโนรามาของเมืองเก่า ประกอบด้วยป้อมปราการและอาคารหลายส่วนที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคกลาง
ย่านเมืองเก่า: เดินเล่นในเขตเมืองเก่าที่ได้รับการบูรณะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชมบ้านเรือนครึ่งไม้แบบดั้งเดิม ร้านค้า และโบสถ์เก่าแก่
โบสถ์ St. Lorenz: ชมโบสถ์โกธิคขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งภายในอย่างวิจิตรงดงาม โดยเฉพาะไม้แกะสลักและกระจกสี
ตลาดคริสต์มาสนูเรมเบิร์ก (เฉพาะช่วงเทศกาล): สัมผัสบรรยากาศตลาดคริสต์มาสเก่าแก่ที่มีประวัติย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 หนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก พร้อมลิ้มลองขนมLebkuchen (ขนมขิงแบบนูเรมเบิร์ก) และไส้กรอก Nuremberg Bratwurst อันเลื่องชื่อ
วันที่ 5: เดรสเดน
เดรสเดน (Dresden): เดินทางสู่เมืองเดรสเดน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองหลวงของรัฐแซกโซนี่ ที่ได้รับฉายาว่า “ฟลอเรนซ์แห่งลุ่มแม่น้ำเอลเบ” ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมบาโรกและศิลปะสะสม
Dresden Elbe Valley: ชมทัศนียภาพอันงดงามของหุบเขาแม่น้ำเอลเบที่เคยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้วยภูมิทัศน์ที่ผสมผสานระหว่างเมืองประวัติศาสตร์ พระราชวัง สวน และทุ่งหญ้าริมฝั่งแม่น้ำ
โรงละครโอเปร่า Semperoper: ผ่านชมโรงละครโอเปร่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก สร้างในสไตล์เรอเนสซองส์ที่งดงาม เป็นที่จัดแสดงดนตรีคลาสสิกและโอเปร่าของศิลปินชั้นนำ
The Dresden Castle (Residenzschloss): ชมปราสาทเก่าแก่ที่เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งแซกโซนี่ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่า
ริมแม่น้ำเอลเบ: เดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำเอลเบที่มีวิวสวยงามของเมืองเก่าและสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ
วันที่ 6: เดรสเดนและสถานที่ใกล้เคียง
Green Vault (Grünes Gewölbe): ชมพิพิธภัณฑ์เครื่องประดับและสมบัติล้ำค่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ภายในปราสาทเดรสเดน เป็นที่เก็บสะสมของล้ำค่ากว่า 4,000 ชิ้น รวมถึงอัญมณี ทองคำ และงานฝีมือชั้นเลิศจากยุคต่างๆ
พระราชวังสวิงเกอร์ (Zwinger Palace): ชมพระราชวังบาโรกที่งดงาม สร้างในศตวรรษที่ 18 เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมบาโรกในเยอรมนี ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สำคัญหลายแห่ง
Rakotzbrücke (Devil’s Bridge): เยี่ยมชมสะพานโค้งหินที่มีชื่อเสียง อยู่ในสวน Kromlauer Park ห่างจากเดรสเดนประมาณ 2 ชั่วโมง สะพานนี้มีความพิเศษคือเมื่อสะท้อนกับผิวน้ำจะเกิดเป็นวงกลมสมบูรณ์ จึงได้ชื่อว่า “สะพานปีศาจ” ตามตำนานโบราณ
โบสถ์ Frauenkirche: ชมโบสถ์สัญลักษณ์แห่งเมืองเดรสเดนที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่หลังถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดดเด่นด้วยโดมใหญ่และหินทรายสีอ่อน เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูและความหวัง
Brühl’s Terrace (ระเบียงบรือล์): เดินเล่นบนระเบียงริมแม่น้ำเอลเบที่ได้รับฉายาว่า “ระเบียงแห่งยุโรป” ด้วยวิวอันงดงามของแม่น้ำและเมือง เคยเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองโบราณ ก่อนถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับชนชั้นสูง ปัจจุบันเป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
วันที่ 7: มิวนิค
เดินทางสู่มิวนิค (Munich): ออกเดินทางจากเดรสเดนสู่มิวนิค (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง) เมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย เมืองที่ผสมผสานความทันสมัยและประเพณีดั้งเดิมได้อย่างลงตัว
จตุรัสมาเรียนพลัทซ์ (Marienplatz): ชมหัวใจของเมืองมิวนิคที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ชมหอนาฬิกา Glockenspiel ที่มีตุ๊กตาเต้นรำทุกเที่ยงวัน โดยรอบจัตุรัสมีอาคารสำคัญมากมาย เช่น ศาลาว่าการเมืองเก่าและใหม่
โบสถ์ Frauenkirche (มหาวิหารพระแม่มารี): ชมมหาวิหารสัญลักษณ์ของมิวนิคที่มียอดโดมรูปหัวหอมคู่ สูง 99 เมตร เป็นสถาปัตยกรรมโกธิคคลาสสิกของเยอรมนี
Viktualienmarkt: เยี่ยมชมตลาดอาหารกลางแจ้งที่มีประวัติกว่า 200 ปี ที่ชาวมิวนิคมาซื้อวัตถุดิบคุณภาพดี ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นและเบียร์บาวาเรียน
อิสระช้อปปิ้ง: เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งบนถนนสายสำคัญอย่าง Neuhauser Strasse และ Kaufingerstrasse ถนนคนเดินที่มีทั้งร้านแบรนด์ดังระดับโลกและร้านค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อของฝากและของที่ระลึก
Day 8: เดินทางกลับ
เช็คเอาท์จากโรงแรม: เก็บสัมภาระและเตรียมตัวเดินทางกลับ
เดินทางสู่สนามบินมิวนิค: เดินทางสู่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อเช็คอินและเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย
อำลายุโรป: เหินฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯ พร้อมความทรงจำอันแสนประทับใจ
Day 9: เดินทางถึงกรุงเทพฯ
เดินทางถึงกรุงเทพฯ: เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมความทรงจำอันประทับใจจากการเดินทางในยุโรป