Categories
America

ทัวร์อลาสก้า

ทัวร์อลาสก้า

เที่ยวชมธรรมชาติเน้นๆ จิบไวน์ ดูหมีที่ขั้วโลก ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าอลาสก้า

จุดเด่นทริป

โปรแกรมเต็ม

DAY 1: Bangkok – Anchorage

  • นัดพบที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประตู …..  Row ……

DAY 2 :Anchorage – Byers Lake – Denali (4 Hrs.)

  • เดินทางต่อโดยสายการบิน Lufthansa Airlines เที่ยวบินที่ LH5428
  • ถึงสนามบิน ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นำท่านเดินทางไปยัง Byers Lake ทะเลสาบขนาดเล็กใน Denali State Park เป็นทะเลสาบของคนที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งเนื่องจากมีการปีนเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ พายเรือแคนูพาย เรือคายัคและตั้งแคมป์ตลอดทั้งปี ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมในช่วงฤดูหนาว เช่นการตกปลาน้ำแข็ง การเดินหิมะสกีนอร์ดิกและสโนว์โมบิลซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมอีกด้วย
  • Denali ขับรถไป Denali National Park เพื่อไปดูภูเขา Denali ภูเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ มีสัตว์ป่า หมี ธรรมชาติอลังการ
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมืองใกล้ Denali

DAY 3 :Denali – Wonder Lake

  • Denali National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากเพื่อมาดูแสงเหนือ นอกจากนั้นยังมีธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงเอกลักษณ์ของสัตว์ป่าที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะหมี ที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ หมีขั้วโลก Polar Bear หมีน้ำตาล Grizzly Bears และหมีดำ Black Bear
  • Wonder Lake สร้างจากธารน้ำแข็งโดยมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ Denali และเทือกเขา Alaska
  • คืนนี้เราจะพักกันที่เมืองใกล้ Denali

Day 4 :  Denali – Fairbanks (2.5 Hrs.) – ชมกวางเรนเดียร์ที่ Running Reindeer Ranch – ชมสัตว์ท้องถิ่น Large Animal Research Station – Chena Hot Springs  

  • เมือง Fairbanks เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในรัฐอลาสกา สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่เมืองนี้มากที่สุดเห็นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากสิ่งที่เรียกว่าปรากฏการณ์แสงเหนือออโรรา (Northern Light Aurora) เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่สามารถรับชมปรากฏการณ์นี้ได้สวยที่สุดในโลก
  • Running Reindeer Ranch เดินเท้าเข้าไปหนึ่งชั่วโมงเพื่อเยี่ยมชมกวางเรนเดียร์ที่จะมีให้เห็นระหว่างถ่าย นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปคูากับกวางได้
  • Large Animal Research Station แวะชมสัตว์ท้องถิ่นสถานีวิจัยสัตว์ใหญ่ของ UAF เป็นที่ตั้งของฝูงวิจัย Muskoxen เพียงแห่งเดียวในโลก รวมถึงการชมกวางเรนเดียร์และโค
  • Chena Hot Spring รีสอร์ท hot springs บ่อน้ำพุร้อนที่สามารถรักษาอาจเจ็บป่วยและโรคผิวหนังได้ เช่น โรคสะเก็ดเงินปวดกล้ามเนื้อและโรคไขข้อ
  • คืนนี้เราจะพักกันที่ Fairbanks

Day 5 :Fairbanks – Santa Claus House – Summit Lake – Paxson Mountain – Simpson Hill – Horsetail Falls – Valdez (6.5 Hrs.)

  • Santa Claus House แวะเยี่ยมชมหมู่บ้านซานต้า ครอส เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
  • Summit Lake เป็นทะเลสาบวงกลมขนาดเล็กหรือผิวสีแทนซึ่งมีความลึกถึง 20 ฟุต วงกลมนี้เป็นจุดเริ่มต้นของธารน้ำแข็งอัลไพน์ที่หายไปนาน เป็นที่นิยมในช่วงฤดูร้อนซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงาม Paragliders
  • แวะเยี่ยมชม Paxson Mountain
  • Simpson Hill
  • Horsetail Falls น้ำตกขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากในเมือง

Day 6 : Columbia Glacier – Valdez

  • Columbia Glacier ธารน้ำแข็งโคลัมเบียไหลลงมาจากพื้นน้ำแข็ง 10,000 ฟุต (3,050 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเลลงไปตามไหล่เขาของภูเขาชูกาคและเข้าสู่ทางเข้าแคบๆ เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก
  • แวะเยี่ยมชมเมือง Valdez

Day 7 :Valdez – แวะชม Matanuska Glacier-Anchorage (5.5 Hrs.)

  • Matanuska Glacier เป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในอลาสกา
  • Anchorage

DAY 8 : Anchorage – Girdwood-Seward (2.5 Hrs.) – Alaska Wildlife Conservation Center

  • Girdwood-Seward
  • Alaska Wildlife Conservation Center

DAY 9 : Seward-ซื้อทัวร์ Kenai Fjords National Park

  • Seward  
  • Kendai Fjords National Park

DAY 10 : Seward – Exit Glacier-Anchorage (2.5 Hrs.)

  • Exit Glacier

DAY 11 : Anchorage – Frankfurt

  • เดินทางไปยังสนามบิน เพื่อกลับกรุงเทพ โดยสายการบิน Lufthansa Airlines เที่ยวบินที่ LH5429 (13.55-09.50) แวะเปลี่ยนเครื่องที่ Frankfurt

DAY 12 : Frankfurt – Bangkok 

  • ถึง Frankfurt  รอต่อเครื่องกลับกรุงเทพ  โดยสายการบิน Lufthansa Airlines เที่ยวบินที่ LH772 เวลา 22.00 น.
  • เดินทางถึงกรุงเทพ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

DAY 13 : Bangkok 

  • เดินทางถึงกรุงเทพ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ

***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***

วันที่จัด

* อธิบายรูปแบบทริป
  • เหมือนเพื่อนพาเที่ยว
  • กลุ่มขนาดเล็กขนาด 4-6 ท่าน
  • ทีมงานคนไทยขับรถพาเที่ยว
  • ปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้ (เฉพาะกรุ๊ปเหมา)
  • เหมาะสำหรับผู้ชอบความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการเดินทาง
  • สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่นการยกกระเป๋าหรือสั่งอาหารเอง
  • รวม วีซ่า กิจกรรม การเดินทางทุกชนิดตามโปรแกรม
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่ 
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • สินน้ำใจแล้วแต่จะให้ ไม่บังคับ

** สิ่งที่ไม่รวมในค่าทริปคือตั๋วเครื่องบิน และ อาหารกลางวัน/เย็น

  • Classic Trip เหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ลุยมากนัก 
  • ใช้รถ Bus ท้องถิ่น คันใหญ่ สะอาด นั่งสบาย (คนขับเป็นคนท้องถิ่น)
  • รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
  • รวม ดำเนินการเรื่องวีซ่า
  • รวม ค่ากิจกรรมและการเดินทางทุกชนิด
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่
  • รวม อาหารครบทุกมื้อ
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • รวม ทิปไกด์

ไปไหนมาดอทคอม • 089-4789334 • 02-045-3445 • Line : @painaima.com • painaima@gmail.com • ติดต่อเรา

ไปไหนมาดอทคอม • ติดต่อเรา

Categories
America

ทัวร์อเมริกา ยูท่าห์ เยลโล่สโตน

ทัวร์อเมริกา ยูท่าห์ เยลโล่สโตน

รวมอุทยานแห่งชาติ 6 แห่งชาติ จบครบในทริปเดียว สำหรับผู้โหยหาธรรมชาติอย่างเรา

จุดเด่นทริป

โปรแกรมเต็ม

DAY 1: Bangkok – Las Vegas

  •  เดินทางถึงลอสแองเจลลิส จากนั้นเดินทางไปยังเมือง ลาสเวกัส

DAY 2 : Las Vegas – Grand Canyon

  • เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน (Grand Canyon National Park) ของมลรัฐแอริโซนา ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของมลรัฐแอริโซนา
  • เดินทางเข้าสู่ที่พัก Grand Canyon

DAY 3 :Grand canyon – Hourshoe bend – Lake powell – Page 

  • เดินทางไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอน สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตระการตากับการชมหุบเขาขนาดใหญ่ที่มีความสูงและลึก อันเกิดจากชั้นหินสูงและแม่น้ำโคโลราโด (Colorado River) ที่ไหลผ่านที่ราบสูงอย่างสม่ำเสมอ จึงเกิดการสึกกร่อน และพังทลายของหินเป็นเวลากว่า 225 ล้านปีมาแล้ว
  • เดินทางไปเที่ยวชม Horseshoe Bend ซึ่งเป็นจุดโค้งของแม่น้ำ Colorado ที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยสถานที่แห่งนี้ เกิดขึ้นจากการกัดเซาะทำให้มีรูปร่างคล้ายเกือกม้า
  • Lake Powell เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง โดยสาเหตุของการเกิดแหล่งน้ำแห่งนี้  เนื่องจากการสร้างเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่ คือ เขื่อนกันน้ำ Colorado
  • เข้าสู่ที่พักที่เมือง Page ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ใน Arizona ที่มีความพิเศษอย่างมาก  เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างหลากหลาย จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ ซึ่งต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง
  • พักที่ Page

Day 4 : Upper Antelope – Lower Antelope – Page
 

  • เดินทางไปชม Upper Antelope Canyon หุบเขาที่น่าพิศวงและอันตรายที่สุด การจะเข้าไปชมนั้นต้องติดต่อขอนุญาตจากทางอุทยาน Navajo เท่านั้น โดยจะมีไกด์ ซึ่งเป็นชาว Navajo เป็นผู้นำทาง Navajo Sandstone จะเกิดภาพสะท้อนที่สวยงามแปลกตาที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละฤดูกาล เนื่องจากการหักเหของแสงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลต่างๆ เช่น ฤดูร้อน แสงอาทิตย์จะเจิดจ้าเป็นพิเศษ จึงทำให้แสงเป็นโทนสีส้ม สีแดง ส่วนฤดูใบไม้ร่วง แสงอาทิตย์จะอ่อนลง

  • Lower Antelope Canyon เพราะเป็นลักษณะของหุบเขาหินทรายสีแดง อันเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติที่ผ่านมาอย่างยาวนาน โดยมีการกัดเซาะของน้ำ ลม และแสงแดด จึงทำให้พื้นที่แห่งนี้เกิดเป็นร่องหินต่างๆ ที่มากด้วยสีสัน
  • พักที่ Page

Day 5 : Monument Valley – Moab  

  • เดินทางไปยัง Monument valley  เป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยซากหินรูปร่างลักษณะแปลกตา ก่อตัวขึ้นเป็นรูปทรงต่างๆราวกับมนุษย์สร้าง เช่น หินรูปทรงปราสาท เป็นหินที่มีลักษณะยอดราบ และอื่นๆอีกหลายรูปแบบ  โดยหุบเขาของหินประหลาดแห่งนี้ จะถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาหินทรายสีแดงที่มีอายุมากกว่า 50 ล้านปี

  • นำท่านเดินทางไปยังเมือง Moab ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆของรัฐยูท่าห์ แต่โดดเด่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวแนว Adventure จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย
  • พักที่ Moab

Day 6 : Canyonlands – Moab

  • ชม Canyonlands อุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ ความโดดเด่นของอุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัส มากไปด้วยสีสันที่เกิดจากการกัดเซาะของหิน ในหุบเขา Mesas และ Buttes โดยแม่น้ำ Colorado และ แม่น้ำ Green เอกลักษณ์ที่สำคัญของอุทยาน โดยเชื่อว่า ซุ้มหินโค้งเว้าเหล่านี้ ปรากฎอยู่เป็นระยะเวลานานมากกว่าล้านปีมาแล้ว

  • พักที่ Moab

Day 7 : Arches National Park – Moab

  • นำท่านไปยังอุทยานแห่งชาติ Arches National Park เป็นอุทยานที่มีความโดดเด่นและพิเศษอย่างมาก เพราะมากไปด้วยหินโค้งกว่า 200 แห่ง โดยเฉพาะ  Land Scape เป็นสะพานหินโค้งที่ยาวที่สุด มีความสูงเหนือแองหินขนาดใหญ่ เปรียบได้กับความสูงเท่าตึก 7 ชั้น จึงกลายเป็นจุดเด่นที่สุดในอุทยานแห่งนี้
  • Park Avenue ซึ่งเป็นชื่อของหน้าผา ที่เด่นระฟ้า ตลอดจนความน่าอัศจรรย์ใจของแท่งหินที่เรียกว่า  Three Gossips มีลักษณะเป็นรูปคล้ายกับคนสามคนยืนเรียงรายกันอยู่ , Balanced Rock เป็นต้น

  • สถานที่ที่เรียกว่า Windows Section สัมผัสกับซุ้มหินโค้ง North Window และ South Window  ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับหน้าต่างบานใหญ่ๆ มองออกไปเห็นภาพทิวทัศน์จนสุดลูกหูลูกตา
  • Devil’s Garden เป็นสถานที่อันพิศวงและน่าค้นหา จนไม่อาจละสายตาได้เพราะคล้ายคลึงกับดินแดนในเทพนิยาย  เมื่อเดินเข้าไปประมาณ 1.5 กม. จะพบกับซุ้มหินโค้งที่มีขนาดความยาวมากกว่า 18 เมตร ได้แก่  Delicate Arch กับ Landscape Arch  ซึ่งเป็นซุ้มหินโค้งที่มีความยาวมากที่สุดในโลกอีกหนึ่งแห่งและมีชื่อเสียงโด่งดัง
  • พักที่ Moab

DAY 8 : Moab – Bryce Canyon National Park

  • มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติ ไบรซ์ แคนยอน (Bryce Canyon Nation Park) สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในไบรซ์แคนยอน คือ แท่งหินยอดแหลม หรือเรียกกันว่า ฮูดู (Hoodoos) เรียงรายกันเป็นแนวยาว สูงตระหง่านเสียดฟ้า ดูสวยแปลกตา เพราะมีรูปทรงที่แปลกประหลาดแต่น่าชวนมอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แท่งหินยอดแหลม กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของไบรซ์แคนยอน

  • พักที่ ใกล้กับ  Bryce Canyon

DAY 9 : Bryce Canyon – Zion National Park – Las Vegas

  • เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติ Zion National Park  แหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจนักเดินทาง ที่ชื่นชอบธรรมชาติ เดินป่า การผจญภัย และปีนเขาให้มาสัมผัสธรรมชาติและความท้าทาย โดยสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ในบริเวณนี้ มากไปด้วยทะเลทรายอันกว้างใหญ่

  • เดินทางกลับสู่เมทือง Las vegas คืนนี้พักที่ Las vegas

DAY 10 : Las Vegas – Idaho falls – Teton

  • เช้า อิสระตามอัธยาศัย ช่วงบ่ายเตรียมกลับไทย 
  • เดินทางไปยังเมือง Idaho Falls โดยสายการบินภายในประเทศ แวะเปลี่ยนเครื่องที่ Salt Lake City 

  • เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติแกรนด์ทีทอน (Grand Teton National Park) สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติกันอย่างจุใจ อีกทั้งอุทยานแห่งชาติไวโอมิง ยังถือเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง
  • พักที่ teton

DAY 11 : Teton – Yellowstone

  • ชมภูเขาแกรนด์ทีทอน (Grand Teton Mountain) เป็นอุทยานที่ยังคงความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว สภาพผืนป่าเป็นทะเลสาบ สลับกับทุ่งหญ้ากว้าง มีทัศนียภาพของภูเขาที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ที่โดดเด่นอย่างมากคือกวางมูส ซึ่งเป็นกวางขนาดใหญ่และยังมีชีวิตอยู่ในอุทยานแห่งนี้ ตลอดจนสัตว์ป่าสายพันธุ์อื่นๆ เช่น สิงโตภูเขา นกอินทรีหัวล้าน วัวกระทิง เป็นต้น
  • เดินทางสู่อุทยานแห่งแรกของโลก อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone Plateau)
  • คืนนี้พักที่ Yellow Stone

DAY 12 : Yellowstone National Park

  • อุทยานแห่งแรกของอเมริกา อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน (Yellowstone Plateau) อุทยานแห่งนี้มีความโดดเด่นอย่างมาก เพราะเป็นสถานที่ตั้งของทะเลสาบเยลโลวสโตน หนึ่งในทะเลสาบที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และสูงที่สุดในทวิปอเมริกาเหนืออีกด้วย
  • นำคณะชม แมมมอธ ฮอตสปริง (Mammoth Hot Springs) สัมผัสกับทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของบ่อน้ำพุร้อนอายุนับพันปีที่สลับซับซ้อนบนเนินเขา
  • นำท่านชม บ่อน้ำพุร้อนนอริส (Norris Gerser Basin) เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุดในอุทยานและยังมีอุณหภูมิที่สูงที่สุดอีกด้วย
  • นำชม แกรนด์แคนยอนแห่งเยลโลสโตน (Grand Canyon of Yellowstone) ซึ่งเป็นหุบเหวที่เกิดขึ้นจากเหตุภูเขาไฟระเบิดทำให้เกิดการแยกตัวของพื้นโลก ตลอดจนการเคลื่อนตัวของน้ำแข็งในยุคที่น้ำแข็งละลาย จึงกลายมาเป็นหุบเหวเช่นในปัจจุบัน 

  • คืนนี้พักที่ Yellow Stone

DAY 13 : Yellowstone – Idaho falls – San Francisco

  • เดินทางกลับเมือง Idaho Falls (ประมาณ 2 ชม.) เพื่อเดินทางไปยังสนามบิน จุดหมายปลายทางสู่ ซานฟรานซิสโก
  • เดินทางชม Golden Gate Bridge เป็นสะพานที่มีความโดดเด่นและสวยงามไปด้วยทัศนียภาพ เป็นสะพานที่เชื่อมไปยัง Marin Country โดยมีอายุการสร้างมากว่า 65 ปี มีกิจกรรมที่ทำให้ผู้มาเยือนได้ผ่อนคลาย คือ การปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นชมบรรยากาศเพลินๆ

  • ชมฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ (Fisherman’s Wharf) ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือของชาวประมงที่มีความสำคัญอีกหนึ่งแห่งทางด้านประวัติศาสตร์ โดยท่าเทียบเรือแห่งนี้เป็นตลาดขายส่งปลา และถูกพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
  • คืนนี้พักที่เมือง ซานฟรานซิสโก

DAY 14 : San Francisco

  •  เชคอินสายการบิน EVA Air (แวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเป)
  • เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***

DAY 1: Bangkok – Las Vegas

  •  เดินทางถึงลอสแองเจลลิส จากนั้นเดินทางไปยังเมือง ลาสเวกัส

DAY 2 : Las Vegas – Grand Canyon

  • เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน (Grand Canyon National Park) ของมลรัฐแอริโซนา ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของมลรัฐแอริโซนา
  • เดินทางเข้าสู่ที่พัก Grand Canyon

DAY 3 :Grand canyon – Hourshoe bend – Lake powell – Page 

  • เดินทางไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอน สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตระการตากับการชมหุบเขาขนาดใหญ่ที่มีความสูงและลึก อันเกิดจากชั้นหินสูงและแม่น้ำโคโลราโด (Colorado River) ที่ไหลผ่านที่ราบสูงอย่างสม่ำเสมอ จึงเกิดการสึกกร่อน และพังทลายของหินเป็นเวลากว่า 225 ล้านปีมาแล้ว
  • เดินทางไปเที่ยวชม Horseshoe Bend ซึ่งเป็นจุดโค้งของแม่น้ำ Colorado ที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยสถานที่แห่งนี้ เกิดขึ้นจากการกัดเซาะทำให้มีรูปร่างคล้ายเกือกม้า
  • Lake Powell เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง โดยสาเหตุของการเกิดแหล่งน้ำแห่งนี้  เนื่องจากการสร้างเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่ คือ เขื่อนกันน้ำ Colorado
  • เข้าสู่ที่พักที่เมือง Page ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ใน Arizona ที่มีความพิเศษอย่างมาก  เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างหลากหลาย จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ ซึ่งต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง
  • พักที่ Page

Day 4 : Upper Antelope – Lower Antelope – Page
 

  • เดินทางไปชม Upper Antelope Canyon หุบเขาที่น่าพิศวงและอันตรายที่สุด การจะเข้าไปชมนั้นต้องติดต่อขอนุญาตจากทางอุทยาน Navajo เท่านั้น โดยจะมีไกด์ ซึ่งเป็นชาว Navajo เป็นผู้นำทาง Navajo Sandstone จะเกิดภาพสะท้อนที่สวยงามแปลกตาที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละฤดูกาล เนื่องจากการหักเหของแสงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลต่างๆ เช่น ฤดูร้อน แสงอาทิตย์จะเจิดจ้าเป็นพิเศษ จึงทำให้แสงเป็นโทนสีส้ม สีแดง ส่วนฤดูใบไม้ร่วง แสงอาทิตย์จะอ่อนลง

  • Lower Antelope Canyon เพราะเป็นลักษณะของหุบเขาหินทรายสีแดง อันเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติที่ผ่านมาอย่างยาวนาน โดยมีการกัดเซาะของน้ำ ลม และแสงแดด จึงทำให้พื้นที่แห่งนี้เกิดเป็นร่องหินต่างๆ ที่มากด้วยสีสัน
  • พักที่ Page

Day 5 : Monument Valley – Moab  

  • เดินทางไปยัง Monument valley  เป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยซากหินรูปร่างลักษณะแปลกตา ก่อตัวขึ้นเป็นรูปทรงต่างๆราวกับมนุษย์สร้าง เช่น หินรูปทรงปราสาท เป็นหินที่มีลักษณะยอดราบ และอื่นๆอีกหลายรูปแบบ  โดยหุบเขาของหินประหลาดแห่งนี้ จะถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาหินทรายสีแดงที่มีอายุมากกว่า 50 ล้านปี

  • นำท่านเดินทางไปยังเมือง Moab ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆของรัฐยูท่าห์ แต่โดดเด่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวแนว Adventure จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย
  • พักที่ Moab

Day 6 : Canyonlands – Moab

  • ชม Canyonlands อุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ ความโดดเด่นของอุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัส มากไปด้วยสีสันที่เกิดจากการกัดเซาะของหิน ในหุบเขา Mesas และ Buttes โดยแม่น้ำ Colorado และ แม่น้ำ Green เอกลักษณ์ที่สำคัญของอุทยาน โดยเชื่อว่า ซุ้มหินโค้งเว้าเหล่านี้ ปรากฎอยู่เป็นระยะเวลานานมากกว่าล้านปีมาแล้ว

  • พักที่ Moab

Day 7 : Arches National Park – Moab

  • นำท่านไปยังอุทยานแห่งชาติ Arches National Park เป็นอุทยานที่มีความโดดเด่นและพิเศษอย่างมาก เพราะมากไปด้วยหินโค้งกว่า 200 แห่ง โดยเฉพาะ  Land Scape เป็นสะพานหินโค้งที่ยาวที่สุด มีความสูงเหนือแองหินขนาดใหญ่ เปรียบได้กับความสูงเท่าตึก 7 ชั้น จึงกลายเป็นจุดเด่นที่สุดในอุทยานแห่งนี้
  • Park Avenue ซึ่งเป็นชื่อของหน้าผา ที่เด่นระฟ้า ตลอดจนความน่าอัศจรรย์ใจของแท่งหินที่เรียกว่า  Three Gossips มีลักษณะเป็นรูปคล้ายกับคนสามคนยืนเรียงรายกันอยู่ , Balanced Rock เป็นต้น

  • สถานที่ที่เรียกว่า Windows Section สัมผัสกับซุ้มหินโค้ง North Window และ South Window  ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับหน้าต่างบานใหญ่ๆ มองออกไปเห็นภาพทิวทัศน์จนสุดลูกหูลูกตา
  • Devil’s Garden เป็นสถานที่อันพิศวงและน่าค้นหา จนไม่อาจละสายตาได้เพราะคล้ายคลึงกับดินแดนในเทพนิยาย  เมื่อเดินเข้าไปประมาณ 1.5 กม. จะพบกับซุ้มหินโค้งที่มีขนาดความยาวมากกว่า 18 เมตร ได้แก่  Delicate Arch กับ Landscape Arch  ซึ่งเป็นซุ้มหินโค้งที่มีความยาวมากที่สุดในโลกอีกหนึ่งแห่งและมีชื่อเสียงโด่งดัง
  • พักที่ Moab

DAY 8 : Moab – Bryce Canyon National Park

  • มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติ ไบรซ์ แคนยอน (Bryce Canyon Nation Park) สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในไบรซ์แคนยอน คือ แท่งหินยอดแหลม หรือเรียกกันว่า ฮูดู (Hoodoos) เรียงรายกันเป็นแนวยาว สูงตระหง่านเสียดฟ้า ดูสวยแปลกตา เพราะมีรูปทรงที่แปลกประหลาดแต่น่าชวนมอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แท่งหินยอดแหลม กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของไบรซ์แคนยอน

  • พักที่ ใกล้กับ  Bryce Canyon

DAY 9 : Bryce Canyon – Zion National Park – Las Vegas

  • เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติ Zion National Park  แหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจนักเดินทาง ที่ชื่นชอบธรรมชาติ เดินป่า การผจญภัย และปีนเขาให้มาสัมผัสธรรมชาติและความท้าทาย โดยสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ในบริเวณนี้ มากไปด้วยทะเลทรายอันกว้างใหญ่

  • เดินทางกลับสู่เมทือง Las vegas คืนนี้พักที่ Las vegas

DAY 10 : Las Vegas – Idaho falls – Teton

  • เช้า อิสระตามอัธยาศัย ช่วงบ่ายเตรียมกลับไทย 
  • เดินทางไปยังเมือง Idaho Falls โดยสายการบินภายในประเทศ แวะเปลี่ยนเครื่องที่ Salt Lake City 

  • เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติแกรนด์ทีทอน (Grand Teton National Park) สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติกันอย่างจุใจ อีกทั้งอุทยานแห่งชาติไวโอมิง ยังถือเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง
  • พักที่ teton

DAY 11 : Teton – Yellowstone

  • ชมภูเขาแกรนด์ทีทอน (Grand Teton Mountain) เป็นอุทยานที่ยังคงความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว สภาพผืนป่าเป็นทะเลสาบ สลับกับทุ่งหญ้ากว้าง มีทัศนียภาพของภูเขาที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ที่โดดเด่นอย่างมากคือกวางมูส ซึ่งเป็นกวางขนาดใหญ่และยังมีชีวิตอยู่ในอุทยานแห่งนี้ ตลอดจนสัตว์ป่าสายพันธุ์อื่นๆ เช่น สิงโตภูเขา นกอินทรีหัวล้าน วัวกระทิง เป็นต้น
  • เดินทางสู่อุทยานแห่งแรกของโลก อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone Plateau)
  • คืนนี้พักที่ Yellow Stone

DAY 12 : Yellowstone National Park

  • อุทยานแห่งแรกของอเมริกา อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน (Yellowstone Plateau) อุทยานแห่งนี้มีความโดดเด่นอย่างมาก เพราะเป็นสถานที่ตั้งของทะเลสาบเยลโลวสโตน หนึ่งในทะเลสาบที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และสูงที่สุดในทวิปอเมริกาเหนืออีกด้วย
  • นำคณะชม แมมมอธ ฮอตสปริง (Mammoth Hot Springs) สัมผัสกับทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของบ่อน้ำพุร้อนอายุนับพันปีที่สลับซับซ้อนบนเนินเขา
  • นำท่านชม บ่อน้ำพุร้อนนอริส (Norris Gerser Basin) เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุดในอุทยานและยังมีอุณหภูมิที่สูงที่สุดอีกด้วย
  • นำชม แกรนด์แคนยอนแห่งเยลโลสโตน (Grand Canyon of Yellowstone) ซึ่งเป็นหุบเหวที่เกิดขึ้นจากเหตุภูเขาไฟระเบิดทำให้เกิดการแยกตัวของพื้นโลก ตลอดจนการเคลื่อนตัวของน้ำแข็งในยุคที่น้ำแข็งละลาย จึงกลายมาเป็นหุบเหวเช่นในปัจจุบัน 

  • คืนนี้พักที่ Yellow Stone

DAY 13 : Yellowstone – Idaho falls – San Francisco

  • เดินทางกลับเมือง Idaho Falls (ประมาณ 2 ชม.) เพื่อเดินทางไปยังสนามบิน จุดหมายปลายทางสู่ ซานฟรานซิสโก โดยสายการบินภายในประเทศ โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Salt Lake City
  • เมืองซานฟรานซิสโก (c) ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่มากไปด้วยสถานท่องเที่ยวอย่างหลากหลายและคราคร่ำไปด้วยผู้คน

DAY 14 : San Francisco – Yosemite

  • เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี้ (Yosemite National Park) ในอดีตหุบเขาแห่งนี้ถูกน้ำแข็งตัดผ่าน จนมีกว้างของหุบเขา 1.6 กิโลเมตร มีความโดดเด่นไปด้วยภูเขาหินขนาดใหญ่สองลูกที่ตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ นั่นคือ ฮาล์ฟโดม(Half Dome) และ แอลแคปปิตอล (EI Capital)

DAY 15 : Yosemite

  • ชมทะเลสาบโมโน (Mono Lake) หรือ An Alien Landscape เป็นทะเลสาบที่มีทัศนียภาพที่น่าสนใจ เพราะบนผืนน้ำจะสลับไปด้วยโขดหินแหลมรูปทรงแปลกตา แต่ทะเลสาบแห่งนี้ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มากไปด้วยการปนเปื้อนของสารหนู

DAY 16 : Yosemite – San Francisco

  • นำท่านเดินทางกลับเมือง San Francisco
  • ชม Golden Gate Bridge เป็นสะพานที่มีความโดดเด่นและสวยงามไปด้วยทัศนียภาพ เป็นสะพานที่เชื่อมไปยังMarin Country โดยมีอายุการสร้างมากว่า 65 ปี มีกิจกรรมที่ทำให้ผู้มาเยือนได้ผ่อนคลาย คือ การปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นชมบรรยากาศเพลินๆ

  • ชมฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ (Fisherman’s Wharf) ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือของชาวประมงที่มีความสำคัญอีกหนึ่งแห่งทางด้านประวัติศาสตร์ โดยท่าเทียบเรือแห่งนี้เป็นตลาดขายส่งปลา และถูกพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน

DAY 17 :  San Francisco – Bangkok

  • นำท่านเดินทางไปยังสนามบิน เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ เชคอินสายการบิน EVA Air (แวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเป) Flight – BR7 13.00-17.30 และ BR205 20.45-23.30

  • เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***

วันที่จัด

* อธิบายรูปแบบทริป
  • เหมือนเพื่อนพาเที่ยว
  • กลุ่มขนาดเล็กขนาด 4-6 ท่าน
  • ทีมงานคนไทยขับรถพาเที่ยว
  • ปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้ (เฉพาะกรุ๊ปเหมา)
  • เหมาะสำหรับผู้ชอบความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการเดินทาง
  • สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่นการยกกระเป๋าหรือสั่งอาหารเอง
  • รวม วีซ่า กิจกรรม การเดินทางทุกชนิดตามโปรแกรม
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่ 
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • สินน้ำใจแล้วแต่จะให้ ไม่บังคับ

** สิ่งที่ไม่รวมในค่าทริปคือตั๋วเครื่องบิน และ อาหารกลางวัน/เย็น

  • Classic Trip เหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ลุยมากนัก 
  • ใช้รถ Bus ท้องถิ่น คันใหญ่ สะอาด นั่งสบาย (คนขับเป็นคนท้องถิ่น)
  • รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
  • รวม ดำเนินการเรื่องวีซ่า
  • รวม ค่ากิจกรรมและการเดินทางทุกชนิด
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่
  • รวม อาหารครบทุกมื้อ
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • รวม ทิปไกด์

ไปไหนมาดอทคอม • 089-4789334 • 02-045-3445 • Line : @painaima.com • painaima@gmail.com • ติดต่อเรา

ไปไหนมาดอทคอม • ติดต่อเรา

Categories
America

ทัวร์อเมริกาใต้

ทัวร์อเมริกาใต้

---

จุดเด่นทริป

โปรแกรมเต็ม

DAY 1: Bangkok – Buenos Aires night

  • นัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมตัวเดินทางไกลข้ามซีกโลกสู่กรุงบัวโนส ไอเรส (BUENOS AIRES)
  • ออกเดินทางสู่กรุงบัวโนส ไอเรส (BUENOS AIRES) สมญาปารีส แห่งทวีปอเมริกาใต้ ดินแดนสตรีผู้สร้างตำนานอย่าง เอวา เปรอง (Eva Peron) ประเทศอาเจนติน่า จากนั้นเดินทางเข้าที่พัก ณ ย่านศุนย์กลางเศษฐกิจและการค้าของเมือง

DAY 2 : fly Buenos aires to El Calafate- -Calafate-el chalten

  • เดินทางสู่เมืองเอล คาลาฟาเต้ (EL CALAFATE) โดยสายการบิน AEROLINEAS ที่ตั้งอยู่เกือบปลายสุดของทวีป โดยหมูบ้านเอล คาลาฟาเต้นั้น เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ริมฝั่งมหาสมุทรที่เปรียบเสมือนประตูสู่ดินแดนอุทยานแห่งชาติ บริเวณพาตาโกเนีย ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของทวีป
  • เข้าชม ธารน้ำแข็งเปริโต โมเรโน่ (Perito Moreno) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส ธารน้ำแข็งสีขาวอมฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กว้างถึง 5 กิโลเมตร สูงกว่า 80 เมตร ที่สำคัญองค์การยูเนสโก้ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1981 และหนึ่งใน Highligh อย่างหนึ่งของการมาที่นี่คือการได้รอคอยก้อนน้ำแข็งยักษ์หล่นลงพื้นทะเลสาบ
  • เดินทางสู่ หมู่บ้าน El Chalten เมืองเล็กๆ ห่างจาก El Calafate 220 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นประตูสู่เส้นทาง trekking ต่างๆ มากมาย โดยรอบยอดเขา Fitz Roy ที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของดินแดนพาตาโกเนียอันเลื่องชื่อ

DAY 3 : El chalten – Stay on at Calafate village

  • เข้าชม ธารน้ำแข็งเปริโต โมเรโน่ (Perito Moreno) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส ธารน้ำแข็งสีขาวอมฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กว้างถึง 5 กิโลเมตร สูงกว่า 80 เมตร ที่สำคัญองค์การยูเนสโก้ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1981 และหนึ่งใน Highligh อย่างหนึ่งของการมาที่นี่คือการได้รอคอยก้อนน้ำแข็งยักษ์หล่นลงพื้นทะเลสาบ
  • หมู่บ้าน El Chalten เมืองเล็กๆ ห่างจาก El Calafate 220 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นประตูสู่เส้นทาง trekking ต่างๆ มากมาย โดยรอบยอดเขา Fitz Roy ที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของดินแดนพาตาโกเนียอันเลื่องชื่อ

Day 4 : Calafate to puerto natales – Terros Del Panie o/n Hosteria

  • เมือง puerto natales เปอโตนาเลสที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 6 ชั่วโมง ในประเทศชิลี
  •  อุทยาน Terros Del Pane อุทยานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การ UNESCO ในปี 1978 (Terros Del Panie แปลว่า blue tower) เป็นอุทยานที่ครอบคลุมด้วยภูเขาน้ำแข็ง, ทะเลสาบและที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ มีเขตติดต่อกับ Bernardo O’Higgins National Park และ Los Glaciares National Park ทางฝั่งอาร์เจนติน่า โดยกินพื้นที่กว่า 2,400 กม. และยังเป็นที่ตั้งของยอดเขาที่มีรูปทรงแปลกตามากมาย ที่เกิดจากแรงกัดกร่อนของลมมานานนับหลายพันล้านปี และยังมีชื่อเสียงในหมู่นักเดินป่า นักปีนเขาทั่วโลก ในฐานะอุทยานที่เป็นที่ตั้งของเส้นทาง W Trek ที่โด่งดังที่สุดในทวีปอเมริกาใต้

Day 5 : Drive around / evening drive to puerto natales  

  • อุทยาน Terros Del Pane อันประกอบไปด้วย ทะเลสาบสีฟ้าอันงดงาม วิวยอดเขารูปทรงแปลกตาที่เรียงรายอยู่โดยรอบ น้ำตก และทุ่งหญ้าสีทองในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และที่พลาดไม่ได้คือการชมสัตว์พื้นถิ่นประจำอุทยานแห่งนี้ อันได้แก่ตัวโบนาโค่ ที่มีรูปร่างคล้ายแกะผสมอูฐ

Day 6 : Bus to puerto arenas – Fly puerto arenas to sandiego

  • ไปยังสนามบินที่ เมืองปุนตาอาเรนัส (Puta Arenas) ที่อยู่ห่างออกไปราว 2 ชั่วโมง เมืองหลวงแคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา แคว้นใต้สุดของชิลี เป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางซีกโลกใต้

  • ออกเดินทางจากสนามบินปุนตาอาเรนัส สู่สนามบินซานเตียโก โดย เที่ยวบิน LA292 (ใช้เวลาเดินทาง 3.30 ชม.)
  • นำชมจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมือง ซานเตียโก บริเวณเนินเขา Cerro San Cristóbal ที่สามารับชมวิวทัศนียภาพโดยรอบของเมือง ซานเตียโกที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาได้อย่างงดงาม

Day 7 : Fly to santiago and fly to Carama – Bus to Atacama o/n

  • เมืองซานเตียโก (Santiago) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศชิลี  ในหุบเขาตอนกลางของประเทศและเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซานเตียโกเมโทรโพลิแทน ทุกท่านจะได้ชมหมู่ดาวที่งดงามที่เชื่อว่าจะไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนในโลกได้ชัดถนัดตาเท่าที่นี่

DAY 8 : Uyuni salt sea circuit 

  • Uyuni salt sea ที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลก เป็นแผ่นดินแห่งผลึกเกลือสีขาว บนพื้นที่กว่า 10,000 ตร.กม. และน้ำที่ขังอยู่ในแอ่งเกลือสะท้อนแสงแดดเป็นความงดงามอันน่าทึ่ง สมแล้วที่ได้รับการขนานนามว่า ผืนฟ้าจรดผืนโลก โดยเราจะใช้เวลาสามวันสองคืนในการออกสำรวจดินแดน surreal แห่ง โบลีเวียกัน โดยในช่วงแรกของเส้นทาง จะผ่านบ่อน้ำพุร้อน ทะเลสาบน้อยใหญ่มากมาย ที่เต็มไปด้วยฝูงนกฟามิงโก้ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของภูมิภาคนี้ รวมถึงสัตว์ป่าประจำถิ่นของ เทือกเขาแอนดีสมากมาย ก่อนที่จะเข้าพักท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมที่ระดับความสูงกว่า 4,000 เมตร

DAY 9 : Uyuni salt sea circuit 

  • นำทุกท่านออกผจญภัยบนเส้นทางต่อ โดยวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะเป็นภูมิประเทศที่แปลกตา ทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ที่มีหินรูปทรงแปลกตา ราวกันภาพวาดของซัลวาดอร์ ดาลี ศิลปินกลุ่มเซอเรียลลิสต์ชื่อดัง รวมถึงทะเลสาบที่มีฝูงนกอาศัยอยู่อย่างมากมายอีกหลายแห่ง ก่อนจะเข้าพักยังโรงแรมเกลือ ที่ซึ่งอาคารที่พักสร้างจากเกลือจากบริเวณนั้น

DAY 10 : Uyuni  drive to La paz at night

  • เที่ยวชมเกาะIsla Incahuasi หรือเนินแผ่นดินที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่เป็นทะเลเกลืออันเวิ้งวาง ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวที่จะสามารถชมวิวของทะเลเกลือโดยรอบได้อย่างงดงาม
  • นำทุกท่านกลับมายังหมู่บ้านอูยูนี่ uyuni เพื่อทำการอาบน้ำและเดินชมตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณแถบนี้ ชาวเผ่าพื่นเมืองต่างๆ นำสินค้ามาวางขาย

  • เดินทางโดยรถโดยสารไปยังกรุงลาปาซ เมืองหลวงประเทศโบลิเวีย ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 เมืองมหศัจรรยแ์ห่งใหม่ของโลกในปี 2014 ท้้งนี้กรุงลาปาซเป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ซึ่งเมืองหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส

DAY 11 : La paz – puno o/n

  • ออกเดินทางจากกรุงลาปัส สู่เมือง Puno ในประเทศเปรู โดยบนเส้นทางทุกท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของริมฝั่งทะเลสาบติติกากา ที่เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาใต้
  • นำทุกท่านนั่งเรือโดยสารข้ามไปชมเกาะพระอาทิตย์ อันมีตำนานความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการกำเนิดของชนเผ่าอินคา ซึ่งเป็น Hightlight ของการมาเยือนทะเล สาบติติกากา จากนั้นออกเดินทางต่อสู่เมืองปูโน่ ในประเทศเปรู

DAY 12 : Uros (floating island) – puno cusco

  • Uros (floating island) เกาะลอยอูรอสแห่งทะเลสาบติติกากา ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในทวีปอเมริกาใต้และได้รับสมญานามว่า ทะเลสาบแห่งม่านเมฆ เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,811 ม. ลึกกว่า 180 ม. ในทะเลสาบแห่งนี้ มีเกาะน้อยเกาะใหญ่ถึง 41 เกาะ แต่มีเกาะหนึ่งที่เป็นที่รู้จักของที่นี่คือเกาะลอยอูรอส เป็นเกาะที่คนพื้นเมืองสร้างจากต้นกกที่ขึ้นอยู่ตามทะเลสาบ เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยกัน
  • นำทุกท่านเข้าเมืองคูซโค เมืองหลวงสำคัญแห่งอาณาจักรอินคา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเทือกเขาแอนดิส

DAY 13 :  Cusco – ollantaytambo – Machu pichu

  • เมืองออลลันตัยตัมโบ (Ollantaytambo) เพื่อไปชมซากโบราณสถานของชาวอินคาอีกแห่งหนึ่งในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่ถือว่าเป็นซากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคาที่สมบูรณ์ที่สุดที่หลงเหลืออยู่ ซากโบราณแห่งนี้ก่อด้วยหินล้วนๆ เรียงเป็นขั้นบันไดซ้อนกันขึ้นไปบนภูเขา ดูสวยงามจนน่าอัศจรรย์ใจ และทึ่งในความสามารถของชาวอินคาอย่างยิ่ง เนื่องจากรอยต่อของก้อนหินแต่ละก้อนวางเรียงแนบสนิทชิดกันจนไม่สามารถนำกระดาษแผ่นเดียวสอดเข้าไปตรงรอยต่อนั้นได้ และจากนั้นเดินทางต่อโดยรถไฟเส้นทางสุดคลาสสิค เพื่อไปยังโบราณสถานยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของชาวอินคา

DAY 14 : Machu pichu fullday – cusco lima

  • Machu pichu มาชูปิกจู หรือ เมืองสาบสูญแห่งอินคา ร่องรอยอารยธรรมโบราณบนเทือกเขาสูงใหญ่ในเปรู มีระดับความสูงอยู่ที่ 2,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญทางโบราณคดี และการศึกษาประวัติศาสตร์ ของอเมริกาใต้เลยก็ว่าได้ ที่นี่ยังถูกจัดให้เป็น เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย

  • เดินทางสู่ กรุงลิม่า (Lima) โดยสายการบิน TACA INTERNATIONAL AIRLINES เที่ยวบินที่ TA920 (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงลิม่า (LIMA) ประเทศเปรู

DAY 15 : Lima to rio to iguazu (fly to iguazu)

  • เดินทางสู่ เมืองริโอ เดอ จาเนโร (RIO DE JANEIRO) อดีตเมืองหลวงของประเทศบราซิล ที่มีชื่อเสียงจากงานคาร์นิวาล หาดโคปาคาบานา และอิปาเนมา  เขาชูการ์โลฟ สนามฟุตบอลมาราคานา และรูปปั้นพระคริสต์ที่ได้รับการโหวตให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคใหม่ หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว

  • นำทุกท่านขึ้นชมจุดชมวิวบนยอดเขาที่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นพระเยซู อันเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นที่ติดตาและจดจำของคนทั่วโลก ต่อด้วยย่านเมืองเก่าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และมนต์ขลังแบบแซมบ้า

DAY 16 : Rio to iguazu falls Brazil

  • เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติอิกัวซุ (IGUAZU NATIONAL PARK) โดยสายการบิน XXXX ไปตื่นตาตื่นใจกับ iguazu falls น้ำตกอีกวาซู น้ำตกสุดอลังการที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ สูงกว่า 80 เมตร และยาวกว่า 2.7 กิโลเมตร ไปชมความงดงามของกระแสน้ำ ละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายยามตกกระทบกันเกิดเป็นสายรุ้ง ที่นี่ยังถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก

  • นำทุกท่านข้ามไปยังน้ำตกอิกัวซุ ในฝั่งอาเจนติน่า

DAY 17 : Iquazu Agen fly to Buenos Aires

  • เที่ยวชมอุทยานแห่งชาติอิกัวซุในฝั่งอาเจนติน่า ที่มีทัศนียภาพที่แปลกตาและงดงามคนละแบบ ก่อนที่จะเดินทางสู่กรุงบัวโนส ไอเรส (BUENOS AIRES) โดยสายการบิน LAN เที่ยวบินที่ LA4029

  • พาท่านเที่ยวชมเมืองกรุงบัวโนส ไอเรส

DAY 18 :  Buenos Aires

  • เที่ยวชมย่านเมืองเก่าของนครบัวโนสไซเรส ฉายาปารีสแห่งลาตินอเมริกา ชมสุสานของวีรสตรีที่โด่งดังของอาเจนติน่า เอวา เปรอง อาคารรัฐสภาที่เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์อัตชีวประวัติของนาง ก่อนหาซื้อของฝากไวน์ชั้นเลิศและสินค้าพื้นเมือง ชมการแสดงแทงโก้

  • (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงสนามบินกรุงบัวโนส ไอเรส เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนติน่า และบินกลับสู่กรุงเทพ โดยสวัสดิภาพ

***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***

วันที่จัด

รูปแบบทริป

* อธิบายรูปแบบทริป
  • เหมือนเพื่อนพาเที่ยว
  • กลุ่มขนาดเล็กขนาด 4-6 ท่าน
  • ทีมงานคนไทยขับรถพาเที่ยว
  • ปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้ (เฉพาะกรุ๊ปเหมา)
  • เหมาะสำหรับผู้ชอบความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการเดินทาง
  • สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่นการยกกระเป๋าหรือสั่งอาหารเอง
  • รวม วีซ่า กิจกรรม การเดินทางทุกชนิดตามโปรแกรม
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่ 
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • สินน้ำใจแล้วแต่จะให้ ไม่บังคับ

** สิ่งที่ไม่รวมในค่าทริปคือตั๋วเครื่องบิน และ อาหารกลางวัน/เย็น

  • Classic Trip เหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ลุยมากนัก 
  • ใช้รถ Bus ท้องถิ่น คันใหญ่ สะอาด นั่งสบาย (คนขับเป็นคนท้องถิ่น)
  • รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
  • รวม ดำเนินการเรื่องวีซ่า
  • รวม ค่ากิจกรรมและการเดินทางทุกชนิด
  • เข้าพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นกับพื้นที่
  • รวม อาหารครบทุกมื้อ
  • รวม ประกันการเดินทาง
  • รวม ทิปไกด์

แกลลอรี่ทัวร์ไอซ์แลนด์

ทริปอื่นๆที่น่าสนใจ

ไปไหนมาดอทคอม • 089-4789334 • 02-045-3445 • Line : @painaima.com • painaima@gmail.com • ติดต่อเรา

ไปไหนมาดอทคอม • ติดต่อเรา

Categories
America

ทัวร์แคนาดา

ทัวร์แคนาดา

Highlight

Canada on the rock 11 วัน

Extra TripCanada Grand 16 วัน

Day 1 : Bangkok – Vancouver

  • พบที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินสายการบิน EVA Air เที่ยวบิน BR68 25-21.15 แวะไทเปเปลี่ยนเครื่องเป็น BR10 (23.55-19.25)
  • คืนนี้เราพักกันที่ Vancouver

Day 2 : Victoria – Capilano – Granville Island – Gastown Stream Clock 

  • หลังอาหารเช้า พาชมเมือง Vancouver เป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ และในภูมิภาคแปซิฟิก
  • ชม สะพาน capilano bridge แรกเริ่มเดิมทีสะพานนี้ทำจากแผ่นกระดานไม้สนและเชือกปอ สร้างขึ้นในปี 1889 โดยวิศวกรสก็อตแลนด์ เพื่อทำทางเดินเชื่อมไปยังป่าด้านใน สะพานนี้อยู่ท่ามกลางยอดต้นไม้ที่อยู่รอบตัว ทดสอบความกล้าบนสะพานแขวนที่สูงและยาวแห่งนี้
  • Stanley Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมือง สวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ติดทะเลที่ English Bay อันเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญของแคนาดา Stanley Park นับเป็นโอเอซิสสีเขียวที่สวยงามท่ามกลางภูมิทัศน์เมืองที่มีความหนาแน่น
  • Granville Island เกาะกลางแม่น้ำ Granville Island ที่มี Art Galleries ชาวคณะแปลงร่างเป็นศิลปินเดินดูงานศิลปะและของที่ระลึก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะเป็นอย่างยิ่ง และมีตลาดสดรวมถึงร้านอาหารที่หลากหลายให้เลือกชิม
  • เมืองเก่า Gastown เมืองที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม และมี ถนนหินที่ชื่อว่า obbled-Stone Streets
  • Stream Clock ท่านจะได้พบนาฬิกาไอน้ำของแท้ดั้งเดิมที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่เรือนบนโลก
  • คืนนี้เราจะพักกันที่ Vancouver

Day 3 : Vancouver – Calgary – Emeral lake – lake louis  

  • เดินทางสู่สนามบินเช็คอินสายการบิน Air Canada* เดินทางสู่เมืองแคลกาลี เที่ยวบินที่ AC210 (11.30-13.55) *เที่ยวบินอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
  • ถึงเมืองแคลการีออกเดินทางไปยังเส้นทางไฮเวย์หมายเลข 1 มุ่งหน้าผ่านเลคหลุยส์ ชม Emerald Lake อันมีน้ำสีเขียวมรกตเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบ โอบล้อมโดยเทือกเขา President Range, Mount Burgess, Wapta Mountain น้ำในทะเลสาบเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนเทือกเขาด้านบน ผสมกับแร่ธาติไลมสโตนจึงทำให้น้ำมีสีแปลกตา สวยงาม ชวนมอง
  • ชม Lake Louise ทะเลสาบที่โด่งดังแห่งเทือกเขา Rocky ด้วยน้ำที่เขียวใสราวกับมรกต สะท้อนยอดเขา รายล้อมด้วยทิวสนยอดสูง และเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี Landmark ที่สำคัญของโลก ตามประวัติกล่าวว่าเมื่อปี 882 นักสำรวจทางรถไฟชาวผิวขาวชื่อว่า Tom Willson ได้ค้นพบทะเลสาบแห่งนี้ และตั้งชื่อว่า ทะเลสาบมรกต ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) ตามพระนามพระราชธิดา ในสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย
  • คืนนี้เราจะพักกันที่ Lake Louise

Day 4 : Morien lake – Ice field park way – Jasper

  • ชม Moraine Lake ตั้งอยู่ใน Valley of ten peak หนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในแคนาดา ทะเลสาบแห่งนี้มักปรากฎภาพในของที่ระลึกต่างๆ เช่น โปสการ์ด ปฏิทิน และโฆษณาต่างๆ
  • Columbia Icefields ทุ่งน้ำแข็งที่ใหญ่สุดในเทือกเขาร็อกกี้สถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยธารน้ำแข็งถึง 6 แห่งเดินทางสู่ลานน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยรถล้อโตของอุทยาน
  • ชม Glacier Skywalk ทางเดินยื่นไปในหน้าผามองเห็นวิวกลาเซียและขุนเขาอันยิ่งใหญ่ของเทือกเขาร็อกกี้อยู่เบื้องหน้า ท้าทายความกล้าในการเดินบนทางเดินพื้นกระจก
  • Sunwapta Falls อยู่ในอุทยานแห่งชาติ Banff จะมีน้ำตกชั้นบนและล่าง ไหลมาจากธารน้ำแข็ง Athabasca เราสามารถชมน้ำตกด้านบนได้จากจุดชมวิวที่มีความสูงถึง 18 เมตร
  • อุทยานแห่งชาติ Jasper มลรัฐอัลเบอร์ตา อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในเขตเทือกเขาร็อกกี้แคนาดา เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศแคนาดา
  • เย็นย่ำค่ำลง เดินเล่นในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ช๊อปปิ้งของฝากเล็กๆน้อยๆตามอัธยาศัย สูดอากาศดีๆ สบายๆ ให้เต็มปอด
  • ค่ำคืนนี้พักกันที่เมือง Jasper

Day 5 : Jasper – around jasper – Pyramid Lake – Jasper tramway  Athabasca Falls tramway – Jasper

  • ชม Pyramid Lake ทะเลสาบที่น้ำใสและนิ่งเรียบราวกระจก จนสามารถเห็นเงาของภูเขาที่สะท้อนมาได้ชัดเจน
  • ชม Maligne Lake เป็นทะเลสาบที่มีคนไปถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก น้ำในทะเลสาบสีเขียวเงียบสงบนิ่งสะท้อนฉากหลังที่เป็นภูเขาสูงชันรอบทิศทาง รวมถึงเกาะ spirit Island อันเป็น signature ของทะเลสาบแห่งนี้
  • Medicine Lake ทะเลสาบอัศจรรย์ที่จะมีน้ำแต่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน แต่เมื่อย่างเข้าเดือนตุลาคม ทะเลสาบแห่งนี้จะอันตรธานหายไปอย่างลึกลับ ทะเลสาบแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ทะเลสาบวิเศษของชาวอินเดียนแดง
  • Jasper Tramway ขึ้นกระเช้า Jasper Tramway กระเช้าที่จะพาเราสู่ยอดเขา สัมผัสกับเทือกเขาร๊อคกี้ในมุมสูง เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดีๆ ที่ไม่ควรพลาด
  • คืนนี้เราจะพักกันที่ Jasper

Day 6 : Jasper  – Payto lake  – Banff

  • Athabasca Falls ชมน้ำตกแอทธาบาสก้าที่มีความงดงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
  • Herbert Lake และ Bow Lake ทะเลสาบอันสวยงามที่อยู่บนเส้นทางสายทรานแคนาดา น้ำใสราวกระจกมีฉากหลังเป็นภูเขาอันสูงชันของเทือกเขาร็อกกี้พลาดไม่ได้ที่จะต้องแวะชมถ่ายรูป
  • Peyto Lake ที่มีผืนน้ำเหมือนสีมรกต (Glacier Milk) เกิดจากดินร่วนปนทรายรวมกับแร่ธาตุ เมื่อหน้าร้อนมาเยือน ดินทรายและแร่ธาตุเหล่านี้จะละลายลงมาในทะเลสาบ ทำให้น้ำมีลักษณะเหมือนนมสีมรกต น่าตื่นตาตื่นใจ
  • ชมเมือง Banff เดินเล่นยามเย็นในเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขาร็อกกี้ ในเมืองมีร้านค้าให้เดินชมสินค้าหลากหลายรูปแบบทั้งสินค้าพื้นเมืองสไตล์คันทรี่สินค้าประเภทเครื่องแต่งกายสำหรับกีฬาแอดเวนเจอร์และอื่นๆอีกมาก
  • คืนนี้เราจะพักกันที่ Banff

Day 7 : Banff – Minewanka Lake – Calgary – Toronto

  • ขึ้นกระเช้าชมยอดเขาซัลเฟอร์ โดยยอดเขานี้จะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2000 เมตร สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของเทือกเขาแคนาเดี้ยน ร้อกกี้ โดยการขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา ขึ้นไปเก็บภาพความสวยงามจนจุใจ ยืดเส้นยืดสายพร้อมชมวิวแบบพาโนรามาจากเขา Tunnel Mountain เมื่อมองลงมาจะเห็นแม่น้ำ Bow River คดเคี้ยวเป็นสายยาวอยู่เบื้องล่าง
  • ชมทะเลสาบ Minnewanka เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ภาษาท้องถิ่นของคนอินเดียนแดงมีความหมายว่าทะเลสาบแห่งจิตวิญญาณ ทะเลสาบแห่งนี้ลึกสูงสุดถึง 140 เมตรมีน้ำใสราวกระจกรวมถึงมีเส้นทาง treking รอบๆภูเขา
  • เดินทางสู่สนามบิน เตรียมตัวเดินทางสู่โตรอนโต โดยสายการบิน Air canada* เที่ยวบินที่ AC194 (17.45-23.36) *อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
  • คืนนี้เราจะพักกันที่ Toronto

Day 8 : Niagara City

  • เดินทางสู่น้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกน้ำตกไนแอการาตั้งอยู่พรมแดนระหว่างแคนาดาและอเมริกาพาทุกท่านล่องเรือ Hornblower เพื่อชมความงามของน้ำตกอย่างใกล้ชิด 
  • ช๊อปปิ๊งกันที่ Canada One Outlet สวรรค์ของนักช้อป จากนั้น เดินทางสู่ไนแองการ่าออน เดอเลค เป็นเมืองชุมชนของชาวแคนาดาตั้งอยู่ทางทิศใต้ของออนตาริโอ้ (Ontario) เป็นที่ ๆแม่น้ำไนเองการาไหลมา บรรจบกับทะเสสาบออนตาริโอ้ และได้ชื่อว่าน่ารักที่สุดของมณรัฐ Ontario อีกด้วย
  • คืนนี้เราจะพักกันที่ ไนแองการ่าออน เดอเลค

Day 9 : Niagara – Toronto 

  • เดินทางกลับเมืองโตรอนโต ขึ้นชมหอคอย CN Tower ซึ่งนับเป็น landmark ของเมืองโตรอนโต ใช้เป็นหอคอยและหอสังเกตการณ์เคยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกยาวนานถึง 32 ปีแต่ถูกแทนที่ด้วยอาคารเบิร์จคาลิฟา(ดูไบ) ตอนนี้หอคอยแห่งนี้สูงเป็นอันดับที่ 3 ในโลก
  • Graffiti Alley เกาะที่มีภาพวาดกษิติน่าสนใจอยู่มากมายถ่ายรูปกับกาแฟติดระดับโลกที่นี่กันอย่างจุใจ
  • Toronto’s First Post Office ตั้งขึ้นมาเกือบ 200 ปี ยังนับว่าเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบันปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการไปรษณีย์รวมถึงเป็นพิพิธภัณฑ์อีกด้วย
  • Lawrence Market ตลาดอาหารเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในย่าน old Town มีความคึกคักแบบดั้งเดิมมีสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งของสด ทั้งผลไม้รวมไปถึงอาหารทะเล นิตยสาร National Geographic ได้มอบให้ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดอาหารที่ดีที่สุดในโลก
  • เดินทางสู่สนามบินโตรอนโต

Day 10 : Toronto – Bangkok

  • ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน EVA Air เที่ยวบิน BR35 (แวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเป เวลา 05.00 น.)

Day 11 : Bangkok

  • ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน EVA Air เที่ยวบิน BR211
  • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม***

Day 1 : Bangkok – Vancouver

  • พบที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางไปยัง Vancouver
  • คืนนี้เราพักกันที่ Vancouver

Day 2 : Victoria – Capilano – Granville IslandGastown – Stream Clock

  • พาชมเมือง Vancouver เป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย
  • สะพาน Capilano bridge สร้างขึ้นในปี 1889
  • Stanley Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมือง
  • Granville Island เกาะกลางแม่น้ำ Granville Island ที่มี Art Galleries ชาวคณะแปลงร่างเป็นศิลปินเดินดูงานศิลปะและของที่ระลึก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะเป็นอย่างยิ่ง
  • เมืองเก่า Gastown เมืองที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม และมีถนนหินที่ชื่อว่า obbled-Stone Streets Stream Clock ท่านจะได้พบนาฬิกาไอน้ำของแท้ดั้งเดิมที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่เรือนบนโลก
  • พักที่ Vancouver

 

Day 3 : Vancouver – Calgary – Emeral lake – lake louis

  • เดินทางสู่เมืองแคลกาลี โดยสายการบินภายในประเทศ
  • ถึงเมืองคาลการีออกเดินทางไปยังเส้นทางไฮเวย์หมายเลข 1 มุ่งหน้าผ่านเลคหลุยส์
  • ชม Emerald Lake อันมีน้ำสีเขียวมรกตเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบ
  • ชม Lake Louise ทะเลสาบที่โด่งดังแห่งเทือกเขา
  • พักที่ Lake Louise

Day 4 : Moraine lake – Ice Field Park Way – Jasper

  • ชม Moraine Lake ตั้งอยู่ใน Valley of ten peak หนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในแคนาดา
  • Columbia Icefields ทุ่งน้ำแข็งที่ใหญ่สุดในเทือกเขาร๊อกกี้สถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยธารน้ำแข็งถึง 6 แห่งเดินทางสู่ลานน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยรถล้อโตของอุทยาน
  • ชม Glacier Skywalk ทางเดินยื่นไปในหน้าผามองเห็นวิวกลาเซียและขุนเขาอันยิ่งใหญ่ของเทือกเขาร็อกกี้อยู่เบื้องหน้า
  • Sunwapta Falls อยู่ในอุทยานแห่งชาติ Banff จะมีน้ำตกชั้นบนและล่าง ไหลมาจากธารน้ำแข็ง Athabasca
  • อุทยานแห่งชาติ Jasper อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในเขตเทือกเขาร็อกกี้แคนาดา
  • เย็นย่ำค่ำลง เดินเล่นในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ช๊อปปิ้งของฝากเล็กๆน้อยๆตามอัธยาศัย
  • พักที่ Jasper

Day 5 : Jasper – Pyramid Lake – Maligne Lake -Jasper Tramway  Jasper

  • ชม Pyramid Lake ทะเลสาบที่น้ำใสและนิ่งเรียบราวกระจก
  • ชม Maligne Lake เป็นทะเลสาบที่มีคนไปถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • Medicine Lake ทะเลสาบอัศจรรย์ที่จะมีน้ำแต่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน แต่เมื่อย่างเข้าเดือนตุลาคม ทะเลสาบแห่งนี้จะอันตรธานหายไปอย่างลึกลับ
  • ขึ้นกระเช้า Jasper Tramway กระเช้าที่จะพาเราสู่ยอดเขา สัมผัสกับเทือกเขาร๊อคกี้ในมุมสูง
  • พักที่ Jasper

Day 6 : Jasper  – Athabasca Falls – Payto lake  – Banff

  • Athabasca Falls ชมน้ำตกแอทธาบาสก้าที่มีความงดงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
  • Herbert Lake และ Bow Lake ทะเลสาบอันสวยงามที่อยู่บนเส้นทางสายทรานแคนาดา
  • Peyto Lake ที่มีผืนน้ำเหมือนสีมรกต (Glacier Milk)
  • ชมเมือง Banff เดินเล่นยามเย็นในเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขาร็อกกี้
  • พักที่ Banff

Day 7 : Banff – Sulphur Mountain – Minewanka Lake – Calgary

  • ขึ้นกระเช้าชมยอดเขาซัลเฟอร์ โดยยอดเขานี้จะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2000 เมตร
  • ชมทะเลสาบ Minnewanka Lake เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติแบมฟ์
  • พักที่ Calgary

Day 8 : Calgary – Quebec

  • ไปยังสนามบินภายในประเทศ เพื่อเดินทางไปยังเมือง Quebec โดยสายการบิน ภายในประเทศ
  • เมือง Quebec ย่านที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ พื้นที่ที่เป็นมรดกโลก
  • พักที่ Quebec

Day 9 : Upper Town (Haute-Ville) – Lower Town (Basse-Ville)  Terrasse Dufferin – Old Quebec – Montreal

  • Upper Town (Haute-Ville) เมืองที่มีความสวยงามของสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
  • Lower Town (Basse-Ville) เมืองที่มีเสน่ห์ของตัวเอง ย่านประวัติศาสตร์โบราณที่มีชุมชนเมือง
  • Terrasse Dufferin ศาลาน่ารักๆ ที่ตั้งอยู่ใน Lower Town ของควิเบก ถูกสร้างขึ้นในปี 1879 มีระเบียงทางเดินยาวที่มองเห็นแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ เเละทิวทิศน์ที่สวยงาม
  • Basilique Cathedrale-Notre-Dame-de-Quebe มหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุด ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1647
  • Terrasse Dufferin เป็นศาลาน่ารักๆ ที่ตั้งอยู่ใน Lower Town ของควิเบก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1879 มีระเบียงทางเดินยาว
  • Old Quebec ย่านที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และยังถือเป็นพื้นที่มรดกโลกที่น่าชมอย่างมาก
  • พักที่ Quebec

Day 10 : Quebec – Notre  Dame Basilica – Old Montreal –  St. Joseph’s  Vieux Montreal – Ottawa

  • เดินทางสู่เมือง มอนทรีออล
  • Notre-Dame Basilica มหาวิหารแบบกอธิค ในย่านประวัติศาสตร์ของมอนทรีออล สถาปัตยกรรมที่เป็นหนึ่งในที่น่าทึ่งที่สุดในโลก
  • Old Montreal พบกับรูปแบบอาคารที่ย้อนไปในศตวรรษที่ 17 สถาปัตยกรรมและถนนที่ปูด้วยหิน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และ Riverfront ท่าเรือเก่า
  • Joseph’s Oratory of Mount Royal สถานที่ที่มีชื่อเสียงระดับโลกสำหรับการเดินทางไปแสวง
  • Vieux-Montreal เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบดื่มด่ำกับไลฟ์สไตล์ชิลล์ๆ
  • คืนนี้พักที่เมือง Montral

Day 11 : Montral – Ottawa – By Ward Market Ottawa River Cruise – Parliament Hill

  • เดินทางสู่เมือง Ottawa เมืองหลวงปัจจุบันของแคนาดา
  • เดินตลาด By Ward Market ตลาดจับจ่ายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยว
  • Ottawa River ชมความงามของสองฝั่งน้ำด้วยการเปิดประสบการณ์ให้ได้ล่องเรือ Ottawa River Cruise (Parliament Buildings • Supreme Court • Museum of Civilization • National Art Gallery • Rideau Falls • Residence of the Prime Minister)
  • อาคาร Parliament Hill เป็นอาคารรัฐสภาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ที่ผู้เข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
  • พักที่ Montreal

Day 12 :  Kingston – Niagara on the lake

  • เดินทางสู่เมืองคิงส์ตัน (Kingston) ซึ่งเป็นเมืองเล็กเมืองหนึ่งของแคนาดา
  • เดินทางสู่เมือง ไนแองการ่าออนเดอะเลค
  • คืนนี้พักกันที่เมือง Niagara on the lake

Day 13 :  Niagara – Toronto

  • ชมน้ำตกไนแองการ่า ชมความงดงามของน้ำตก ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
  • ล่องเรือ Hornblower เพื่อชมความงามของน้ำตก ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม
  • เดินทางกลับสู่เมือง โตรอนโต
  • ค่ำคืนนี้พักที่เมืองโตรอนโต

 Day 14 : CN Tower – Toronto Premium Outlet – St.Lawrence Market

  • ขึ้นชมหอคอย CN Tower ซึ่งนับเป็น landmark ของเมืองโตรอนโต
  • Graffiti Alley เกาะที่มีภาพวาดกษิติน่าสนใจอยู่มากมาย
  • Toronto’s First Post Office ตั้งขึ้นมาเกือบ 200 ปี ยังนับว่าเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบันปัจจุบัน
  • Lawrence Market ตลาดอาหารเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในย่าน old
  • เดินทางสู่สนามบินโตรอนโต

Day 15 : Toronto – Bangkok

  • ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ

Day 16 : Bangkok

  • ถึงกรุงเทพ โดยสวัสดิภาพ

***รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม***

149,000

ไปไหนมาดอทคอม • 089-4789334 • 02-045-3445 • Line : @painaima.com • painaima@gmail.com • ติดต่อเรา

ไปไหนมาดอทคอม • ติดต่อเรา

error: บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของไปไหนมาดอทคอม