☀️White Mountains และ Kancamagus Highway – เส้นทางขับรถชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา ทอดยาว 56 กิโลเมตรผ่านป่าเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีหลากสี ตั้งแต่เหลืองทองไปจนถึงแดงเข้ม
☀️Mount Washington – ยอดเขาสูงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ (1,917 เมตร) ที่มีชื่อเสียงด้านสภาพอากาศรุนแรงและลมแรง สามารถขึ้นชมวิวได้ด้วยรถไฟฟันเฟืองโบราณหรือขับรถขึ้นไปตาม Mt. Washington Auto Road
☀️Franconia Notch State Park – อุทยานที่มีความงดงามทางธรรมชาติ โดยเฉพาะ Flume Gorge หุบเขาแคบที่มีทางเดินไม้ให้เดินชมท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี
☀️Smugglers’ Notch – ช่องเขาแคบประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นเส้นทางลับของผู้ลักลอบขนสินค้า ปัจจุบันเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามโดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง มีโขดหินขนาดใหญ่ขนาบทั้งสองข้างทาง
☀️Stowe Mountain Resort – รีสอร์ทที่มีชื่อเสียงระดับโลกบนภูเขา Mt. Mansfield สูงที่สุดในรัฐเวอร์มอนต์ เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลใบไม้เปลี่ยนสีได้กว้างไกล
☀️Burlington และ Waterfront Park – เมืองริมทะเลสาบ Champlain ที่สวยงาม มีทางเดินริมน้ำให้ชมวิวทะเลสาบกว้างใหญ่โดยมีเทือกเขา Adirondack เป็นฉากหลัง ล้อมรอบด้วยต้นไม้เปลี่ยนสี
☀️Lake Placid – หมู่บ้านตากอากาศที่เคยเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวสองครั้ง ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา Adirondack อันสวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง
☀️Mirror Lake – ทะเลสาบใจกลางเมือง Lake Placid ที่มีน้ำใสนิ่งราวกับกระจกสะท้อนภาพเทือกเขาและใบไม้เปลี่ยนสีโดยรอบ มีทางเดินรอบทะเลสาบให้ชมวิว
☀️High Falls Gorge – น้ำตกและหุบเขาที่สวยงามใกล้ Lake Placid มีทางเดินที่ปลอดภัยให้ชมน้ำตกสี่แห่งที่ไหลผ่านหุบเขาหินแกรนิต ล้อมรอบด้วยใบไม้เปลี่ยนสี
☀️Saratoga Springs และ Congress Park – เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงด้านน้ำแร่ธรรมชาติ มีสวนสาธารณะที่สวยงามให้ชมใบไม้เปลี่ยนสีและลองชิมน้ำแร่จากน้ำพุธรรมชาติที่มีแร่ธาตุและรสชาติแตกต่างกัน
✅️ รูปแบบการเดินทาง Roadtrip Style
✅️ โรงแรมที่พัก 3-4 ดาว พร้อมอาหารเช้า
✅️ กลุ่มเล็ก 6 ท่าน เที่ยวโดยรถตู้
✅️ นำทริปโดยคนไทย ถ่ายรูปสวยๆ ให้
✅️ ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้าน
ค่าทริป ไม่รวม
⛔ วีซ่า (มีบริการรับทำ)
⛔ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน (เราจัดหาให้ได้)
⛔ ไม่รวมอาหารกลางวันและเย็น
⛔ อาหารเช้า หากโรงแรมเป็นลักษณะ Apartment
วันที่ 1: การเดินทางเริ่มต้น
พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ – เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางข้ามทวีปสู่ดินแดนแห่งธรรมชาติอันงดงามของนิวแฮมป์เชียร์ เจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
ออกเดินทางสู่โดฮา – โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR837 เวลา 02.00 น. พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
วันที่ 2: – เดินทางสู่นิวแฮมป์เชียร์
แวะเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา – เติมพลังระหว่างการเดินทางที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด หนึ่งในสนามบินที่ทันสมัยที่สุดของโลก
บินต่อสู่แมนเชสเตอร์ – โดยเที่ยวบิน QR725 ออกเดินทางเวลา 08.00 น. ถึงเวลา 15.30 น. ท่าอากาศยาน Manchester-Boston Regional Airport
เดินทางต่อไปยังนิวแฮมป์เชียร์ – ต่อเครื่องด้วยเที่ยวบิน QR2645 ออกเดินทางเวลา 18.30 น. และเดินทางถึงเวลา 21.57 น. เตรียมปรับตัวกับเวลาที่ต่างกันถึง 11 ชั่วโมง
เข้าที่พัก – เช็คอินเข้าที่พักในเมือง Portsmouth เพื่อพักผ่อนหลังจากการเดินทางอันยาวนาน
วันที่ 3: New Hampshire อ้อมกอดแห่งธรรมชาติ
เมืองพอร์ตสมัธ (Portsmouth) – เริ่มต้นทริปที่เมืองท่าเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำ Piscataqua ที่มีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปถึงปี ค.ศ. 1623 มีสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี
White Mountains – เทือกเขาสูงตระหง่านในเขตอุทยานแห่งชาติ White Mountain National Forest ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอปพาเลเชียน สวรรค์ของนักเดินป่าและในฤดูหนาวเป็นแหล่งเล่นสกีชั้นเยี่ยม
Mount Agamenticus – ภูเขาที่ไม่สูงนัก (211 เมตร) แต่มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามครอบคลุม 3 รัฐ ได้แก่ นิวแฮมป์เชียร์ เมน และแมสซาชูเซตส์ ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นได้ไกลถึงเทือกเขา White Mountains
Seacoast Science Center – ศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลที่น่าสนใจ ตั้งอยู่ใน Odiorne Point State Park ริมอ่าวเมน สามารถสัมผัสสิ่งมีชีวิตทางทะเลได้อย่างใกล้ชิดในบ่อสัมผัส (touch tank)
วันที่ 4: White Mountains มนต์เสน่ห์ใบไม้เปลี่ยนสี
Kancamagus Highway – เส้นทางขับรถชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา ทอดยาว 56 กิโลเมตรผ่านป่าเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้หลากสี ตั้งแต่เหลืองทอง ส้มแดง ไปจนถึงแดงเข้ม ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
Franconia Notch State Park – ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของ “The Old Man of the Mountain” สัญลักษณ์ทางธรรมชาติที่มีลักษณะคล้ายใบหน้าคนอยู่บนหน้าผา (พังทลายในปี 2003) ปัจจุบันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมด้วยความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะ Flume Gorge หุบเขาแคบที่มีทางเดินไม้ให้เดินชม
Mount Washington – ยอดเขาสูงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ (1,917 เมตร) มีชื่อเสียงด้านสภาพอากาศรุนแรงและลมแรง เคยบันทึกความเร็วลมสูงสุดถึง 372 กม./ชม. ในปี 1934 สามารถขึ้นไปชมวิวได้ด้วยรถไฟฟันเฟืองโบราณ (Cog Railway) หรือขับรถขึ้นไปตาม Mt. Washington Auto Road
วันที่ 5: Vermont ดินแดนแห่งใบไม้เปลี่ยนสีและช่องเขาแคบ
Vermont – รัฐที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Green Mountain State” เต็มไปด้วยป่าเขาและทุ่งหญ้า มีฟาร์มเมเปิลไซรัปและชีสที่มีชื่อเสียง ในฤดูใบไม้ร่วงป่าเขาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองและแดงสด
Smugglers’ Notch – ช่องเขาแคบระหว่างภูเขา Mansfield และ Sterling ที่ในอดีตเคยเป็นเส้นทางลับของผู้ลักลอบขนสินค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา ปัจจุบันเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามโดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง มีโขดหินขนาดใหญ่ขนาบทั้งสองข้างทาง
Stowe Mountain Resort – รีสอร์ทและสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่บนเนินเขา Mt. Mansfield ภูเขาที่สูงที่สุดในรัฐเวอร์มอนต์ (1,339 เมตร) แม้จะมีชื่อเสียงในฤดูหนาว แต่ในฤดูใบไม้ร่วงก็สวยงามไม่แพ้กัน ด้วยวิวภูเขาที่ปกคลุมด้วยใบไม้หลากสี
วันที่ 6: Burlington เมืองริมทะเลสาบแสนสงบ
Burlington – เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเวอร์มอนต์ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ Champlain เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีบรรยากาศคึกคักแต่ยังคงความเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก Church Street Marketplace ถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่น
Waterfront Park – สวนสาธารณะริมทะเลสาบ Champlain ที่สวยงาม มีทางเดินริมน้ำให้ชมวิวทะเลสาบที่กว้างใหญ่ (ความกว้างถึง 19 กม. ในบางจุด) โดยมีเทือกเขา Adirondack ของรัฐนิวยอร์กเป็นฉากหลัง ในฤดูใบไม้ร่วงจะมีต้นไม้เปลี่ยนสีโดยรอบ
Ethan Allen Homestead – บ้านประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ของ Ethan Allen วีรบุรุษในการปฏิวัติอเมริกาและผู้ก่อตั้ง Green Mountain Boys ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งรัฐเวอร์มอนต์ เป็นอาคารไม้โบราณที่ได้รับการบูรณะให้เหมือนยุคศตวรรษที่ 18
วันที่ 7: Lake Placid เมืองแห่งโอลิมปิกและธรรมชาติ
Lake Placid – หมู่บ้านตากอากาศในรัฐนิวยอร์ก เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวสองครั้งในปี 1932 และ 1980 ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา Adirondack อันสวยงาม มีทั้งสนามกีฬาโอลิมปิกที่ยังใช้งานอยู่ และร้านค้าร้านอาหารมากมาย
Mirror Lake – ทะเลสาบขนาดเล็กใจกลางเมือง Lake Placid ที่มีชื่อตามลักษณะน้ำที่ใสนิ่งราวกับกระจกสะท้อนภาพเทือกเขาโดยรอบ มีทางเดินรอบทะเลสาบยาวประมาณ 4 กิโลเมตร ให้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
High Falls Gorge – น้ำตกและหุบเขาที่สวยงามใกล้เมือง Wilmington ห่างจาก Lake Placid ประมาณ 15 นาที มีทางเดินที่ปลอดภัยให้ชมน้ำตกสี่แห่งที่ไหลผ่านหุบเขาหินแกรนิตอายุนับพันล้านปี ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสีโดยรอบจะเพิ่มความงดงามให้กับน้ำตก
วันที่ 8: Saratoga Springs เมืองแห่งน้ำแร่และสวนสวย
Saratoga Springs – เมืองที่มีชื่อเสียงด้านแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และยังเป็นที่ตั้งของสนามแข่งม้าที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐฯ (Saratoga Race Course) เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่และสวนสาธารณะที่สวยงาม
Congress Park – สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่มีน้ำพุน้ำแร่ธรรมชาติหลายแห่ง แต่ละแห่งมีแร่ธาตุและรสชาติแตกต่างกัน นักท่องเที่ยวสามารถลองชิมและนำขวดมาเติมน้ำแร่กลับบ้านได้ฟรี มีอาคารประวัติศาสตร์อย่าง Canfield Casino (ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์) และม้าหมุนโบราณ Congress Park Carousel
Saratoga Spa State Park – อุทยานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น National Historic Landmark เต็มไปด้วยบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ อาคารประวัติศาสตร์ และเส้นทางเดินป่า ในฤดูใบไม้ร่วงเต็มไปด้วยต้นไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม เป็นที่ตั้งของ Saratoga Performing Arts Center โรงละครกลางแจ้งที่เป็นบ้านของ New York City Ballet และ Philadelphia Orchestra ในช่วงฤดูร้อน
วันที่ 9- Hudson Valley
Hudson Valley – สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามไม่ควรพลาด
Walkway Over the Hudson – สะพานเดินเท้าข้ามแม่น้ำฮัดสันที่ยาวที่สุดในโลก
Kykuit – บ้านและสวนประวัติศาสตร์ ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว Rockefeller หนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
วันที่ 10
– Catskills Mountains
Catskills Mountains – เทือกเขาที่มียอดเขาหลายแห่งสูงถึง 1,200 เมตร เช่น Hunter Mountain และ Slide Mountain
Kaaterskill Falls – หนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในนิวยอร์ก ชมความงามของน้ำตกพร้อมใบไม้เปลี่ยนสี
Hunter Mountain – สถานที่เล่นสกีและสโนว์บอร์ดที่มีชื่อเสียง
วันที่ 11
New York City – มหานครที่ไม่เคยหลับใหล
Central Park – ปอดยักษ์ใจกลางเมือง
Times Square – ย่านราตรีที่ไม่เคยหลับไหล สว่างไสวตลอด 24 ชั่วโมง
Brooklyn Bridge – แลนด์มาร์กสำคัญแห่งนิวยอร์ก
วันที่ 12
Metropolitan Museum of Art – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
Empire State Building – ไอคอนแห่งนิวยอร์ก ชมวิวทิวทัศน์มหานครจากมุมสูง
The High Line – สวนสาธารณะลอยฟ้า สร้างบนรางรถไฟยกระดับเก่า
Battery Park – สวนกลางเมืองนิวยอร์กอันโด่งดัง
Washington Square Park – พื้นที่สาธารณะที่อุทิศให้กับ George Washington
วันที่ 13
Fifth Avenue – ถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในแมนฮัตตัน
ย่าน SoHo – ถนนที่เต็มไปด้วยร้านบูติกแฟชั่นสุดหรู ร้านกาแฟ ศิลปะถนน และแกลเลอรีแสดงงานศิลปะที่ทันสมัย
Greenwich Village – หรือที่เรียกกันว่า “The Village” ย่านศิลปะและวัฒนธรรมในเขตแมนฮัตตัน
เดินทางกลับกรุงเทพฯเที่ยวบิน: QR702 เวลา 21:30 น.
เปลี่ยนเครื่องที่โดฮา
ต่อเที่ยวบิน: QR838 เวลา 19:35 น.
วันที่ 14
05:55 น. – ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (ข้ามเขต Time zone)